16 ตุลาคม 2547 07:24 น.

ใจเย็นๆนะคะ

พี่ดอกแก้ว

อย่าเร่งร้อนผ่อนใจให้เย็นนิด 
มาครวญคิดอีกหน่อยสักร้อยหน 
พระศาสดาตรัสแจ้งแสดงกล 
ถึงเหตุผลเสื่อมกาลประหารธรรม 
 
เพราะมนุษย์มิหยุดความชั่วช้า 
ยิ่งเวลามาก พ.ศ.ก่อถลำ
คนดีจะลดน้อยถอยผู้นำ 
คนถือธรรมเดินดงไม่คงเมือง 
 
คนชั่วช้าจักมาครองความใหญ่ 
สร้างนิสัยนิยมผิดให้คิดเฟื่อง 
ผิดเป็นถูกปลูกใจคนทั้งเมือง 
และสร้างเรื่องเชิดตนบนอุบาย 
 
ที่ทำได้คือสู้ไปในทางตรง 
ด้วยใจจริงอย่างมั่นคงและสืบสาย 
ตามอำนาจหน้าที่ไม่เกินกาย 
หากเกินแล้วอาจมลายเป็นพิษภัย 
 
การวางใจในสิ่งที่ทำแล้ว 
คือใจแก้วแน่วแน่คิดแก้ไข 
เมื่อมีผลปรากฏประการใด 
ต้องยอมรับด้วยใจนักสู้จริง 
 
สุดฝีมือคือแค่นี้ที่ทำได้ 
แล้ววางใจยอมรู้ดูทุกสิ่ง 
ที่เกิดขึ้นในตนไม่เอนอิง 
พักใจให้สงบนิ่งเพิ่มพลัง 
 
จึงค่อยหาทางสู้กู้ต่อไป 
หากไม่สิ้นชีวิตไซร้อย่าไร้หวัง 
ทำเพื่อสาธารณะด้วยพลัง 
และจริงจังรักษ์ตนให้พ้นภัย				
14 ตุลาคม 2547 07:58 น.

รอยเท้าที่ก้าวเดิน

พี่ดอกแก้ว

วันที่แดดแผดกล้าพาร้อนรุ่ม 
ความเหนื่อยรุมกายแล้งแห้งระโหย 
ยามเย็นย่ำคล้ำม่านราตรีโปรย 
ความล้าโรยปิดทางขวางพลัง 

แม้ยังไปไม่ถึงซึ่งจุดหมาย 
เคยแพ้พ่ายขื่นขมไม่สมหวัง 
ยังคงเดินต่อไปอย่างจริงจัง 
ไม่หยุดยั้งรอยเท้าที่ก้าวเดิน 

ผ่านทางโค้งมากมายมาหลายครั้ง 
เกือบพลาดพลั้งร่วงหล่นบนเขาเขิน 
ฝ่าพายุที่โหมพัดจัดเหลือเกิน 
ร่องริ้วรอยยับเยินเกลื่อนผิวกาย 

ผ่านร่มไม้ชายน้ำยามเหนื่อยอ่อน 
ได้เอนกายพิงขอนผ่อนเส้นสาย 
ตะวันยังเรืองรุ่งงามพุ่งพราย 
รอก่อนนะ..ฉันหมายไปพบตะวัน 

จะไปทาสีฟ้า..ให้ฟ้าสวย 
จะวานลมให้ช่วยพัดความฝัน 
จะไปช่วยสาดลำแสงสุริยัน 
ให้โลกพลันงดงามด้วยความดี 				
13 ตุลาคม 2547 08:15 น.

..อ้อนเพื่อน..

พี่ดอกแก้ว

คำว่าเพื่อนเตือนไว้ว่าไม่เหงา 
นอกจากเรายังมีสื่อชื่อ...สหาย 
ช่วยนำความอบอุ่นล้อมรอบกาย 
และทำลายเรื่องเศร้าพ้นเงาใจ 

คราวทุกข์ร้อนคนให้อ้อนก็คือเพื่อน 
มิเคยเลือนเชือนแชแปรผลักไส 
อาจบ่นว่าหน้าง้ำคว่ำลงไป 
แต่รีบทำทันใดเพื่อช่วยกัน 

คนเคยเคียงข้างกันวันมีสุข 
คราวพบทุกข์กลับหนีรี่ถลัน 
กลัวเสียชื่อเสียหน้าสารพัน 
คนเช่นนั้นมิใช่เพื่อนเหมือนคนจร 

เราต่างหวังมีเพื่อนเหมือนมิตรแท้ 
คอยช่วยแก้ช่วยไขไม่หลอกหลอน 
แต่เราเคยเป็นเพื่อนใครอย่างแน่นอน 
พึงสังวรณ์ก่อนขอตัดพ้อใคร 

อยากให้ใครสนองเราอย่างเข้าจิต 
เป็นมิ่งมิตรทุกเวลาพาสดใส 
เราต้องให้เขาก่อนด้วยหัวใจ 
เป็นทุนให้เรียกมิตรสนิทปอง 				
12 ตุลาคม 2547 18:38 น.

หัวโขน

พี่ดอกแก้ว

เปิดกวีบทที่ประทับใจ 
ท่านเขียนไว้งดงามตามเหตุผล 
ใช้ทวนย้ำพร่ำบอกดวงกมล 
ว่าสิ่งที่เป็นตนจริงหรือไร?... 
 
  ...เป็นรามลักษณ์ยักษ์ลิงแน่จริงหรือ?
แท้ก็คือหัวโขนเขาโยนใส่
พอจบบทหมดเรื่องถอดเครื่องไป
เดิมเช่นไรก็เป็นเหมือนเช่นเดิม... 


ใครคิดอวดศักดาว่ายิ่งใหญ่
ประพฤติในความกร่างอย่างฮึกเหิม 
พบผู้ด้อยยิ่งกระหน่ำเข้าซ้ำเติม 
เบ่งตัวใหญ่กว่าเดิมไม่เกรงใคร 
 
เมื่อถึงวันทัณฑโทษโลดรุกฆาต 
เรือกระดาษสิ้นศักดิ์เขาผลักไส 
จมกระแสเชี่ยวกลางชลาลัย 
เหลือเพียงร่างทิ้งไว้ไร้วิญญาณ
 
มาอย่างไรกลับไปอย่างมือเปล่า
ไร้เดือนดาวศักดิ์ยศหมดเรียกขาน
สิ้นทรัพย์ที่สะสมมาเนิ่นนาน
รักและชังสิ้นกาลในทรงจำ
 
แม้นก่อนตายคลายอำนาจวาสนา
ไร้ผลบุญนำพาอุปถัมภ์
หมดสิ้นฐานชูคออย่างเคยทำ
ต้องชอกช้ำเพราะหัวโขนโดนยึดไป				
12 ตุลาคม 2547 07:05 น.

ใจหวาน

พี่ดอกแก้ว

น้ำผึ้งหวานปานใดได้ลิ้มรส 
มิอาจเทียบหนึ่งหยดน้ำใจหวาน 
เชื่อมเยื่อใยสัมพันธ์อันยาวนาน 
ด้วยสายทานการอภัยไม่ขมครวญ 

ดอกไม้หอมน้อมใจให้ซึ้งหอม 
อาจยั่วย้อมกลิ่นกรายจรดปลายสวน 
เพียงชั่วครู่สิ้นกลิ่นหอมรัญจวน 
มิอาจทวนเท่าศีลกลิ่นหอมนาน 

ลุ่มธาราชื่นเย็นเป็นบางคราว 
ไม่อาจดับร้อนผ่าวถึงแก่นฐาน 
พิษเพลิงทุกข์เผาใจให้ร้าวราน 
ปัญญานำชื่นบานกว่าธารา 

จันทร์ว่างามยามเพ็ญเห็นกระจ่าง 
ยังดำด่างกลางเด่นเป็นรอยฝ้า 
แต่พระธรรมคำสอนพระศาสดา 
ยังงามเลิศเจิดจ้ายิ่งกว่าจันทร์ 				
Calendar
Lovers  1 คน เลิฟพี่ดอกแก้ว
Lovings  พี่ดอกแก้ว เลิฟ 1 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพี่ดอกแก้ว
Lovings  พี่ดอกแก้ว เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพี่ดอกแก้ว
Lovings  พี่ดอกแก้ว เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงพี่ดอกแก้ว