27 มีนาคม 2547 22:16 น.
พิราบสีขาว
โผผินบินเหนือฟ้า ปักษาน้อย ปีกเจ้าคอยกลางร่อนยามลมไหว
ปักษานกนั้นเจ้าช่างได้ใจ บินหลงพงไพรไปไม่กลับมา
เสียงเพียกเสียงพร่ำลำนำไพร เสียงอะไรเสียงนั้นดังแว่วมา
นกน้อยไม่รู้ ภาษีภาษา ถูกศรตราปักอกให้ตกใจ
โอ้ละหนอเจ้านางนกปักษี ใจพี่นี้แทบขาดสะบั้นไป
เห็นเช่นนี้ ตัวพี่นี้น้ำไหล ด้วยพรานใหญ่พรากเจ้าไกลจากใจพี่
บินเถิดบินเจ้าบินสู่สวรรค์ ตัวพี่พรัน ต้องตรอมทุกข์ทวี
จากกันไปในภพชาติครานี้ อีกกี่ชาติขวบปีจึงได้เจอ
ขอพรองค์พรหมช่วยดลให้ ให้เจ้าได้เป็นหงษ์ทอง ด้วยนะเออ
เกิดชาติใหม่ต่อไปคงได้เจอ นกที่เสมอเทียมครุฑ สุดสง่า
รอชาติหน้าชาติไหนจงจำไว้ เมื่อเจ้าได้เป็นหงษ์โปรดกลับมา
มารับพี่ไปอยู่ด้วยนะแก้วตา สู่สวรรค์อินทราของพระพรหม
(ความเดิมตอนที่แล้ว)
................................................................................................................
อวสารหงษ์ทองแม่น้องรัก
กาลเวลาผ่านไปให้เร็วนัก ฟ้ารุ่งทอจักรประภัสสร
ให้ชีวิตทำกินใหม่ไม่หลับนอน แสงอ่อนอ่อนยามเช้าช่วยแต้มเติม
ชาตินี้ชาติใหม่แล้วคงจำได้ กลอนช่วยบอกต่อไปจากตอนเดิม
หวังว่าผู้อ่านคงได้เคลอเคริ้ม อาจช่วยเสริมติชมหลังจบกลอน
คำอธิฐานสำคัญได้เป็นจริง อันสิ่งนกหวังกลับได้ดั่งสมใจ
นกนางน้องรักที่จากไป เกิดชาติใหม่จึงได้เป็นหงษ์ทอง
แต่พรหมินทร์ทำสิ่งที่ชอบแกล้ง ให้ข้าเป็นนกแร้ง ที่หม่นหมอง
เห็นหงษ์เจ้าโผบินน้ำตานอง นี่คือน้องของข้า หน้าไม่อาย
กลืนกร้ำน้ำตาด้วยอาพับ นี่ความคือตกอับ ให้กลับกราย
หงษ์สูงค่าเกินกว่าจะบรรยาย แค่ได้ชายตามอง ยามต้องใจ
บินลาลับจากไปใจอับเฉา นี่หรือเจ้าหงษ์ทองน้องลืมพี่
นกแร้งกลืนกร้ำน้ำตาทวี จงไปดีเถิดหนานางฟ้าหงษ์ทอง
................................................................................................
27 มีนาคม 2547 19:17 น.
พิราบสีขาว
โผผินบินเหนือฟ้า ปักษาน้อย ปีกเจ้าคอยกลางร่อนยามลมไหว
ปักษานกนั้นเจ้าช่างได้ใจ บินหลงพงไพรไปไม่กลับมา
เสียงเพียกเสียงพร่ำลำนำไพร เสียงอะไรเสียงนั้นดังแว่วมา
นกน้อยไม่รู้ ภาษีภาษา ถูกศรตราปักอกให้ตกใจ
โอ้ละหนอเจ้านางนกปักษี ใจพี่นี้แทบขาดสะบั้นไป
เห็นเช่นนี้ ตัวพี่นี้น้ำไหล ด้วยพรานใหญ่พรากเจ้าไกลจากใจพี่
บินเถิดบินเจ้าบินสู่สวรรค์ ตัวพี่พรัน ต้องตรอมทุกข์ทวี
จากกันไปในภพชาติครานี้ อีกกี่ชาติขวบปีจึงได้เจอ
ขอพรองค์พรหมช่วยดลให้ ให้เจ้าได้เป็นหงษ์ทอง ด้วยนะเออ
เกิดชาติใหม่ต่อไปคงได้เจอ นกที่เสมอเทียมครุฑ สุดสง่า
รอชาติหน้าชาติไหนจงจำไว้ เมื่อเจ้าได้เป็นหงษ์โปรดกลับมา
มารับพี่ไปอยู่ด้วยนะแก้วตา สู่สวรรค์อินทราของพระพรหม
...............................................................................................
27 มีนาคม 2547 13:10 น.
พิราบสีขาว
......เพราะหลงรักหมดหัวใจจึงมาหา.......
.......เพียงเมื่อแรกพบสบตา.....
.........หัวใจก็ลอยลับหายไป...
ไม่รู้ว่าเธอเป็นอย่างไรบ้าง
เคยอ้างว้างเพราะคิดถึงใครไหม
ฉันคนหนึ่งที่ยังเหงาอยู่เรื่อยไป
ทั้งที่ใจมันบอกว่าสบายดี
ความรู้สึกดีๆที่มอบให้
มันไม่มีค่าเลยใช่มั้ยคนดี
เธอถึงทิ้งฉันไว้ให้เหงาอยู่ตรงนี้
ตรงที่ที่ไม่มีเธอเคียงข้างกาย
ที่รัก คำนี้ที่เคยคุ้น
ยังสัมผัสถึงไออุ่นที่เธอเคยมอบให้
ที่รัก คำนี้ที่ดังอยู่ในใจ
แต่ไม่มีเธอเคียงใกล้ดั่งวันวาน
ที่รักคำนี้ที่เธอเคยมอบให้
ไม่มีความหมายแล้วใช่มั้ยในคำหวาน
ที่รักที่เคยเป็นเสียงอันอ่อนหวาน
กลับเป็นเสียงแห่งความร้าวรานในใจฉัน
ที่รักตอนนี้เธอเป็นของใครกัน
ไม่ใช่ของฉันแล้วใช่มั้ยคนดี
4.30 น. คืนที่ไร้ดาว
26 มีนาคม 2547 03:48 น.
พิราบสีขาว
อันสิ่งหวงของรักที่ใฝ่หา ข้ามเวลาพ้นผ่านเป็นความฝัน
หมุนเปลี่ยนเวียนไปไม่รู้กี่วัน ยามจากกัน เสียงเพียก เรียกร้องไห้
อันสิ่งรัก ยิ่งรัก ต้องลาจาก ต้องจำพราก พรากจำ จากไกล
ความหวั่นไหว ไหวหวั่น ให้หวั่นใจ ทำให้ใคร ต่างต้อง ต้องร้องไห้
คิดถึงฝัน ในวันที่ว่างเปล่า คิดถึงเงาแห่งกรรม ชอกช้ำใจ
ด้วยเหตุไฉนทำไมจึงจากไกล ให้ใจหาย หายใจไม่ทั่วปอด
สิ่งรัก รักสิ่งพรรค์ สร้างสรรค์ให้ สิ่งไหน สิ่งนั้น ที่เจ้าเคยกอด
ไม่มีแล้วความรักที่อ้อนออด ต้องจำทอดลาร้างอ้างว้างใจ...
25 มีนาคม 2547 12:30 น.
พิราบสีขาว
คืนนี้คืนไหนดาวแจ่มแอร่มตา ชวนแก้วตาหวานใจนั่งนับดาว
ดาวสวย ฟ้าใสในคืนสุก สกาว แวมวาว วามวับกระจับในดวงตา
ด้วยรักใจประสานให้เป็นหนึ่ง และคิดถึงเปรียบซึ่งแสงจันทรา
เวลาเหงาเปล่าเปลี่ยวในอุรา ให้ท้องฟ้าเป็นเพื่อนย้ำเตือนใจ
อยากให้แสงดาวเป็นสื่อผูกรัก อยากมีคนน่ารักแนบชิดเคียงใกล้
อยากให้เขาคนนั้นไม่จากไป เหมือนฟ้าใสที่ไร้ในแสงดาว
คำสัญญาต่อฟ้าใต้แสงจันทร์ คำยึดมั่นในคืนค่ำแพรวพราว
เปรียบความรักสัญญากระดาษขาว ไม่ยืนยาวเปลี่ยนไปในเวลา
เหมือนคืนเหงาซึมเศร้าไร้แสงดาว ขาดแสงพราวขาวระยับประดับฟ้า
คืนเดือนดับลาลับไม่กลับมา ขวัญชีวาคงหลับไม่นับดาว