22 สิงหาคม 2546 07:17 น.

หลั่งไหลดังสายชล

พี่ดอกแก้ว

ความร้อนแล้งแห้งผากจากแดดเผา 
ความอับเฉาทักไพรไร้คำหวาน 
สะกดให้ใบร่วงควงลงลาน 
และกิ่งก้านแห้งห่อท้อแรงลม 

ยิ่งนานวันผันร่างกลางลมร้อน 
จึงโยกคลอนลำต้นจนเอนล้ม 
แล้วแน่นิ่งไม่ติงไหวไร้อารมณ์ 
ดุจดังจมถมซากฝากธรณี 

ธารชีวิตนิ่งสนิทในเมตตา 
จะค้นหาสิ่งใดในร้อนนี้ 
ที่รุมเร้าเผาไหม้ในอัคคี 
ทุกถิ่นที่ทุรนทุรายไร้ธารา 

ผ่านคืนวันอันร้ายกลายวงวัฏฏ์ 
ที่หมุนจัดด้วยกิลสและตัณหา 
อันร้อนรนบนพื้นพสุธา 
ผุดโรคาโกลาหลจนลนลาน 

พลันโลกเคลื่อนเลื่อนไหลไหวแผ่นดิน 
มหัศจรรย์คืนถิ่นชมพูสถาน 
ดุจฝนทิพย์ชะล้างสร้างดวงมาน 
ให้เบิกบานแตกตามาจากตอ 

ความร้อนรนบนแล้งเคยแห้งผาก 
เริ่มล้นหลากชื้นชุ่มชอุ่มศอ 
ผลิใบบ่มร่มธรรมนำพนอ 
แล้วผลิช่ออริยาคราฝนพรำ 

ปฐพีที่ร้อนมาค่อนโลก 
จึงไร้โศกโลกสงบพบเย็นล้ำ 
ด้วยหลั่งไหลสายธารเมตตาธรรม 
เป็นลำนำสุขสงบพบความงาม 				
22 สิงหาคม 2546 07:13 น.

คำมั่นสัญญา

พี่ดอกแก้ว

อาจเป็นคนงมงายในความรัก 
มิเคยหักใจลาคราหม่นหมอง 
ยังคงเฝ้าแหงนคอเพื่อรอมอง 
ดวงจันทร์ส่องแสงนวลยวนแผ่นดิน 

กี่สิบครั้งขังตนบนความร้าว 
กี่ร้อยคราวฟังคำที่ดูหมิ่น 
กี่พันหนยลแผลจนชาชิน 
ยังมิสิ้นห่วงหาและอาทร 

อาจเป็นเหมือนคนไร้ความเข้มแข็ง 
หมดเรี่ยวแรงผละใจเพื่อถ่ายถอน 
ยังคงเป็นเป้าอารมณ์ที่ขมร้อน 
ให้เธอย้อนเย้ยว่าจนสาใจ 

ความเจ็บปวดรวดร้าวทุกคราวครั้ง 
ใจนี้ยังทนอยู่รับรู้ไหว 
เพียงเห็นเธอคลายหมองที่ครองใจ 
เจ็บของฉันไม่เท่าไหร่หรอกคนดี 

อาจเป็นคนทนทานปานโง่งม 
ที่เพียงก้มหน้าฟังอยู่อย่างนี้ 
เพราะโอกาสใกล้เธอที่ฉันมี 
คือครั้งที่ไม่มีใครให้ระบาย 

ความภักดีที่มีแน่นดังแผ่นผา 
คำสัญญามิเคยจางและห่างหาย 
คือสิ่งที่มีให้เธอไม่เคยคลาย 
เป็นความหมายในรักภักดิ์นิรันดร์ 

				
22 สิงหาคม 2546 07:10 น.

ดวงใจไร้กำแพง

พี่ดอกแก้ว

กลางดวงใจไร้กำแพงแห่งชนชั้น 
สนามจันทร์ผันสายใยไปทุกที่ 
เหม่อมองฟ้าครามอดถอดฤดี 
ยังคงมีชาลีอาสน์ราชวัล 

สถิตย์เด่นเช่นสักขีมารีรัตน์ 
เชื่อมสองฝั่งเรืองระบัดในความฝัน 
ให้สวยงามยามเย็นเร้นตะวัน 
ย่าเหลนั้นยังคงเฝ้าทุกเช้าเย็น 

งามด่ำใจในพระพิฆเณศวร 
อันอบอวลชวนใจให้พ้นเข็ญ 
งามโรงโขนอ่อนโยนในยามเย็น 
เคยเดินเล่นชมไม้ในลานเวียง 

คำนึงคิดให้เยือนเรือนทับขวัญ 
คลอเคียงกันด่ำใจไร้สรรพเสียง 
งามเรือนไทยกลางไม้ใบระเรียง 
แล้วมองเมียงทับแก้วที่แพรวตา 

รอหัวใจให้มารับกลับเรือนรัก 
มิใคร่จักพักหัวใจไว้วังหน้า 
เพียงใฝ่ฝันวังหลังริมธารา 
ด้วยหมายว่าสุขสงบพบคนดี 

				
21 สิงหาคม 2546 19:11 น.

สงบ

พี่ดอกแก้ว

มีอารมณ์บ่มเหตุกิเลสหมอง 
ใจจึงครองยินดีมีความหมาย 
ให้โลดลิ่วปลิวระเริงเพลิงโลภพราย 
บางครั้งกลายโกรธกระทบกลบกมล 

เป็นอย่างนี้ทุกครั้งที่รับสัมผัส 
เพราะถูกหัดตัดสินสิ้นเหตุผล 
จึงวนเวียนวงกรรมนำชีพชน 
มิให้พ้นสังสารมานานเนาว์ 

เมื่อพานพบสงบธรรมนำความรู้ 
ให้ตั้งอยู่ในสี่สติปัฏฐาน 
จึงเข้าใจในสงบพบตำนาน 
ที่ถักสานทางชีวิตลิขิตกรรม 

เพียงรับรู้อยู่กับปัจจุบัน 
และเท่าทันสิ่งกระทบจบความช้ำ 
เป็นเพียงธาตุขาดตัวตนบนความจำ 
เป็นเพียงธรรมรูปนามตามที่มี 

ใจไม่หวั่นจึงไม่ไหวในกิเลส 
ด้วยรู้เหตุแห่งกรรมที่ทำนี้ 
พิจารณาตามดูอย่างรู้ดี 
ว่าทุกฐานนั้นมีแต่รูปนาม 
				
21 สิงหาคม 2546 19:09 น.

คนนี้ที่รอคอย

พี่ดอกแก้ว

คงเหม่อมองท้องฟ้าเมื่อคราพลบ 
หมายบรรจบใจดาวพราวฟ้าใส 
ด้วยความหวังความหมายสื่อสายใจ 
จะโยงใยรักนี้ไปที่ดาว 

เพื่อเปล่งแสงแรงรัศม์ดุจฉัตรฟ้า 
คุ้มนภาครองหนบนกลางหาว 
โปรยละอองของเกล็ดแห่งแววดาว 
ให้เธอได้รู้ข่าวของคนไกล 

อยู่ตรงนี้ที่เคยเคียงเรียงรูปฟ้า 
คำสัญญาต่อหน้าดาวคราวฟ้าใส 
ยังยึดถือคือหลักพิทักษ์ใจ 
จดจำไว้ในบางคำย้ำสัญญา 

สายลมเย็นเห็นใจในคนคอย 
เมฆน้อยน้อยมาเป็นเพื่อนคอยเยือนหล้า 
อยู่ตรงไหน..เมื่อใดจะกลับมา 
รู้ไหมว่าใครคนนี้ที่คอยรอ 				
Calendar
Lovers  1 คน เลิฟพี่ดอกแก้ว
Lovings  พี่ดอกแก้ว เลิฟ 1 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพี่ดอกแก้ว
Lovings  พี่ดอกแก้ว เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพี่ดอกแก้ว
Lovings  พี่ดอกแก้ว เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงพี่ดอกแก้ว