18 สิงหาคม 2548 10:15 น.
พี่ดอกแก้ว
หากช่วงหนึ่งซึ่งโลกโศกสลด
สีเทาจรดสายตาฟ้าหม่นหมอง
กลีบดอกรักในใจอาจหล่นกอง
จงเพ่งมองหาทางสร้างชีวี
แม้หวังโรยโปรยหมอกสร้างตรอกอับ
กำลังใจหายวับดับแสงสี
อย่าทิ้งร่างจมกลางห้วงนที
มองทางนี้ยังมีดวงตะวัน
แสงสีทองส่องฉายมาทายทัก
ละอองรักพลิ้วพร่างกลางสวนขวัญ
ลมละมุนหนุนกระแสแผ่สัมพันธ์
ดอกไม้นั้นแย้มยิ้มพริ้มคู่เคียง
เห็นนั่นไหมลมไหวไกวรังนก
ปลุกวิหคขับขานผสานเสียง
ลมห่วงใยแกว่งไกวกิ่งไม้เรียง
ระบัดเอียงดอกไม้ให้เบิกบาน
อย่าหม่นเศร้าเหงาใจไปกว่านี้
โลกยังมีมุมใหม่ให้สุขศานต์
แม้เป้าหมายยังไกลอีกหลายกาล
จงเดินผ่านให้พ้นทางวนเวียน
17 สิงหาคม 2548 08:24 น.
พี่ดอกแก้ว
เมื่อความร้อนเยือนหล้าพาแห้งโหย
ใบไม้โปรยปลิดร่อนว่อนเวหา
ความเหี่ยวเฉาแล่นไปในผกา
บอกอำลากิ่งก้านร่วงลานดิน
เหลือเพียงต้นคนเหงาผู้เศร้าสร้อย
และเฝ้าคอยหวังใหม่ไม่สุดสิ้น
กายอ่อนล้าแดดยิ่งกล้าเผาชีวิน
หวังเพียงยินเสียงฟ้ามาปลอบใจ
แม้นต้นพันธุ์ยังทะนงเพื่อคงร่าง
แต่ภายในเคว้งคว้างน้ำตาไหล
มีน้ำกรดกัดเซาะเนื้อหทัย
คือเงื่อนไขกำหนดกฎชะตา
ฟ้าผืนใหญ่ส่งใจมาไต่ถาม
เหตุใดจึงไม่งามเล่าพฤกษา
เหนื่อยและท้อเพียงไหนให้บอกมา
จงเงยหน้าอย่าเพิ่งหมดเรี่ยวแรง
ฟังทางนี้ดนตรีจากผืนฟ้า
กล่อมพฤกษาผู้หวังและแสวง
เหนื่อยใช่ไหม..ในสิ่งที่เปลี่ยนแปลง
ฟ้าจะแฝงร่างพรมอย่าตรมทรวง
แต่ละหยดรดรินถึงถิ่นที่
คือไมตรีสู่ดินจากแดนสรวง
ตื่นเถิดหนามวลผกาทุกช่อพวง
อย่าเพิ่งร่วงหล่นท้อต่อเรื่องราว
ชีวิตนี้ต้องมีอุปสรรค
จงตระหนักเหตุผลค้นสืบสาว
ล้มแล้วลุกเริ่มใหม่ได้ทุกคราว
จงรับฝนพร่างพราวเพื่อฟื้นตน
ผลิความหวังครั้งใหม่ผ่านใบดอก
อดทนผ่านช้ำชอกอีกสักหน
ขอส่งใจฝากไว้กับทุกคน
เปรียบหยาดฝนสายน้อยคอยพร่างใจ
14 สิงหาคม 2548 07:06 น.
พี่ดอกแก้ว
ฟ้าผืนกว้างกระจ่างแจ้งแสงสีฟ้า
สายธาราสะท้อนงามความสดใส
เมฆสีขาวเคลื่อนร่างกลางฟ้าไกล
มอบภาพไว้สวยศิลป์ในจินตนา
ดอกไม้บานแย้มยวนชวนทายทัก
กลิ่นความรักอวลอบสบนาสา
ความหวังดีสื่อผ่านม่านสายตา
พร้อมวาจาหวานถ้อยคอยเติมทรวง
กลางความช้ำคำมิตรที่ชิดใกล้
รินน้ำใจให้พลังครั้งใหญ่หลวง
โลกพลันงามด้วยผกาลดาดวง
ผลิกลางห้วงน้ำใจให้ตรึงตรา
แผ่นดินกว้างไม่ร้างร่มอาศัย
เพราะเงามิตรแผ่ไปทั่วทิศา
มีสะพานข้ามพ้นชลธารา
เปรียบหทัยครูบาคอยคู่เคียง
สิ่งรอบตนบนธารแห่งน้ำใจ
งามสดใสหวานผสมสรรพเสียง
ห้องฤดีดนตรีรักจักร้อยเรียง
เปล่งสำเนียงกล่อมโลกไร้โศกตรม
งามหัวใจผู้ให้จากดวงหนึ่ง
เชื่อมใยถึงผู้อื่นคลายขื่นขม
โลกงดงามเพราะการให้ไร้ลวงลม
น้ำคำบ่มรักไว้ให้แสนงาม
11 สิงหาคม 2548 10:54 น.
พี่ดอกแก้ว
รากไทรย้อยร้อยรักสลักค่า
รักจากใจมารดานั้นแน่นหนัก
กี่วันคืนยืนต้นในความรัก
มิเคยพักการให้ในลูกยา
ใจของแม่หวังแค่ลูกได้ดี
มีสุขศรีสบายคลายปัญหา
เพียงยิ้มนิดจากลูกที่มอบมา
ดั่งโอสถทิพย์พาให้ชื่นบาน
ยามลูกยังไร้ฝั่งตั้งชีวิต
แม่เพียรคิดหาทรัพย์ปรับสถาน
ให้ลูกมีเรือนอู่อยู่ชื่นบาน
จวบถึงกาลแยกเรือนมีเพื่อนใจ
เมื่อมีทุกข์แม่รุกเข้าปลุกปลอบ
ทุกคำตอบถนอมเจ้าเหนือสิ่งไหน
ลูกอาจผิดต่อแม่สักเท่าใด
แม่อภัยให้ทุกคราวแม้ร้าวทรวง
สายใยรักถักขวัญวันพบหน้า
สายธารรักทอดมาอย่างใหญ่หลวง
ทุกนาทีที่ผ่านบนลานทรวง
แม่ยังห่วงรักลูกและผูกพัน
8 สิงหาคม 2548 21:00 น.
พี่ดอกแก้ว
ม่านผงคลีคลี่คลุมเป็นกลุ่มก้อน
ลมเร่งร้อนร้อยร่างกลางพื้นหน
หมุนปะทะคละคลุ้งฟุ้งสกล
ใบไม้หล่นร่วงพราวคราวลมพรู
ความอึดอัดกลัดกลุ้มก่อคลุมจิต
เหมือนนิมิตร้ายรุมสุมตาหู
ภาพและเสียงเรียงมาไม่น่าดู
ลมอึงอู้ผงฝุ่นหนุนประดัง
คำรามเปรี้ยงเสียงฟ้ามาก่อนฝน
ยิ่งท่วมท้นวิตกปกปิดหวัง
ใจก็พล่านตามลมที่ตึงตัง
เฝ้าระวังเรื่องร้ายที่กรายมา
ใจไร้สุขรุกรนบนเหตุการณ์
แล้วฟุ้งซ่านเดาไปในทิศา
ลุ้นกับทิศทางลมที่โถมพา
เมื่อใดถึงเวลาที่ฝนโปรย
เช่นปัญหาครารอวินิจฉัย
กระทบในลมร้อนซ้อนแห้งโหย
ความกดดันบีบคั้นให้โอดโอย
เหมือนแส้โบยสะบัดอึดอัดทรวง
การรอคอย..ดั่งเครื่องทรมาน
มีห้วงกาลเป็นกรงห้องขังหลวง
และนักโทษก็คือใจทั้งดวง
ที่ผูกพ่วงโซ่ฟุ้งซ่านการระแวง
ยังไม่รู้ลมพรูในครานี้
จะมากมีน้ำฝนล้นระแหง
หรือเป็นแค่ลมครางสร้างสำแดง
ความระแวงวาดภาพใจไปเกินการณ์