17 เมษายน 2546 10:19 น.
พิราบสีขาว
( ปฐมบทนำทะเลใจ)
มหาสมุทธว่าลึกสุดหยั่งถึง แต่ที่ซึ่งลึกกว่าคือทะเลใจ
เป็นที่ซึ่งวกเวียนมาวกเวียนไป ไม่มีใครยากแท้ที่จะหยั่งถึง
กระแสน้ำช่างเชียวเป็นเกียววน ช่างสับสนหมุนเวียนเปลี่ยนคะนึง
พลาดพลั้งตกไปไม่อาจที่จะดึง แต่ไม่จมถึงก้นบึ้งแห่งทะเลใจ
(บทสอง ไม่มีใครรู้ใจเราเท่าตัวเราเองหรอกนะ)
แม้ว่าใครมีรักสมัครสมาน มิเคยคราน รักซึ้งเป็นไฉน
ขอจงรักแต่อย่าไปปักใจ เพราะเกียวไหลทะเลใจมันเชี่ยววน
เกิดเป็นคนควรคิดให้แยบยน อย่าหลงกลคำหวาน แห่งวิญญูชน
เพราะความจริงที่ค้นคือใจตน มิมีใครหนีพ้น ผลกรรมที่ทำมา
(บทสาม อย่าเสียน้ำตาให้อดีต)
จงกระทำจิตแห่งใจให้ผุดผ่อง อย่ามัวมองอดีตที่ไม่ย้อนคืนมา
คิดขึ้นมาทีไรมีแต่ช้ำเสียน้ำตา อย่ามองหาทะเลใจ มองไม่เห็น
จงเป็นตัวของตัวเองดีกว่า อย่าไปหาทะเลใจของใครให้ยากเย็น
ควรทำในสิ่งที่ดีที่ควรเป็น อย่าเป็นเช่นทะเลใจที่ยากหยั่งถึง
(บทสี่ คุยเรื่องเศรษฐกิจไทยกับทะเลใจ) ตามพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียง
ถึงความพอเพียงในเรื่องสันโดษ ไม่อยากโทษว่ายุคนี้ต้องแข่งขัน
ทุกเวลานาทีมีค่า ช่างสำคัญ มีใครกันเห็นคุณค่า ความเพียงพอ
ต่างทำตามค่านิยมอันสิ้นเปลือง ไม่เคยเรื่องประหยัด เลยร้องขอ
เศรษฐกิจจะดีคนไทยต้องรอ อย่าเพิ่งท้อเป็นเหยื่อทะเลใจของนายทุน
(บทที่ห้า เรื่องของห้วงแห่งทะเลรัก)
เบียงบังบทเบี่ยงเรื่องความรัก ได้ประจักษ์พบรักปักห้วงใจ
ไม่มีใครหลีกพ้นคนรักได้ เหมือนเรือใหญ่ลอยคว้างกลางทะเลใจ
หลายหลากอารมณ์แห่งมรสุม ถาโถมรุมเททุ่มขุมแห่งดวงใจ
เปรียบดั่งไฟเผาเร้าร้อนปอนไหม้ ไม่มีใครต้านทะเลรักหักอุรา
(บทที่หก ดนตรีแห่งรัก)
เรียกเรียกเพียกเพียงเสียงสำเนียงรัก สุดตระหนักหักห้ามใจไหวหวั่น
เรียบร้อยทำนองเพลงเป็นหมื่นพัน มาพรรณนารักนั้นพรั่นพึงใจ
เสียงบรรเลงแผวพริ้วจนทิวไหว เสียงดนตรีใจ ให้ไว้ในรักแท้
แสงยานุภาพแห่งรักมิอาจแก้ มิอาจแพ้ความใคร่ได้ลุ่มหลง
16 เมษายน 2546 21:44 น.
พิราบสีขาว
เพียง พักตร์เพ่งพิศพักตร์
พักตร์ นี้รักพาดเพียกเพียงตาย
เพ่ง ดวงเนตรเจตใจมลาย
พิศ เพ่งเพียงวายสายสมร
พักตร์ งามงอน อรชรพี่อ่อนใจ
11 เมษายน 2546 11:38 น.
พิราบสีขาว
สวัสดีปีใหม่เทศกาลไทย
อย่าให้มีโรคภัยเข้ากลำกลาย
ขอให้หายจากเจ็บไข้ได้สบาย
ขอให้ร่างกายสุขีทุกคืนวัน
ขอให้ฝันเป็นจริงสมหทัย
ขอให้ได้เกรด A ทุกวิชา
ขอให้เงินทองไหลมาเทมา
เมื่อมีปัญหาอย่าเพิ่งท้อถอย
จงสร้างบุญบ้างอย่าได้รอคอย
เติมบุญหน่อยทีละนิดจิตแจ่มใส
อย่ามัวสาดแต่น้ำจนเพลินไป
ระวังไข้หวัดใหญ่มรณะบ้างหนา
ท้ายนี้ขอให้ชาว Thai Poem
จงอิ่มเอมใจสุขสันต์ในวันปีใหม่เอย
5 เมษายน 2546 15:34 น.
พิราบสีขาว
วิ่งผ่านกาลเวลามาแสนนาน
ประทานชีวิตไปสู่ทางแห่งฝัน
เดินทางเคียงคู่อยู่ด้วยกัน
ไม่มีวันไม่รักหักห้ามใจ
เปรียบดั่งทะเลโอบอุ้มพื้นทราย
เปรียบดังกายคู่กับจิตพิศมัย
เปรียบเข็มนาฬิกากับเลขเสกสรรค์ใจ
หนึ่งดวงหฤทัยมีไว้คู่กับเธอ
ไม่มีใครมาแทนที่เธอได้
อันใจนี้มีแต่จิตคิดพร้ำเพ้อ
ที่เขียนกลอนมาเพราะอยากเจอ
เผื่อว่าเธอเปิดอ่านให้ดาลใจ
ว่ามีใครคนหนึ่งยังรักอยู่เสมอ
ขอให้เธอจงโปรดได้เข้าใจ
อันว่าเวลาที่ฉันไม่อาจมีให้
ขอจงอภัยในทิฐิฉันถือตัว
ไม่บอกความต้องการให้เธอรู้
เพราะกลัวเธออยู่บนความทุกข์ฉัน
จะมีบ้างไหมที่เธอคิดถึงกัน
ช่วยเติมฝันให้ใจใฝ่คะนึง
ไม่เข้าใจแล้วใยต้องโกรธ
ทำเหี้ยมโหดประชดประชัน
เธอดื้อดึงจนเราต้องเถียงกัน
มีบ่อยที่ฉันก็กระทำผิดเอง
เธอนั้นชอบใช้อารมณ์เข้าห้ำหั่น
ส่วนฉันก็ใช้เหตุผลเข้าอ้าง
ดูเหมือนความเห็นจะไปคนละทาง
แต่ก็ต่างใช้อารมณ์เช่นเดียวกัน
ตอนนี้ฉันขอให้เธอโอนอ่อน
ให้เหมือนตอนเริ่มริรักกันใหม่
อย่าให้อารมณ์นั้นเข้ามาเป็นใหญ่
เหนือห้วงแห่งใจของเราสอง
อยากจะเป็นดินประคองเหนี่ยวรั้ง
อยากให้ฝังรากแก้วแล้วไหลลงดิน
ไม่อยากให้ต้นรักหักโค่นลงสิ้น
อยากให้ถิ่นแห่งความรักผลิดอกบาน
5 เมษายน 2546 13:10 น.
พิราบสีขาว
( ปฐมบทนำทะเลใจ)
มหาสมุทธว่าลึกสุดหยั่งถึง แต่ที่ซึ่งลึกกว่าคือทะเลใจ
เป็นที่ซึ่งวกเวียนมาวกเวียนไป ไม่มีใครยากแท้ที่จะหยั่งถึง
กระแสน้ำช่างเชียวเป็นเกียววน ช่างสับสนหมุนเวียนเปลี่ยนคะนึง
พลาดพลั้งตกไปไม่อาจที่จะดึง แต่ไม่จมถึงก้นบึ้งแห่งทะเลใจ
(บทสอง ไม่มีใครรู้ใจเราเท่าตัวเราเองหรอกนะ)
แม้ว่าใครมีรักสมัครสมาน มิเคยคราน รักซึ้งเป็นไฉน
ขอจงรักแต่อย่าไปปักใจ เพราะเกียวไหลทะเลใจมันเชี่ยววน
เกิดเป็นคนควรคิดให้แยบยน อย่าหลงกลคำหวาน แห่งวิญญูชน
เพราะความจริงที่ค้นคือใจตน มิมีใครหนีพ้น ผลกรรมที่ทำมา
(บทสาม อย่าเสียน้ำตาให้อดีต)
จงกระทำจิตแห่งใจให้ผุดผ่อง อย่ามัวมองอดีตที่ไม่ย้อนคืนมา
คิดขึ้นมาทีไรมีแต่ช้ำเสียน้ำตา อย่ามองหาทะเลใจ มองไม่เห็น
จงเป็นตัวของตัวเองดีกว่า อย่าไปหาทะเลใจของใครให้ยากเย็น
ควรทำในสิ่งที่ดีที่ควรเป็น อย่าเป็นเช่นทะเลใจที่ยากหยั่งถึง
(บทสี่ คุยเรื่องเศรษฐกิจไทยกับทะเลใจ) ตามพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียง
ถึงความพอเพียงในเรื่องสันโดษ ไม่อยากโทษว่ายุคนี้ต้องแข่งขัน
ทุกเวลานาทีมีค่า ช่างสำคัญ มีใครกันเห็นคุณค่า ความเพียงพอ
ต่างทำตามค่านิยมอันสิ้นเปลือง ไม่เคยเรื่องประหยัด เลยร้องขอ
เศรษฐกิจจะดีคนไทยต้องรอ อย่าเพิ่งท้อเป็นเหยื่อทะเลใจของนายทุน
(บทที่ห้า เรื่องของห้วงแห่งทะเลรัก)
เบียงบังบทเบี่ยงเรื่องความรัก ได้ประจักษ์พบรักปักห้วงใจ
ไม่มีใครหลีกพ้นคนรักได้ เหมือนเรือใหญ่ลอยคว้างกลางทะเลใจ
หลายหลากอารมณ์แห่งมรสุม ถาโถมรุมเททุ่มขุมแห่งดวงใจ
เปรียบดั่งไฟเผาเร้าร้อนปอนไหม้ ไม่มีใครต้านทะเลรักหักอุรา