29 สิงหาคม 2546 22:02 น.
พี่ดอกแก้ว
.....มองหนทางข้างหน้ามาแต่เช้า
สองตาเฝ้ารอคอยละห้อยหา
อยากจะเห็นใครคนนั้นเดินกลับมา
พร้อมรอยยิ้มเกลื่อนหน้าและทักทาย
....ตะวันคล้อยลอยเลื่อนเคลื่อนสูงแล้ว
ยังไม่มีวี่แววที่มาดหมาย
ตะวันเคลื่อนเลื่อนคู่เข้าสู่บ่าย
ไม่มีสายตาใครให้สบตา
...ตะวันย่ำค่ำแล้วโอ้แก้วเอ๋ย
ไฉนเลยยังไม่กลับคืนมาหา
มองหนทางอย่างนี้ตลอดมา
นับเวลาผ่านได้เป็นหลายปี
29 สิงหาคม 2546 21:57 น.
พี่ดอกแก้ว
เรียงร้อยถ้อยคำรัก
แล้วทอถักเป็นภาษา
ปรุงใจสื่อสายตา
น้ำคำพารื่นกมล
รักเอยช่างหวานล้ำ
ทุกถ้อยคำเปี่ยมกุศล
เจือจานไปสู่ชน
ผู้หนาวเหน็บเจ็บช้ำใจ
ใยรักถักทอร่าง
ครอบคลุมทางทั้งไกลใกล้
สื่อสารใจสู่ใจ
ไม่ทอดทิ้งให้กริ่งเกรง
เพลงรักประโคมหล้า
ดินและฟ้าร่วมบรรเลง
หัวใจชนครื้นเครง
เปี่ยมสุขล้ำธรรมธารา
29 สิงหาคม 2546 21:52 น.
พี่ดอกแก้ว
ก้าวที่ผ่าน ยิ่งนาน ยิ่งเมื่อยล้า
แสงแดดกล้า แผดเผา เข้าขุมขน
เสียงของพ่อ ยังก้อง ในกมล
อยู่ที่ตน หาใช่ ใครทำลาย
ความเจ็บช้ำ ลวงหลอก และกลอกกลิ้ง
หาใช่สิ่ง สำคัญ ควรมั่นหมาย
ใจของตน นั่นแหละ ไม่สบาย
จึงแพ้พ่าย คิดไม่ทัน ตันปัญญา
ไม่มีใคร ทำร้าย ใจใครได้
อย่ากล่าวโทษ ผู้ใด สร้างปัญหา
ดูตนเอง และพิเคราะห็์ ให้เหมาะตา
เป็นเวรกรรม ทำมา พาถึงตัว
บางครั้งคำ พูดที่ มีความลวง
หาใช่หมาย ทำบ่วง แกล้งปั่นหัว
เพราะเขาอาจ เกรงใจ และเกรงกลัว
หรือเขาอาจ หวังดีทั่ว กลัวเกรงใจ
เหมือนกับพ่อ ล่อหลอก บอกลูกรัก
อย่าดื้อนัก เดี๋ยวคนบ้า จะหมั่นไส้
อย่าร้องไห้ เดี๋ยวตุ๊กแก กินตับไต
อย่าออกไป เที่ยวเล่น ผีเห็นตัว
คำบางคำ เปี่ยมไซร้ น้ำใจจริง
อาจผิดพลาด บางสิ่ง อย่าหนักหัว
มองให้ถึง เจตนา อย่าเมามัว
ตัดดีชั่ว แค่คำพูด พิสูจน์คน
คำบางคำ พูดพล่อย ด้อยสติ
และดำริ แต่อธรรม ไม่นำผล
จงพินิจ พิจารณา ในคำคน
เพ้อเจ้อหรือ เปี่ยมล้น ด้วยน้ำใจ
จะหนีไป แห่งใด ก็ใจเจ้า
สุขและทุกข์ ยังเร่งเร้า ตามไปได้
เพราะรู้สึก นั้นเกิดขึ้น ที่จิตใจ
อย่าผลักไส เพราะโทโส และโกรธา
ไม่มีใคร รังแกใคร ให้เจ็บจิต
เจ้าจงจำ และขบคิด ให้ดีหนา
เมื่อจะจาก พ่อไป อยู่ไกลตา
จงรักษา ไมตรีจิต ในมิตรดี
อย่าใจเบา คลุกเคล้า แต่คำหวาน
เพราะยาพิษ เคลือบน้ำตาล มีมากสี
อย่าขมใจ ผลักไส คำพูดดี
แม้จะมี ไม่น่าฟัง จงตั้งใจ
ฝึกหัดตน ให้หลุดพ้น จากความโกรธ
ความมัวเมา เฉาโฉด และเหลวไหล
กตัญญู รู้ค่า ในน้ำใจ
ของผู้ให้ ทุกๆคน บนเส้นทาง
29 สิงหาคม 2546 13:59 น.
พี่ดอกแก้ว
รายรายพรายระยับ
วะวาววับกับแสงพราว
เรียงเรียงระเบียงดาว
ระบัดพร่างกลางโพยม
เรื่อยเรื่อยอารมณ์ศิลป์
ก็จารจินต์ความงามสม
เกล็ดดาวพราวราวพรม
เป็นอาภรณ์ซ่อนราตรี
เอิบอิ่มกระหยิ่มใจ
สว่างไสวคืนนี้
ดื่มด่ำในฤดี
มีแสงดาวพราวพร่างใจ
29 สิงหาคม 2546 13:53 น.
พี่ดอกแก้ว
จะส่งเสียง เสียงสรรค์ ปันคำถาม
เป็นนิยาม ยามไร้ ใครส่งเสียง
ให้ครวญคิด คิดถาม ตามสำเนียง
แม้นเป็นเพียง เพียงเงา คราวท้อใจ
เดินมานาน นานนัก เพื่อถักฝัน
เคยฝ่าฟัน ฟันฝ่า มาแต่ไหน
เหนื่อยเหลือเกิน เกินกล่าว กับผู้ใด
กี่ครั้งที่ ที่ไร้ ใครอาทร
เคยเสียใจ ใจเสีย เพลียกายนัก
เคยจมปลัก ปลักตรม ที่ขมขื่น
เคยพ่ายแพ้ แพ้ใจ ให้กล้ำกลืน
เคยทนฝืน ฝืนไว้ ไม่ยอมรา
ที่ผ่านมา มาแล้ว แคล้วคลาดพ้น
นี่อีกหน หนนี้ ที่หนักหนา
ต้องพ้นได้ ได้ชัย ไปอีกครา
จดจำว่า ว่าต้องสู้ อยู่ด้วยใจ