2 ธันวาคม 2546 10:42 น.
พี่ดอกแก้ว
หมายไปสู่ภูผาคราลมหนาว
สัมผัสราวละอองไหมในหมอกฝัน
รับความเย็นยะเยือกไว้ในใจพลัน
คลายความหันเหร้อนผ่อนอุรา
หมายไปชมผืนไพรในโลกกว้าง
ที่ไม่ร้างมุมมองของพฤกษา
สดขจีสีสันลออตา
มวลผกาเป็นโอสถรดความชัง
หมายไปพบความสงบและสวยงาม
ไร้คำถาม ..คำบ่น ..ค้นความหลัง
ไร้คำคน ..คุกคาม ..หยามประดัง
ไร้ปัญหา ..รุงรัง ..ที่รอบกาย
หมายไปพักถักใจให้มีแรง
เพื่อกล้าแกร่งคืนกลับไม่ลับหาย
ล้างความเบื่อ...เหลือความหวังยังพร่างพราย
ล้างความหน่ายเหนื่อยท้อต่อการงาน
หมายไปพ้นคนพูดมากหลากคำถาม
สักชั่วยาม..ตามใจปองร้องขับขาน
หมายปลดแอกแบกภาระที่คะคาน
สักวันวาร..เพื่อให้บ่าไม่ล้ากรำ
แต่สุดท้ายที่มุ่งหมายมิได้มา
เพราะมิเหลือเวลาให้หมายซ้ำ
มีชีวิตลิขิตงานเพื่อสานทำ
ก้มหน้ากรำงานต่อไม่ท้อใจ
มีเพียงจินตนาการมาสานฝัน
ล่องลอยพลันไปตามภาพฉาบฟ้าใส
พบความเย็นเห็นความงามตามพฤกษ์ไพร
ล้างหัวใจได้เท่านี้ที่ภาพวิว
2 ธันวาคม 2546 10:30 น.
พี่ดอกแก้ว
อยู่กลางใจไหววาบอาบไอหวาน
บอกตำนานการคงอยู่คู่แสงไข
เกื้อกำเนิดเกิดก่อความเกรียงไกร
ให้เคลื่อนไหวในโลกหล้าพาร่มเย็น
คือแสงไฟจากใจบุรุษเพชร
หมายเผด็จดัสกรผ่อนเคืองเข็ญ
บารมีปรี่แรงแห่งบำเพ็ญ
ระบัดความร่มเย็นสู่มรรคา
สาดส่องไปสู่ฤทัยผู้ใส่จิต
หมดนิมิตเกิดก่อต่อตัณหา
แม้นวิบากหลากไหลไม่นำพา
จิตโสดาตัดรอนสิ้นถิ่นชนกกรรม
เป็นกุศลพ้นวัฏฏะละเหตุทุกข์
สิ้นเชื้อปลุกอนุสัยไร้ความช้ำ
ถึงเศษบาปอาบร่างสร้างระกำ
มิอาจทำใจไหวในเหตุการณ์
การบรรลุมรรคผลจนสิ้นเชื้อ
มีปัญญาก่อเกื้อเพื่อสังหาร
สามัคคีมีในมรรคจักรอนราญ
กิเลสพาลตามประเภทเหตุกำลัง
คือทางเดียวที่เหนี่ยวได้ไปนิพพาน
เป็นทางที่ทิ้งมารไว้เบื้องหลัง
ตัดวัฏฏะละเหตุเก่าที่น่าชัง
จิตพิสุทธิ์ถึงฝั่งวิมุติธรรม
ละกิเลสได้สิ้นเชื้อไม่เหลือไฟ
ในดวงใจไร้ทุกข์มารุกล้ำ
แต่กายต้องกระทบวิบากกรรม
ที่เคยทำตามส่งผลไม่พ้นไป
จนกว่าจะปรินิพพานลง
อโหสิกรรมเลิกส่งผลมาให้
เพราะไร้สิ้นผู้รับผลพิษภัย
ไม่มีใดนอกเหตุกรรมนำผลเลย
ขอทวนซ้ำย้ำวิบากว่าคือผล
หาใช่กลลวงใครไม่เปิดเผย
เมื่อใดเหตุปัจจัยพร้อมย่อมเกิดเลย
อยู่ที่จิตจะวางเฉย..เพราะรู้จริง
แม้นพระพุทธองค์ผู้ทรงชัย
ก็มิอาจพ้นผลกรรมได้เลยสักสิ่ง
เคยบำเพ็ญทุกรกิริยาหาความจริง
ไม่อาจอิงด้วยฤทธิ์ฌานผ่านผลภัย
ทรงบอกทางสายเอกไว้เสกจิต
มิได้ทรงให้สิทธิ์เลือกทางไหน
เมื่อจิตพ้นธุลีที่นองใจ
จึงตัดใยอกุศลพ้นภพภูมิ
2 ธันวาคม 2546 10:19 น.
พี่ดอกแก้ว
พระเอยพระผ่านฟ้า
ร่มประชาชาวสยาม
เอกองค์ผู้ทรงนาม
มหาราชแห่งจักรี
องค์พระภูมิพล
คุ้มผองชนไปทุกที่
เมตตาพระบารมี
จรดขอบแคว้นทั่วแดนทอง
ดั่งดวงพระสุรีย์
ส่องราศีทั่วทั้งผอง
โปรยสุขให้เนืองนอง
พยุงศาสน์สะอาดธรรม
เฉลิมรอบพระชนม์
น้อมกมลเทิดเศียรค้ำ
จอมไทยผู้จอมธรรม
แทบเบื้องบาทภูบดี
อัญเชิญรัตนตรัย
และเทพไท้ทั่วธานี
บริบาลจอมจักรี
เจริญพละยิ่งพระชนม์
กิจใด ธ ประสงค์
เจตน์จำนงสำเร็จผล
ด้วยเกล้าด้วยกมล
ขอจงทรงพระเจริญ
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ
ข้าพพระพุทธเจ้า ดอกแก้ว
www.abhidhamonline.org/
13 พฤศจิกายน 2546 05:23 น.
พี่ดอกแก้ว
ขอเป็นเพียงใบไม้ใบเล็กๆ
ที่ได้อยู่ใกล้และดูแลต้นไม้
แม้ต้นไม้จะไม่เคยเห็นความสำคัญ
ของใบไม้ใบนี้เลย...แม้แต่นิดเดียว
เพลงใบไม้ไหวพลิ้วปลิวตามลม
ท่วงทำนองพ้องบ่มเพื่อแมกไม้
แม้นเป็นเพียงหนึ่งน้อยในร้อยกาย
คือใบไม้แห่งรักและภักดี
หวังจะบังแสงกล้าครากลางวัน
แม้นแสงนั้นแผดเผาให้ร้าวศรี
หรือลมร้ายกรายกล้ำย้ำราวี
ก็เพียงมีหวังว่าจะคุ้มครอง
ถึงแม้นมีมากมายหลายใบบัง
ขอเป็นเพียงหนึ่งยังที่คุ้มหมอง
แม้วันหนึ่งปลิดใบตามครรลอง
ยังหมายปองดูแลต้นให้พ้นภัย
11 พฤศจิกายน 2546 22:29 น.
พี่ดอกแก้ว
ลมหายใจมีอยู่คู่ชีวิต
และดวงจิตรับรู้อยู่ทุกหน
แม้นเหนื่อยหนักเพียงใดในกมล
ใจของตนก็รู้ใจ...ไม่เคยลืม
จะทุกข์เศร้าเหงาโศกเพราะโรคร้าย
หรือสบายสนุกสุขปลาบปลื้ม
ความรู้สึกมิอาจให้ใครหยิบยืม
ตั้งใจลืมก็มิได้ในเรื่องราว
ครั้งที่ล้มลุกคลุกคลานลานน้ำตา
ความอ่อนล้ามาชิดใกล้ให้สืบสาว
ลืมเรื่องลมหายใจไปชั่วคราว
เพราะเหน็บหนาวกับเรื่องขมระทมใจ
มองผิดไปว่าหากไร้ใครคนหนึ่ง
ก็อาจถึงชีวิตปลิดหม่นไหม้
มองเห็นทรัพย์กับสรรเสริญเกินจริงไป
ว่าเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ของชีวา
หาคำตอบขอบเป้าหมายไม่สิ้นสุด
โลกมนุษย์มีมากมายให้ค้นหา
แต่งตั้งให้วัตถุนอกกายา
เป็นสิ่งที่มีค่ายิ่งปัจจัย
หากไม่มีลมหายใจให้รับรู้
ทรัพย์ที่อยู่จะมีค่าหรือไฉน
ยศและลาภที่หาบและคอนไว้
มีความหมายอันใดเมื่อไร้ลม