26 เมษายน 2546 04:46 น.
พิราบสีขาว
เมื่อเธอเหนื่อยล้าก็จงอย่าท้อถอย
เต็มใจหน่อยไม่ถอยสู้ตรากตรำ
เธออ่อนล้าเพราะทำงานเช้าจดค่ำ
เมื่อหมดกำลังทรุดกายไว้ที่นี่
ที่ที่เคียงเพียงแนบฉันไว้ข้างกาย
จะสุขสบายเป็นที่ 1 ไม่มี 2
ขอเธอได้ให้หัวใจฉันจับจอง
คงไม่หมองลองดูนะผกาใจ
จะช่วยคลายความหนาวในโลก
จะคลายทุกข์โศกเมื่อยามเหงา
จะเดินเคียงข้างเธอดุจยังเงา
ยามเธอเศร้าได้ช่วยคอยบรรเทา
ยามมืดมิดจะเป็นเทียนส่องทาง
ให้แสงสว่างบนทางที่เธอก้าว
ค่ำคืนนี้ไม่มีแค่เพียงดวงดาว
มีจันทร์เจ้า เคียงคู่ชู้ชื่นใจ
เปรียบดั่งเธอมีฉันอยู่คู่
ไม่หดหู่หรอกหนาแม่ทรามวัย
จะคอยเคียงข้างเป็นกำลังใจ
เมื่ออ่อนไหวอย่าลืมมีฉันอยู่คู่เคียงกาย
24 เมษายน 2546 12:48 น.
พิราบสีขาว
รอยลิ้นเล่นเลห์สเน่หา
กริยาบ่งซึ่งมีมารยา
โกหกเล่นลิ้นด้วยเจตนา
แสร้งวาจาทำมาเป็นคนดี
คำว่าหญิงนี้ช่างร้ายจริงหนา
มากมายามาด้วยเลห์เพทุบาย
เสกสรรค์ปั้นน้ำเป็นตัวได้หลากหลาย
เพื่อให้ชายลุ่มหลงปลงใจ
สุดยากหยั่งแท้ที่จะบรรยาย
แม่คุณนายเจ้าแสร้งแกล้งหลอกลวง
ไม่มีสิ่งใดเปรียบเธอได้ทั้งปวง
แม่พุ่มพวงโกหกกันได้ทั้งเพ
17 เมษายน 2546 10:40 น.
พิราบสีขาว
( ปฐมบทนำทะเลใจ)
มหาสมุทธว่าลึกสุดหยั่งถึง แต่ที่ซึ่งลึกกว่าคือทะเลใจ
เป็นที่ซึ่งวกเวียนมาวกเวียนไป ไม่มีใครยากแท้ที่จะหยั่งถึง
กระแสน้ำช่างเชียวเป็นเกียววน ช่างสับสนหมุนเวียนเปลี่ยนคะนึง
พลาดพลั้งตกไปไม่อาจที่จะดึง แต่ไม่จมถึงก้นบึ้งแห่งทะเลใจ
(บทสอง ไม่มีใครรู้ใจเราเท่าตัวเราเองหรอกนะ)
แม้ว่าใครมีรักสมัครสมาน มิเคยคราน รักซึ้งเป็นไฉน
ขอจงรักแต่อย่าไปปักใจ เพราะเกียวไหลทะเลใจมันเชี่ยววน
เกิดเป็นคนควรคิดให้แยบยน อย่าหลงกลคำหวาน แห่งวิญญูชน
เพราะความจริงที่ค้นคือใจตน มิมีใครหนีพ้น ผลกรรมที่ทำมา
(บทสาม อย่าเสียน้ำตาให้อดีต)
จงกระทำจิตแห่งใจให้ผุดผ่อง อย่ามัวมองอดีตที่ไม่ย้อนคืนมา
คิดขึ้นมาทีไรมีแต่ช้ำเสียน้ำตา อย่ามองหาทะเลใจ มองไม่เห็น
จงเป็นตัวของตัวเองดีกว่า อย่าไปหาทะเลใจของใครให้ยากเย็น
ควรทำในสิ่งที่ดีที่ควรเป็น อย่าเป็นเช่นทะเลใจที่ยากหยั่งถึง
(บทสี่ คุยเรื่องเศรษฐกิจไทยกับทะเลใจ) ตามพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียง
ถึงความพอเพียงในเรื่องสันโดษ ไม่อยากโทษว่ายุคนี้ต้องแข่งขัน
ทุกเวลานาทีมีค่า ช่างสำคัญ มีใครกันเห็นคุณค่า ความเพียงพอ
ต่างทำตามค่านิยมอันสิ้นเปลือง ไม่เคยเรื่องประหยัด เลยร้องขอ
เศรษฐกิจจะดีคนไทยต้องรอ อย่าเพิ่งท้อเป็นเหยื่อทะเลใจของนายทุน
(บทที่ห้า เรื่องของห้วงแห่งทะเลรัก)
เบียงบังบทเบี่ยงเรื่องความรัก ได้ประจักษ์พบรักปักห้วงใจ
ไม่มีใครหลีกพ้นคนรักได้ เหมือนเรือใหญ่ลอยคว้างกลางทะเลใจ
หลายหลากอารมณ์แห่งมรสุม ถาโถมรุมเททุ่มขุมแห่งดวงใจ
เปรียบดั่งไฟเผาเร้าร้อนปอนไหม้ ไม่มีใครต้านทะเลรักหักอุรา
(บทที่หก ดนตรีแห่งรัก)
เรียกเรียกเพียกเพียงเสียงสำเนียงรัก สุดตระหนักหักห้ามใจไหวหวั่น
เรียบร้อยทำนองเพลงเป็นหมื่นพัน มาพรรณนารักนั้นพรั่นพึงใจ
เสียงบรรเลงแผวพริ้วจนทิวไหว เสียงดนตรีใจ ให้ไว้ในรักแท้
แสงยานุภาพแห่งรักมิอาจแก้ มิอาจแพ้ความใคร่ได้ลุ่มหลง
(บทที่เจ็ด ทะเลใจใครหลุดพ้น)
ด้วยรักแห่งรักนี้มีค่าสุขล้น อยากจะค้นหารักไว้ในฤทัย
ให้ดิงลึกจมสุดห้วงทะเลใจ มิให้ใครชิงรักนี้หนีจากไป
ให้เธอจมสุดก้นบึ้งทะเลใจ ไม่ให้หนีไปไหนได้ตลอดไป
และฉันก็จมอยู่กับทะเลใจ ของเธอไว้โปรดได้ให้เมตตา
(บทปัจฉิมทะเลใจ อวสารทะเลใจหรือเป็นไปชั่วนิรันดร์)
ท้ายนี้ความรักเป็นไฉน อยากจะให้ได้แต่เพียงสิ่งมีค่า
ความรักอาจเปรียบได้กับมายา อย่ามาหาทะเลใจให้ยากเย็น
เรื่องทะเลใจแต่งไว้ให้ได้คิด อย่ายึดติดดวงใจของใครอื่น
ถ้ารักงมงายมากไปมิได้ฟื้น จะไม่ตื่นจากความจริงสิ่งที่เป็น
ความรักทุกคนนั้นให้มีได้ แต่อย่าจมไปกับใจให้ยากเย็น
ถ้ารักแบบทะเลใจสุดลำเค็น ยากจะเข็นขึ้นฝั่งฝังรากเหง้า
ถ้าจะรักใครจงรู้ใจเรา รักไม่งี้เหงาถ้าเจ้าค้นใจตัวเอง
อย่ามัวหลงตัวทำเป็นครื้นเครง แล้วเจ้าเองจะทุกข์เพราะเคราะห์แห่งใจ
อวสาวของเรื่องเท่านั้นแต่ถ้าบนโลกใบนี้ยังมีมนุษย์จะไม่มีอวสานสุดแห่งทะเลใจ
อยากให้คิดว่าระหว่างตัวเรากับผู้อื่นเรารู้ข้อมูลสิ่งใดมากกว่ากัน จงใช้สติคิดไตร่ตรองให้ดีก่อนตัดสินสิ่งใด
17 เมษายน 2546 10:26 น.
พิราบสีขาว
( ปฐมบทนำทะเลใจ)
มหาสมุทธว่าลึกสุดหยั่งถึง แต่ที่ซึ่งลึกกว่าคือทะเลใจ
เป็นที่ซึ่งวกเวียนมาวกเวียนไป ไม่มีใครยากแท้ที่จะหยั่งถึง
กระแสน้ำช่างเชียวเป็นเกียววน ช่างสับสนหมุนเวียนเปลี่ยนคะนึง
พลาดพลั้งตกไปไม่อาจที่จะดึง แต่ไม่จมถึงก้นบึ้งแห่งทะเลใจ
(บทสอง ไม่มีใครรู้ใจเราเท่าตัวเราเองหรอกนะ)
แม้ว่าใครมีรักสมัครสมาน มิเคยคราน รักซึ้งเป็นไฉน
ขอจงรักแต่อย่าไปปักใจ เพราะเกียวไหลทะเลใจมันเชี่ยววน
เกิดเป็นคนควรคิดให้แยบยน อย่าหลงกลคำหวาน แห่งวิญญูชน
เพราะความจริงที่ค้นคือใจตน มิมีใครหนีพ้น ผลกรรมที่ทำมา
(บทสาม อย่าเสียน้ำตาให้อดีต)
จงกระทำจิตแห่งใจให้ผุดผ่อง อย่ามัวมองอดีตที่ไม่ย้อนคืนมา
คิดขึ้นมาทีไรมีแต่ช้ำเสียน้ำตา อย่ามองหาทะเลใจ มองไม่เห็น
จงเป็นตัวของตัวเองดีกว่า อย่าไปหาทะเลใจของใครให้ยากเย็น
ควรทำในสิ่งที่ดีที่ควรเป็น อย่าเป็นเช่นทะเลใจที่ยากหยั่งถึง
(บทสี่ คุยเรื่องเศรษฐกิจไทยกับทะเลใจ) ตามพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียง
ถึงความพอเพียงในเรื่องสันโดษ ไม่อยากโทษว่ายุคนี้ต้องแข่งขัน
ทุกเวลานาทีมีค่า ช่างสำคัญ มีใครกันเห็นคุณค่า ความเพียงพอ
ต่างทำตามค่านิยมอันสิ้นเปลือง ไม่เคยเรื่องประหยัด เลยร้องขอ
เศรษฐกิจจะดีคนไทยต้องรอ อย่าเพิ่งท้อเป็นเหยื่อทะเลใจของนายทุน
(บทที่ห้า เรื่องของห้วงแห่งทะเลรัก)
เบียงบังบทเบี่ยงเรื่องความรัก ได้ประจักษ์พบรักปักห้วงใจ
ไม่มีใครหลีกพ้นคนรักได้ เหมือนเรือใหญ่ลอยคว้างกลางทะเลใจ
หลายหลากอารมณ์แห่งมรสุม ถาโถมรุมเททุ่มขุมแห่งดวงใจ
เปรียบดั่งไฟเผาเร้าร้อนปอนไหม้ ไม่มีใครต้านทะเลรักหักอุรา
(บทที่หก ดนตรีแห่งรัก)
เรียกเรียกเพียกเพียงเสียงสำเนียงรัก สุดตระหนักหักห้ามใจไหวหวั่น
เรียบร้อยทำนองเพลงเป็นหมื่นพัน มาพรรณนารักนั้นพรั่นพึงใจ
เสียงบรรเลงแผวพริ้วจนทิวไหว เสียงดนตรีใจ ให้ไว้ในรักแท้
แสงยานุภาพแห่งรักมิอาจแก้ มิอาจแพ้ความใคร่ได้ลุ่มหลง
(บทที่เจ็ด ทะเลใจใครหลุดพ้น)
ด้วยรักแห่งรักนี้มีค่าสุขล้น อยากจะค้นหารักไว้ในฤทัย
ให้ดิงลึกจมสุดห้วงทะเลใจ มิให้ใครชิงรักนี้หนีจากไป
ให้เธอจมสุดก้นบึ้งทะเลใจ ไม่ให้หนีไปไหนได้ตลอดไป
และฉันก็จมอยู่กับทะเลใจ ของเธอไว้โปรดได้ให้เมตตา
17 เมษายน 2546 10:19 น.
พิราบสีขาว
( ปฐมบทนำทะเลใจ)
มหาสมุทธว่าลึกสุดหยั่งถึง แต่ที่ซึ่งลึกกว่าคือทะเลใจ
เป็นที่ซึ่งวกเวียนมาวกเวียนไป ไม่มีใครยากแท้ที่จะหยั่งถึง
กระแสน้ำช่างเชียวเป็นเกียววน ช่างสับสนหมุนเวียนเปลี่ยนคะนึง
พลาดพลั้งตกไปไม่อาจที่จะดึง แต่ไม่จมถึงก้นบึ้งแห่งทะเลใจ
(บทสอง ไม่มีใครรู้ใจเราเท่าตัวเราเองหรอกนะ)
แม้ว่าใครมีรักสมัครสมาน มิเคยคราน รักซึ้งเป็นไฉน
ขอจงรักแต่อย่าไปปักใจ เพราะเกียวไหลทะเลใจมันเชี่ยววน
เกิดเป็นคนควรคิดให้แยบยน อย่าหลงกลคำหวาน แห่งวิญญูชน
เพราะความจริงที่ค้นคือใจตน มิมีใครหนีพ้น ผลกรรมที่ทำมา
(บทสาม อย่าเสียน้ำตาให้อดีต)
จงกระทำจิตแห่งใจให้ผุดผ่อง อย่ามัวมองอดีตที่ไม่ย้อนคืนมา
คิดขึ้นมาทีไรมีแต่ช้ำเสียน้ำตา อย่ามองหาทะเลใจ มองไม่เห็น
จงเป็นตัวของตัวเองดีกว่า อย่าไปหาทะเลใจของใครให้ยากเย็น
ควรทำในสิ่งที่ดีที่ควรเป็น อย่าเป็นเช่นทะเลใจที่ยากหยั่งถึง
(บทสี่ คุยเรื่องเศรษฐกิจไทยกับทะเลใจ) ตามพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียง
ถึงความพอเพียงในเรื่องสันโดษ ไม่อยากโทษว่ายุคนี้ต้องแข่งขัน
ทุกเวลานาทีมีค่า ช่างสำคัญ มีใครกันเห็นคุณค่า ความเพียงพอ
ต่างทำตามค่านิยมอันสิ้นเปลือง ไม่เคยเรื่องประหยัด เลยร้องขอ
เศรษฐกิจจะดีคนไทยต้องรอ อย่าเพิ่งท้อเป็นเหยื่อทะเลใจของนายทุน
(บทที่ห้า เรื่องของห้วงแห่งทะเลรัก)
เบียงบังบทเบี่ยงเรื่องความรัก ได้ประจักษ์พบรักปักห้วงใจ
ไม่มีใครหลีกพ้นคนรักได้ เหมือนเรือใหญ่ลอยคว้างกลางทะเลใจ
หลายหลากอารมณ์แห่งมรสุม ถาโถมรุมเททุ่มขุมแห่งดวงใจ
เปรียบดั่งไฟเผาเร้าร้อนปอนไหม้ ไม่มีใครต้านทะเลรักหักอุรา
(บทที่หก ดนตรีแห่งรัก)
เรียกเรียกเพียกเพียงเสียงสำเนียงรัก สุดตระหนักหักห้ามใจไหวหวั่น
เรียบร้อยทำนองเพลงเป็นหมื่นพัน มาพรรณนารักนั้นพรั่นพึงใจ
เสียงบรรเลงแผวพริ้วจนทิวไหว เสียงดนตรีใจ ให้ไว้ในรักแท้
แสงยานุภาพแห่งรักมิอาจแก้ มิอาจแพ้ความใคร่ได้ลุ่มหลง