3 ธันวาคม 2547 09:11 น.
พี่ดอกแก้ว
สรวมชีพประณตไท้................. วรใต้ ณ บทมาลย์
เอกองค์พระสมภาร............ นวมินทราชา
เนื่องในดิถีกาล.......................ชนมาน ธ เวียนมา
ที่ห้า ณ ธันวา........................... ประลุฤกษมงคล
ปวงข้าคณามูล-........................ นิธิทูนพระภูดล
เทิดองค์พระทรงพล................ จิตภักดิ์ บดินทร
ซาบซึ้งพระการุณ-................... ย พระคุณ ธ บิดร
โอบเอื้อประชากร.................... ธ มิเว้นเสมอกัน
ทรงศัพท์สดับเหตุ................ ทุรเขตประเทศสรรพ์
แก้ไขมลายพลัน.....................ดุจทิพยวารี
สมกับวโรงการ............... ...ปณิธาน ปฐมมี
ครองธรรม ณ วาที.......... .....ผิจะสุข ประชากร
ครบรอบเฉลิมภพ........... ..ธนุครบสโมสร
เชิญเทพมหิทธร.................วจน้อมถวายพร
ขอทรงพระสำราญ......... ....กิติขานขจายจร
ร่มเกล้าประชากร.......... ...ธ สวัสดิ์ พิพัฒน์ เทอญ
ถวายพระพร เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุยเดชมหาราช
.ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ
ข้าพระพุทธเจ้า บุษกร เมธางกรู
ประธานกรรมการมูลนิธิอภิธรรมมูลนิธิ
และสมาชิกบ้านกลอนไทย thaipoem.com
25 พฤศจิกายน 2547 20:11 น.
พี่ดอกแก้ว
ริมฝั่งน้ำยามโสมส่องโคมหล้า
สายลมพาคลื่นพราวราวภาพฝัน
บรรจงจิตอธิษฐานผ่านแสงจันทร์
มโนมั่นบูชาสายวารี
กระทงธรรมนำทางสว่างหน
ลุ่มสายชลได้โปรดเป็นสักขี
เพ็ญสิบสองกรองบุญอัญชุลี
ฝากนทีบูชาบาทพระศาสดา
นัมมทาธาราพุทธกาล
ณ ริมธารชาวพุทธสุดหรรษา
พิมพ์พระบาทปรากฏบทยาตรา
สถิตย์รอยให้บูชาเพื่อมงคล
ดลดิถีเพ็ญเยือนเหมือนครั้งนั้น
อภิวันทนาการผู้สานผล
น้อมความดีจากดวงมานผ่านสายชล
กราบรอยบาทผู้ล้นปัญญาญาณ
ขอกระทงจงนำความมุ่งหมาย
สู่เบื้องปลายสิ้นสุดในสังสาร
อุปสรรคโพยภัยไม่พบพาน
สู่สายธารนิรทุกข์สบสุขเทอญ
19 พฤศจิกายน 2547 09:35 น.
พี่ดอกแก้ว
ความผุพังพรั่งเรือนเหมือนซอมซ่อ
รอยแตกแยกเกิดก่อตามผนัง
หลังคารั่วบัวหักปรักพัง
น้ำฝนหลั่งรดเรือนเหมือนลายงา
ความทรุดโทรมโจมจู่ให้รู้สึก
ในสำนึกบอกใจให้รักษา
ก่อนจะถูกทำลายด้วยเวลา
และหมดค่าเรือนนอนผ่อนพักกาย
รื้อบางส่วนรวนไหวให้บ้านโยก
ฉาบปูนโบกรอยแตกแยกเส้นสาย
ทิ้งข้าวของเกะกะกองมากมาย
ลบลวดลายด้วยสีที่น่าชม
ซ่อมเรือนนอนย้อนคิดจิตรับรู้
ถึงแหล่งอู่เรือนใจให้งามสม
ช่วงชีวิตที่นานผ่านคลื่นลม
ความระทมบ่มทุกข์รุกชีวิน
อารมณ์เศร้าเผาใจให้คร่ำคร่า
ความโกรธาคือปลวกกัดทรัพย์สิน
ความลุ่มหลงแรงฉุดให้ทรุดดิน
ความโลภรินน้ำรั่วทั่วหลังคา
เรือนใจนี้จึงมีความอ่อนแอ
ควรต้องแก้ให้ตรงกับปัญหา
รื้อโครงสร้างฟุ้งซ่านที่หนาตา
ไม่นำพาทิ้งขยะละนิวรณ์
มุงหลังคาด้วยความพอเพื่อก่อสุข
กันปลวกรุกด้วยเมตตาพาถ่ายถอน
ความลุ่มหลงใช้ปัญญามาตัดรอน
ทาสีศีลอนุสรณ์แห่งความงาม
8 พฤศจิกายน 2547 21:14 น.
พี่ดอกแก้ว
ความห่างเหินเดินมาหาคราขัดแย้ง
และจัดแจงแบ่งข้างอย่างโง่เขลา
กลายเป็นฉันเป็นเธอไม่มีเรา
ชนวนแห่งความเศร้าเริ่มติดไฟ
มอดไหม้ความสัมพันธ์อันนานเนิ่น
เผาทางเดินแห่งมิตรคิดผลักไส
เมื่อไม่ถูกใจกันพลันเปลี่ยนไป
อยู่ห่างไกลอีกฟากมีฉากบัง
หากใคร่ครวญทวนความถามหาผิด
ที่เกิดเหตุคือจิตผู้คุมขัง
กักเก็บโกรธชอบเกลียดรักและชัง
สร้างพลังอมิตรคิดแยกทาง
บางครั้งคำตำหนิติเพื่อก่อ
กลายเป็นข้อพิฆาตฟาดรอยหมาง
สายตาตื้นจึงลื่นตกหลุมพราง
ของรูปร่างภาษาว่าหยาบคาย
บางครั้งคำชมเชยที่ไพเราะ
กลับถูกเยาะว่าแสร้งแกล้งขยาย
ให้เกินจริงเป็นสิ่งที่มอมมาย
จึงผ่อนคลายเชือกมิตรบิดสัมพันธ์
แท้ที่จริงสิ่งก่อกำแพงใหญ่
คือจิตใจกำหนดกฎกวดขัน
ไว้ที่เพียงภาษามากีดกัน
ไม่เท่าทันน้ำใจในวจี
หากทำผิดคิดไว้ว่าเป็นครู
เมื่อผู้รู้มาเตือนอย่าเบือนหนี
เหมือนเป็นครูของครูนั้นอีกที
คิดเช่นนี้จึงก้าวหน้าพาเจริญ
อย่าใช้ใจตัดสินใครในภาษา
คำพูดจาอาจฟังแล้วขัดเขิน
ควรไตร่ตรองน้ำจิตก่อนคิดเมิน
เพื่อทางเดินอบอุ่นอย่างคุ้นเคย
5 พฤศจิกายน 2547 21:08 น.
พี่ดอกแก้ว
ยามดึกดื่นตื่นมาพาตระหนก
ยินเสียงนกร้องครางอยู่ข้างฝา
ใบไม้พรูกรูพื้นพสุธา
เห็นเงาร้ายส่ายไปมาที่ระเบียง
เมียงมองผ่านม่านบางที่กางกั้น
ใจไหวหวั่นเงาพรางกลางสรรพเสียง
เกิดปรุงแต่งเรื่องราวเข้าเทียบเคียง
คงเป็นผีมาเมียงเสี่ยงขอบุญ
วุ่นวายใจคิดไปไม่รู้จบ
ไล่จนครบชื่อผีที่เนืองหนุน
หลอกตนเองให้กลัวจนหัวซุน
พร่ำขอคุณพระไล่ให้ผีจร
วอนไหว้ไปจิตใจเริ่มแข็งกล้า
สติมาปัญญามีผีเลิกหลอน
สยบฟุ้งปรุงจิตลิดนิวรณ์
ลุกเปิดกลอนประตูดูเรื่องจริง
ใบกล้วยริมระเบียงเอียงเอนลู่
ลมพัดกรูโอนไปไม่หยุดนิ่ง
หาได้มีผีร้ายมาพักพิง
ใจโง่เขลาสร้างสิ่งมาหลอกตน
เหมือนปัญหากระทันหันพลันบังเกิด
ใจเตลิดตามการณ์พาลสับสน
คิดมากไปใหญ่โตและวกวน
ปัญหาเล็กก็ล้นเพิ่มทวี
ทำใจตนให้ฝ่อและท้อถอย
ซ้ำยังคอยหลอกตนยิ่งกว่าผี
แม้จะรดน้ำมนต์กี่ร้อยที
ยังเก็บผีไว้ในใจไม่สร่างเลย