5 สิงหาคม 2547 06:37 น.
พี่ดอกแก้ว
ราตรีหนึ่งซึ้งใจในคำหวาน
เสียงขับขานสัญญาว่ารักมั่น
กระชับเกลียวมุ่งหมายสายสัมพันธ์
เคียงคู่กันต่อสู้อยู่ชั่วกาล
เมื่อเนิ่นนานหวานคลายกลายเป็นขม
คำชื่นชมชืดลิ้นสิ้นความหวาน
เสียงตำหนิติฉินจากลิ้นราน
กลับฉะฉานเชือดเฉือนสะเทือนใจ
ใจสองใจเปลี่ยนไปแล้วใจหนึ่ง
เมื่อมาถึงจุดต่างระหว่างนิสัย
ใจที่มั่นในรักด้วยหัวใจ
ยังตรึงไว้ในสัญญามิลาเลือน
รอคอยวันคืนกลับมารับขวัญ
ลืมสัมพันธ์ลบเงาเขาเชือดเฉือน
รักมั่นคงตรงต่อฟ้ากว่าดาวเดือน
มีความรักเป็นเพื่อนหล่อเลี้ยงใจ
เสียงกระซิบคราวนั้นมั่นคงนัก
ประดุจหลักเหนี่ยวรั้งครั้งร่ำไห้
เมื่อนึกถึงขึ้นมาในคราใด
ชุบหัวใจให้ฟื้นคืนเรี่ยวแรง
เป็นฉากเศร้าของคนเขลาในความรัก
ยอมจมปลักรักไปไม่หน่ายแหนง
เป็นฉากงามของรักไม่เปลี่ยนแปลง
บทแสดงรักแท้แน่ที่ใจ
4 สิงหาคม 2547 17:07 น.
พี่ดอกแก้ว
เจ้าช่อเอื้องเฟื่องงามนามดอกไม้
จากแดนไพรไกลถิ่นถวิลหา
กลิ่นดอกเอื้องหมายดอมดมสมอุรา
จึงไขว่คว้าเจ้ามาไว้...ใกล้ใกล้ตัว
ยามหนักจิตพิศช่อก่อเกิดสุข
ความมละมุนปลอบปลุกคลายสลัว
ธรรมชาติรักษ์ใจ...ให้รักษ์ตัว
ความหม่นมัวกลายชื่นเพราะรื่นรมย์
3 สิงหาคม 2547 20:37 น.
พี่ดอกแก้ว
ความแออัดยัดเยียดเบียดที่อยู่
เพราะไร้ผู้เมตตาให้อาศัย
จึงจับจองกองขยะด้วยจำใจ
สร้างเพิงใหม่ไร้ขื่อชื่อ..สลัม
เป็นคนนอกทะเบียนเปลี่ยนที่อยู่
ต้องอุดอู้ซุกกายในขนำ
กว่าจะได้สิทธิอันชอบธรรม
ต้องระกำถูกรังเกียจเดียดชั้นชน
เหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัดจัดรูปแบบ
ความคับแคบเป็นช่องทางผู้หวังผล
สร้างอาชีพใหม่ใหม่อย่างแยบยล
ทุจริตชนขนยามากบดาน
เป็นชุมทางสร้างปัญหาพาตกต่ำ
ชื่อสลัมคือถิ่นที่ควรสงสาร
เด็กน้อยน้อยดุจดอกไม้ในมือมาร
คงแหลกราญหากปล่อยไว้ไม่ดูแล
แล้ววันหน้าเมื่อเติบกล้าเป็นผู้ใหญ่
สิ่งแวดล้อมอาจบ่มให้ตามกระแส
คงเข้าสู่มิจฉาฉาชีพเพราะอัดแอ
ราชการควรแก้สงเคราะห์การณ์
คนที่อยู่นอกสลัมอย่าทำเมิน
คนสลัมอย่าเพลินความสงสาร
ช่วยกันปลูกดอกไม้ให้เบิกบาน
รดด้วยธารน้ำใจถิ่นไทยงาม
3 สิงหาคม 2547 20:24 น.
พี่ดอกแก้ว
ปีกบอบบางคว้างลงตรงฝนหลั่ง
ผีเสื้อพลั้งเปียกปอนตอนฝนซ่าน
หรุบปีกลงใต้ใบไร้ร่องธาร
ไม่อาจผ่านเม็ดฝนที่หล่นมา
ทุ่งหญ้างามยามนี้ไร้สีสัน
ผีเสื้อพลันสิ้นลายในวรรษา
ธรรมชาติฝนพร่ำฉ่ำอุรา
เป็นอีกงามที่มีค่าน่าชื่นชม
3 สิงหาคม 2547 08:45 น.
พี่ดอกแก้ว
ภาพหนึ่งในดวงใจแสนงดงาม
ประทับความตรึงจิตพิสมัย
ให้แรงสู้คู่แรงบันดาลใจ
สู่เส้นชัยหลักทองของชีวี
สีสันที่แต่งแต้มแซมด้วยฝัน
ลวดลายนั้นปลอบปลุกให้สุขขี
บรรเจิดแสงส่องทางสร้างไมตรี
ราวภาพนี้มีมนต์ดลบันดาล
เวลาผ่านนานไปได้พิสูจน์
สีโปนปูดหลุดร่อนจากผืนม่าน
ความสดสวยที่เคยงามละลาน
ก็ถึงกาลเผยโฉมโทรมสิ้นมนต์
เห็นรอยด่างดำคราบอาบเนื้อผิว
ปรากฏริ้วรอยแผลไปทุกหน
วาดภาพสวยหมายปิดความพิกล
ลวงให้คนหลงใหลไร้พิจารณ์
ผู้หลงเชื่อเมื่อความจริงสิ่งปรากฏ
มักจะหมดความฝันอันห้าวหาญ
พากันโทษโกรธภาพเป็นหยาบพาล
ป่าวประจานจาบจ้วงล่วงวจี
ที่ควรโกรธโทษไปใช่ผืนภาพ
เพราะปัญญาที่หยาบจึงเชื่อสี
หลงไปเองในสิ่งคิดว่าดี
อย่าโทษสีว่าด้อยสรรพคุณ
ควรแก้ไขที่ใจให้พิเคราะห์
อย่างพอเหมาะคติมิหันหุน
ในโลกนี้แต่ละสิ่งมีโทษคุณ
จงสร้างทุนฝึกใจให้รู้ตรอง