4 กุมภาพันธ์ 2548 20:31 น.
พี่ดอกแก้ว
วิพากษ์กันกว้างขวางอ้างแหล่งข่าว
แล้วสืบสาวล้วงไส้ไขความหลอน
เคยเป็นเสือจัดซุ้มคุมฆาตกร
บ้างลดทอนเงินตราค่าติดดิน
อีกแปรรูปแปลงร่างสร้างทุนใหม่
หนุนกลไกช่วยเหลือเกื้อทรัพย์สิน
เปิดกฎหมายให้โหว่โผล่หากิน
คอยพลิกลิ้นเปลี่ยนฝ่ายอยู่ไปมา
สาดวาทะคละสีตีเข้าใส่
เพื่อชิงชัยในอำนาจวาสนา
หลายสิบปีเป็นเช่นนี้ทุกครั้งครา
อย่าระอามองให้ชินที่ยินยล
ต่างหน้าที่มีบทบาทอย่าขาดสิทธิ์
อย่าได้คิดเบื่อหน่ายขยายผล
จนลืมเลือนหน้าที่ประชาชน
แต่ละคนต้องไปใช้สิทธิ์กัน
ไว้ใจใครก็กาถ้าถูกใจ
ไม่เลือกใครก็กาอย่าหุนหัน
ไปใช้สิทธิ์เลือกไม่เลือกนั้นสำคัญ
เป็นเบื้องบรรพ์หน้าที่ของคนไทย
หวังจะได้ผู้แทนแสนซื่อตรง
เราต้องคงหน้าที่อย่าสงสัย
นอนทับสิทธิ์ตนเอง..แล้วบ่นไป
จะว่าใคร..ต้องทำตนพ้นคำติง
2 กุมภาพันธ์ 2548 11:37 น.
พี่ดอกแก้ว
ละอองผ่านม่านแสงแฝงกายพลิ้ว
หมดลมปลิวปลดร่างลงกลางหน
เป็นฝุ่นผงตามพื้นติดสกล
ยิ่งร่วงหล่นยิ่งเห็นเป็นคราบไคล
หากไม่ปัดเช็ดถูอยู่เนืองนิจ
ฝุ่นหนาติดดุจรากยากผลักไส
ต้องเหน็ดเหนื่อยทั้งกายและจิตใจ
เพื่อคืนความวิไลให้ดังเดิม
เหมือนความชั่วกลั้วกล้ำย้ำทำชั่ว
ไม่เกรงกลัวเปื้อนใจใฝ่เห่อเหิม
จนเคยชินเป็นนิสัยใส่ชั่วเติม
กลายเหิมเกริมเป็นสันดานผู้พาลชน
ไม่ดัดไม้ยามอ่อนตอนวัยเยาว์
ปล่อยความเขลาเลี้ยงรากหลากเป็นผล
แข็งกระด้างสร้างกิ่งอัปมงคล
ให้เกะกะเสียจนอันตราย
ยามฉกรรจ์ไม่หันหาความดี
จวบชราเปลี่ยนวิถีก็เมื่อสาย
ความทรงจำถดถอยทั้งร่างกาย
ความเคยชินมากมายมาเป็นมาร
ความประมาทในวัยทำให้พลั้ง
พลาดโอกาสปลูกฝังธรรมสู่ฐาน
ขาดความเพียรเวียนให้ทุกข์เนิ่นนาน
วนสังสารคร่ำคร่าหนาอธรรม
29 มกราคม 2548 22:17 น.
พี่ดอกแก้ว
ดาวดวงนั้น...เธอฝันจะไปถึง
และฝังตรึงความหวังในจุดหมาย
วาดโครงร่างเพริศแพร้วแววประกาย
สุขไม่คลายในหวังตั้งใจปอง
หลายเดือนปีคงมีแต่ความหวัง
โครงการยังไม่เริ่มเพิ่มสนอง
ไร้กำหนดจรดงานสานครรลอง
ได้แต่มองดวงดาวไม่ก้าวเดิน
เหมือนอยากรวยติดอันดับรับเงินล้าน
มีทรัพย์สินล้นพานเทียมเขาเขิน
แต่นอนวาดวิมานฝันหวานเพลิน
ทั้งมองเมินทำมาหาเลี้ยงตน
แม้นเป้าหมายวางไว้อย่างสูงค่า
มิใช่สิ่งบ่งว่าจะสบผล
ด้วยมิอาจวัดคุณภาพคน
ว่าพากเพียรอดทนมากเพียงไร
เหมือนความดีที่หมายจะได้ดี
เรียนเพียงทฤษฎีได้ไฉน
ต้องเริ่มฝึกที่กายวาจาใจ
หาเพียงใช่แม่นหลักการอ่านหลักธรรม
แผ่เมตตาอย่าว่าค่าน้อยนิด
หมั่นฝึกจิตคลายโกรธโทษถลำ
บริจาคแม้น้อยตั้งใจทำ
กุศลจักน้อมนำให้เปี่ยมแรง
คือก้าวแรกแยกชีวิตให้คิดถูก
เริ่มฝังปลูกบันไดไปหาแสง
บำเพ็ญไตรสิกขาไม่คลางแคลง
ประจักษ์แจ้งจุดหมายได้สักวัน
28 มกราคม 2548 14:29 น.
พี่ดอกแก้ว
เยื้องกิ่งงามยามลมพรมพลิ้วไหว
ช่อดอกไกวกลิ่นหอมย้อมนาสา
พิศลำต้นมั่นคงตรงกายา
คำนึงย้อนเวลาที่ดูแล
เริ่มจากความห่างเหินเมินดวงหน้า
รอยยิ้มพาเพาะมิตรจิตแยแส
ผูกไมตรีบางเบาราวเนื้อแพร
แล้วผันแปรเป็นใยในสัมพันธ์
คอยดูแลแผ่สุขปลุกใจชื่น
ชี้ชวนให้เริงรื่นยามโศกศัลย์
ดั่งฟูกฟักกล้าน้อยใต้ตะวัน
ให้ดำรงพืชพันธุ์อย่างแข็งแรง
หลั่งน้ำใจรินรดจรดโคนไม้
กลบเพลิงร้อนความร้ายที่แอบแฝง
ใต้ผืนดินสิ้นทุกข์ที่รุกแซง
กลบความแล้งของมิตรให้จิตดี
หลั่งน้ำคำย้ำทวนให้หวนคิด
ผลัดกันลิดก้านยื่นฝืนวิถี
อาจดูเหมือนรุนแรงในบางที
แต่วจีจริงใจไร้เล่ห์กล
ผ่านทิวาราตรีที่นานเนิ่น
ร่วมทางเดินฝ่าไปในทุกหน
อาจเบาะแว้งแกล้งว่าเข้ามาปน
ก็คือคนและคนมาคบกัน
จวบวันนี้จึงอยู่เป็นคู่มิตร
ผ่านวิกฤตทดสอบใจไม่แปรผัน
หยั่งรากแก้วยืนยงคงสัมพันธ์
คือชีวันผู้โชคดีที่มีมิตร
20 มกราคม 2548 21:34 น.
พี่ดอกแก้ว
เรือนหลังงามถูกตามองค์ประกอบ
ต้องรอบคอบจากฐานที่แน่นหนา
ทั้งพื้นเรือนเรื่อยไปถึงหลังคา
ควรตีตราแข็งแรงแสดงตน
รูปโครงสร้างสมดุลทุ่นน้ำหนัก
มีเสาหลักปักตรึงถึงพื้นหน
ในแนวตั้งฝังรากสู่เบื้องบน
และแนวนอนผ่อนปรนด้วยเสริมคาน
เพื่อให้เรือนคงร่างสร้างเป็นหลัง
ไม่ล้มพังเอียงแตกแยกจากฐาน
สิ่งสำคัญต้องประกอบด้วยตัวคาน
รับน้ำหนักชั้นบ้านและหลังคา
เหมือนความดีที่เพียรสู่เป้าหมาย
ปูพื้นศีลเรียงรายอย่างแน่นหนา
ลงขันติเสาหลักในมรรคา
มีอินทรีย์ทั้งห้าเป็นคานรอง
พร้อมศรัทธาเพียรไปใฝ่ระลึก
ตั้งมั่นตรึกเพื่อละชนะหมอง
รู้เว้นบาปกระทำบุญสร้างทุนทอง
อินทรีย์คือคานรองเรือนยอดงาม
บ้านทั้งหลังจึงยังเด่นสง่า
มีหลังคาความดีที่ล้นหลาม
ตั้งบนคานอินทรีย์ที่แกร่งนาม
สมบูรณ์ความเป็นเรือนเหมือนความดี