30 เมษายน 2547 19:21 น.
พี่ดอกแก้ว
วัยดรุณกรุ่นฝัน
ระเริงหรรษ์อย่างสดใส
ดุจเขียวเรียวไม้ใบ
ระริกร่าท้าลมแรง
ประสบพบการณ์ต่าง
บางครั้งคว้างเริ่มหน่ายแหนง
บางคราวเกิดเคลือบแคลง
ก็เรียนรู้อยู่ตามกาล
ผ่านแดดผ่านลมฝน
ฝึกอดทนให้ฮึกหาญ
ปรับสีเปลี่ยนสันดาน
ไปตามเพลงประพฤติตน
สุดทางต่างจุดหมาย
เพราะวุ่นวายใจสับสน
มีเพียงบางบุคคล
ที่สบสุขไร้ทุกข์ใจ
30 เมษายน 2547 19:16 น.
พี่ดอกแก้ว
ปรับพื้นใจไร้รอยที่พร้อยแผล
มุ่งดูแลสิ่งใหม่ให้ใจหรรษ์
ลบรอยหมางล้างหม่นเมื่อพ้นวัน
เลิกกำหนดโทษทัณฑ์ของผู้ใด
ใจจักใสไร้อดีตมาขีดขุ่น
ไม่หมกมุ่นเสียกาลนานเฉไฉ
ทำกุศลปัจจุบันด้วยหัวใจ
อุปสรรคสิ้นไร้ที่ใจตน
30 เมษายน 2547 09:39 น.
พี่ดอกแก้ว
ควันคละคลุ้งเปลวไฟไล่ฮือโหม
เสียงจู่โจมกึกก้องสู่ท้องฟ้า
บ้านเรือนเผาวอดวายในพริบตา
มัจจุมารเข่นฆ่าซากเกลื่อนดิน
เรื่องของใจกระหายเลือดเดือดพลุ่งพล่าน
กระฉอกจนสะท้านผู้โหดหิน
สวมวิญญาณนักฆ่าจอมทมิฬ
เห็นผู้อื่นแดดิ้นจึงสุขใจ
ไร้มโนสำนึกตรึกถึงธรรม
อำนาจดำครองจิตผิดวิสัย
เมาอำนาจทาสยาพิษมากฤทธิ์ภัย
ไทยฆ่าไทยไร้ถิ่นสิ้นปรานี
ผู้บงการสานใยใครคนนั้น
หัวใจต่ำช้าชั้นไร้ศักดิ์ศรี
ความต้องการคือสิ่งใดในปฐพี
จะยืนชีพกี่นาทีเพื่อเสพครอง
อายุขัยไม่เกินกว่าหนึ่งร้อยปี
ควรเร่งสร้างความดีตอบสนอง
ผืนแผ่นดินถิ่นงามตามครรลอง
ใช่หมายปองครองเขตประเทศไทย
อย่ามักใหญ่ใฝ่อำนาจขาดยั้งคิด
ไม่มีใครมีสิทธิ์สมบัติไหน
ครอบครองเพียงชั่วคราวก็ผ่านไป
แล้วทิ้งไว้ให้คนเขลาเข้าแย่งชิง
29 เมษายน 2547 08:26 น.
พี่ดอกแก้ว
เปิดม่านไพรเปิดใจให้ไร้ม่าน
เปิดห้วงกาลสู้ใหม่ไม่สิ้นสูญ
เปิดรอยก้าวประสบการณ์ที่เพิ่มพูน
เปิดตำนานทวีคูณจากสงคราม
เป็นบทเรียนเพียรฝึกให้นึกรู้
เลือดนักสู้ฆ่าได้อย่าให้หยาม
หากล้มลงถูกปลงชีพคุกคาม
ดีกว่าความอ่อนแอแพ้ใจตน
ใบไม้ผลัดผลิใหม่ไม่ยอมท้อ
ยังแตกช่อล้อไกวไปทุกหน
ตราบถึงวันสิ้นแรงจะบันดล
คือวันที่สิ้นตนเพราะความตาย
28 เมษายน 2547 23:41 น.
พี่ดอกแก้ว
หากเป็นเช่นแผ่นดิน
ไม่ถวิลเป็นสิงขร
ทำตนไร้ที่ดอน
เป็นลุ่มราบเพื่ออาบธาร
รสแห่งพุทธธรรม
จะน้อมนำให้สุขศานติ์
ไร้แล้งแห้งกันดาร
เพราะสิ้นการอหังการ์
อ่อนโยนโอนอ่อนน้อม
กายใจพร้อมไม่ถือสา
กับผู้คนนานา
ที่ล่วงเกิน..เจริญใจ
วางตนบนความจริง
ไม่ชังชิงหรือเกลียดใคร
ความเย็นจะรินไหล
สู่ใจไร้ความถือตน