17 ตุลาคม 2546 13:41 น.
พิราบสีขาว
@คืนนี้เหงาเฝ้าชมดาวและแลเดือน
คืนนี้จันทร์เจือนเลือนลาลับ
คืนนี้ฟ้าเหงาดั่งคืนเดือนดาวดับ
คืนนี้จะหลับลับสิ้นและเดือนดาว
คืนนี้หนาวเปรียวใจให้สะท้อน
คืนนี้จะนอนแห่งใดให้คลายหนาว
คืนนี้ไม่มีเพือนเหมือนเดือนขาดดาว
คืนนี้ป่าวเปรียวใจไม่มีเธอ@
15 ตุลาคม 2546 08:48 น.
พิราบสีขาว
ด้วยรัก : ถ้อยคำที่สั้นใช้คำไม่เยิ่นเย้อ
ใจฉันนั้นละเมอเพ้อฝันไป
ด้วยคำซึ้งที่ซึ่งถึงห่วงใย
ว่ารักกันไหมทำไมไม่เฉลย
เคยได้ยินคำรักมามากกว่าหนึ่งครั้ง
แต่ก็ยังไม่พอใจจะได้เลย
อยากได้ยินอีกครั้งวานเธอช่วยเอื้อนเอ่ย
บอกว่ารักมาเลยอย่านิ่งเฉยไป
เพียงคำเดียวเอ่ยไปให้แถลง
ให้รู้แจงแห่งใจให้ก้าวใหม่
คำว่ารักมีค่าพาสดใส
ไม่หมองใจเหมือนเธอใกล้ทุกเวลา
ด้วยคิดถึง : คิดถึง คิดถึง คะนึงในความรัก
คิดถึงนักดวงใจเจ้ายอดยา
อยากอยู่ใกล้ด้วยใจอันเหว่ว้า
คอยห่วงหาเคะนึงคิดถึงเธอ
ด้วยรักมันประกอบกับคิดถึง
ดวงใจหนึ่งผูกพันเป็นหนักหนา
อยากอยู่ใกล้แม่ยอดดวงชีวา
ยิ่งเวลาอยู่ห่างเว้งว่างใจ
อยากมีใครคอยส่งความคิดถึง
ให้ทราบซึ้งถึงหนึ่งไม่มีสอง
ยามสุขเศร้าเหงาใจช่วยประคอง
ยามเธอหมองลองคิดถึงกัน(ฉันและเธอ)
13 ตุลาคม 2546 16:35 น.
พิราบสีขาว
@@@สายฝนสากกระจายเป็นสายหมอก
ลำน้ำธารละลอกเป็นเกียววน
สับสนในใจใครเล่าจะหลุดพ้น
ด้วยแยบกลกิเลศที่หมองมัว
ผิดชอบชั่วดีเราก็ต่างรู้
แต่เพื่ออยู่มีชีวิตจึงคิดชั่ว
หาหนทางชีวิตที่พันพัว
ไม่พ้นแรงยั้วกิเลศเข้าครอบงำ
ด้วยแรงธรรมเข้าค้ำยังไม่พอ
เร่งสานต่อความดีมีอุปภัมภ์
อีกไม่นานผลบุญคงช่วยชี้นำ
ให้เวรกรรมหมดไปในเบื้องหน้า@@@
13 ตุลาคม 2546 16:11 น.
พิราบสีขาว
@@มีค่าน้อยเพียงพืชที่คลุมดิน
แผ่ทั่วปฐพินอยู่ทั่วไปได้
ไร้ค่ายิ่งในสายตาใครต่อใคร
ไม่เหมือนไม้ที่ผลิดอกและออกผล
เดินเหยียบย้ำข้ามไปไม่เคยช้ำ
ไร้ถอยคำยินยอจากผู้คน
เปรียบต้นไม้ไร้ค่าที่อับจน
อยู่ได้ด้วยฝนไม่มีคนดูแล
ด้วยรากน้อยชอนไชเป็นแขนง
ด้วยแรงเกาะโอบพื้นฝืนกระแส
หน้าดินพังมีใครบ้างคอยดูแล
คงมีเพียงแต่รากหญ้ารักษาดิน@@
13 ตุลาคม 2546 13:15 น.
พิราบสีขาว
@จมแทรกแตกใบเหนือธานี
ยืนพื้นปฐพีแผ่กิ่งก้าน
มีชีวิตอยู่มานานแสนนาน
ด้วยรากฐานยึดไว้ไม่คลายคอน
ยามเอนอ่อนแตกกิ่งพริ้วปลิวไหว
ด้วยแรงไขวของสายลมอ่อน
มองใบไหวหวั่นใจคิดสะท้อน
โอ้งามงอนตอนนี้เป็นเช่นไร
ด้วยแมกไม้ตอนนี้ใจอ่อนไหว
ไม่เหมือนไม้ยืนต้นทนทานได้
ดั่งนกเอยนกยูงต้นสูงใหญ่
แผ่กิ่งก้านแตกใบไปทั่วธรณี
ผลิดอกออกพริ้งเป็นสีแดงฉาน
อีกไม่นานจะแดงร่าสง่าศรี
เปรียบประดุจรวงรองผ่องทวี
เฉดสีแผ่ร้อนถอนวิญญา@