23 สิงหาคม 2550 11:27 น.
พิมฝ้าย
เธอคงจะคิดว่ามันคงเป็นเหตุบังเอิญกระมังที่ได้รู้จักกับฉัน แต่สำหรับฉันแล้ว เธอคือส่วนหนึ่งของลมหายใจที่พริ้วผ่าน หากแต่ลมหายใจของฉันนั้นมันช่างหอมหวาน มันช่างน่าถนุถอนมเอาไว้ แต่เธอไม่เคยเข้าใจ เธอไม่เคยเข้าใจในเหตุเหตุผลของเราฉันไม่ได้เจ็บปวด หรือผิดหวัง เพราะฉันได้กระทำสิ่งที่มีค่าที่สุดให้กับเธอไปแล้ว นั่นก็คือฉันได้มอบ "มิตรภาพให้กับเธอ" หากแต่เธอจะใส่ใจ หรือจะถนอมมันเอาไว้นั่น ก็สุดแล้วแต่ ฉันคงบังคับจิตใจอะไรใครไม่ได้ เพราะทุกคนมีสิทธิ์เลือก เลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับชีวิตของตัวเอง แล้วฉันก็คือคนที่เธอไม่ได้เลือก...ก็แค่นั้น แต่เถอะนะ ขอให้ฉันให้ทำหน้าที่เพื่อนให้กับเธออย่างนี้อีกได้ไหม ฉันสัญญาว่าจะไม่ไปก้าวก่าย หรือทำให้เธอวุ่ยวายใจ แต่ฉันจะขออ ยู่เงียบ ๆ แต่ส่งกำลังใจไปให้เธอเสมอ ...มีความหวังดีให้เธออย่างนี้..ตลอดไป เถอะนะ
ฉันไม่ได้ขออะไรจากเธอมากมาย ...ขอเพียงให้เธอเข้าใจในความปรารถนาดีจากใจของฉันบ้างก็พอแล้ว...
วันหนึ่งข้างหน้า...ถ้าเธอคิดว่าฉันยังเป็นเพื่อนเธออยู่ ...ขอให้เธอกลับมาใหฉันนะ ที่ตรง นี้พร้อมมอบความอบอุ่นให้เธอเสมอ และตลอดไป
31 กรกฎาคม 2550 14:23 น.
พิมฝ้าย
จูบแสงดาว
เรื่องพิมฝ้าย
ชายหนุ่มมาดเข้ม ก้าวมายืนหยุดอยู่หน้าประตูบ้านไม้หลังสีฟ้า เขาเพ่งมองดอกกล้วยไม้สีม่วงแซมขาว ที่กำลังออกดอกพราวไปทั้งกิ่ง แล้วเผยยิ้มออกมาเล็กน้อย ให้กับภาพธรรมชาติสุดแสนจะเรียบง่ายอยู่ตรงเบื้องหน้า แต่แววตาของเขานั้นเล่า กลับฉายแววโศกยิ่งนัก จนชายอีกผู้หนึ่งสัมผัสได้
เฮ้ยมาตั้งแต่เมื่อไหร่วะไอ้ทิน ไม่ยักให้ซุ่มให้เสียง
ชายหนุ่มมาดเท่ ผมยาว ยืนพิงปากประตูบ้านไม้หลังสีฟ้าของตน นนท์ดีดก้นบุหรี่ที่คีบอยู่ปลายนิ้วทิ้ง ค่อยเดินไปคว้ากระเป๋าเดินทางของเพื่อนตนที่ถูกวางทิ้งไว้ข้างกาย แล้วนำพาเข้าไปวางไว้ภายในบ้าน
ทินรู้สึกอบอุ่นทุกครั้งที่ได้กลับมาที่แห่งนี้ เขารู้สึกนิ่งสงบ และปลอดภัยที่ได้มาอยู่ที่นี่ ซึ่งนนท์เองก็เข้าใจความรู้สึกของเขานนท์รู้เสมอว่า ถ้าทินเจ็บปวด หรือเหนื่อยหน่าย เขาจะกลับมาพักพิง
กาแฟสักถ้วยนะทิน..
กลับไม่มีเสียงตอบ
แต่สิ่งที่ทำให้นนท์ตกใจยิ่งกว่า คือภาพใบหน้าของทินที่ฟุบอยู่บนโซฟา แปดเปื้อนไปด้วยหยาดน้ำตาของลูกผู้ชาย !
.
สายลมยามบ่ายโชยพัดมาอ่อน ๆ โมบายรูปนกนางนวลสีขาวกระพือปีกไหว ๆ อยู่กลางห้อง นนท์ละสายตาจากภาพวาดสาวน้อยผมยาว ที่เขายังเกลี่ยสีไม่เสร็จ เหลียวหันไปดูเพื่อนหนุ่มที่หลับเป็นตายอยู่บนโซฟาตัวเก่า ด้วยความห่วงใย หลังจากที่ทินฟาดข้าวไข่เจียวแกมไหม้โดยฝีมือของตน แล้วหลับไป
ทินคงจะเดินทางมาเหนื่อย และหอบหิ้วเอาหัวใจที่บอบช้ำกลับมาด้วย
แต่นนท์ไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่า ผู้ชายที่ทั้งแข็งแกร่งและอดทนอย่างทิน จะต้องมาเสียน้ำตาให้กับผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนั้นเพียงคนเดียว เขาเป็นเพื่อนสนิทกับทินมาเกือบสิบปี ไม่เคยสักครั้งที่จะเห็นน้ำตาของทิน เอ่อล้นออกมาด้วยความเจ็บปวดเหมือนอย่างเมื่อเช้านี้
หรือนี่เองกระมัง ที่เขามักพูดกันนักว่า
ความรักจะเดินทางเข้ามาพร้อมกับความเจ็บปวดเสมอ!
.
โทรศัพท์มือถือถูกตั้งโปรแกรมสั่น เคลื่อนไหวพร้อมสัญญาณไฟกระพริบ บ่งบอกว่ากำลังมีคนรอคอยผู้มารับสาย
นนท์ละมือจากภาพสาวน้อยผมยาว เขาเสียบพู่กันเก็บเอาไว้ในขวดแก้วที่เปรอะไปด้วยสีต่าง ๆ แล้วเช็ดมืออย่างลวก ๆ กับกางเกงยีนส์ขาสั้นตัวเก๋า ขาด ๆ ตัวนั้น เขาเผลอปากสาบถออกมาเบา ๆ ว่า
ใครวะเสือกโทรฯมาตอนนี้
ไม่ทันขาดคำ เขากดปุ่มรับสายพร้อมกรอกเสียงลงไปว่า
นนท์ครับ
นั่นพี่นนท์เหรอคะ
เจ้าของเครื่องโทรศัพท์รู้สึกแปลกใจ ที่เสียงปลายสายเป็นผู้หญิง เขานิ่งไปชั่วครู่ คิดทบทวนว่าเจ้าของเสียงใส ๆ ที่โทรฯมานั้นคือใคร ร้อยวันพันปี ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนคิดจะโทรฯมาหาเขาสักครั้ง กว่าที่นนท์จะเรียกสติให้กับคืนมา แล้วไล่เรียง ถึงจำได้ว่า เธอคือ.
สายรุ้ง
ค่ะพี่นี่รุ้งเอง
นนท์เคลื่อนสายตาไปยังเพื่อนสนิท ที่คงหลับอยู่ไม่รู้เรื่อง เขาเกรงว่าเสียงดังเมื่อครู่ จะปลุกให้ทินต้องตื่น
พี่นนท์คะพี่ทินไปหาพี่หรือเปล่า เสียงปลายสายของหญิงสาวสั่นเครือ จนอีกฝ่ายรับรู้ได้ว่า เธอกำลังร้องไห้
นนท์รีบสาวเท้าก้าวผ่านเพื่อนที่คงนอนหลับนิ่งอยู่ ออกมาตรงหน้าระเบียง หวังไม่อยากให้ทินต้องตื่นขึ้นมาในตอนนี้ เพราะลึก ๆ เองแล้วเขาอยากจะรู้ถึงสาเหตุ ที่ทำให้ทินต้องเดินมาหาเขาและนี่เองที่ทำให้นนท์ปลักใจเชื่อแล้วว่า สายรุ้งน่าจะมีส่วนทำให้เพื่อนหนุ่มของเขาเถลบินมาเหมือนนกปีกหักในครั้งนี้
รุ้งมีเรื่องอะไรกับไอ้ทินมันเหรอนนท์พูดแบ่งรับแบ่งสู้อยู่ในที
รุ้งอยากจะบอกว่า รุ้งรักพี่ทินค่ะ รุ้งมีพี่ทินคนเดียวพี่นนท์คะขอให้รุ้งได้คุยกับพี่ทินเถอะค่ะ สาวน้อยยังคงส่งเสียงสะอึกสะอื้นไม่ขาดสาย
เดี๋ยวก่อนสิรุ้ง พี่ยังไม่ได้บอกเลยนะว่าไอ้ทินมันมาที่นี่
รุ้งรู้ค่ะ ว่าพี่ทินต้องมาหาพี่แน่ ๆ เพราะพี่ทินเขาไม่มีเพื่อนสนิทคนไหน สาวน้อยยืนยัน
ถึงพี่จะสนิทกับไอ้ทินมัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะต้องมาหาพี่นี่หนาเอางี้รุ้ง รุ้งพอเล่าให้พี่ฟังได้ไหม ว่ามันเรื่องอะไรกันฮึ
สาวน้อยหยุดนิ่งคิดชั่วครู่
รุ้งพูดตอนนี้ไม่ค่อยสะดวกหรอกค่ะพี่นนท์ แล้วเธอก็ปล่อยโฮขึ้นมาอีก
คราวนี้นนท์เริ่มรู้สึกปวดหัวขึ้นมาตะหงิด ๆ เขาเอามืออีกข้างยกขึ้นเสยผม แล้วเลื่อนไล้ลงมาบีบที่ต้นคอเบา ๆ เผื่ออาการปวดจี๊ด ตรงศรีษะเมื่อครู่จะทุเลาลง
เอางี้ถ้ารุ้งไม่สะดวกจะเล่าให้พี่ฟัง ก็ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวถ้าไอ้ทินมันมา พี่จะสั่งให้มันโทรฯ กลับไปนะครับ
จริง ๆ นะคะพี่นนท์ ขอบคุณมากเลยค่ะ จากนั้นสัญญาณมือถือของนนท์ถูกปิดทันที หลังจากจบคำพูดที่ว่า
จริงสิครับแค่นี้นะ
นนท์ยอมรับว่า สันดานของเขาไม่ค่อยจะเป็นสุภาพบุรุษสักเท่าไหร่ เขาไม่ชอบฟังเสียงผู้หญิงร้องไห้ และเขาไม่ใช่ผู้ชายประเภทนุ่มนวลชวนฝัน ที่จะมาคอยปลอบโยนใครต่อใคร ก็เพราะอย่างนี้กระมัง ผู้ชายดิบ ๆ อย่างเขา ถึงยังหาสาวมารู้ใจไม่ได้สักที
แต่ก็เถอะเขาไม่แคร์หรอก เพราะผู้หญิงที่จะเข้ามายืนอยู่ข้างกายเขา จะต้องเป็นตัวของตัวเอง เข็มแข็ง และอดทน สามารถดูแลตัวเองได้ แม้ยามไม่มีเขาอยู่ ไม่ใช่ขี้แย เหยาะแหยะ ใจแตก เหมือนยายเด็กที่ชื่อสายรุ้งคนนั้น!
ใครโทรฯมาวะนนท์. ชายที่นอนฟุบร่างอยู่ ผงกหัวลุกขึ้นมาถาม แสดงอาการงัวเงีย
ก็แม่ยอดยาหยีของแกนั่นแหละ นนท์ทำน้ำเสียงเซ็งสุดขีด พร้อมหย่อนตัวนั่งลงข้าง ๆ เพื่อนชาย แล้วส่งสายตาเหมือนเป็นการตั้งคำถาม
กูถามจริงเหอะมันเรื่องอะไรร้ายแรงนักหนาเหรอ แกถึงได้กลายเป็นนกปีกหัก บินถลามาซบอกกูวะไอ้ทิน
แล้วบอกรุ้งไปหรือเปล่าว่ากูอยู่ที่นี่.. นนท์ส่ายหน้า ก่อนหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบ
รุ้งบอกกูว่าเค้ามีแฟนใหม่แล้ว อยู่ที่เชียงใหม่ ทินพูดน้ำเสียงปนเศร้า
เชียงใหม่! นนท์ร้องเสียงหลง ทำตาโต แล้วค่อนขอดว่า
เสน่ห์แรงจริงนะแม่คู๊ณสงสัยเธอคงอยากจะมีสามีครบเจ็ดสิบหกจังหวัดก่อนอายุยี่สิบ พอนึกจะพูดต่อ แต่หยุดปากระงับเอาไว้ทัน เมื่อเห็นทินทำตาขวางใส่ ตั้งท่าจะเอาเรื่อง
ปากอย่างมึงถึงหาแฟนไม่ได้ นนท์นึกจะตอบกลับไปว่า
ถ้าแฟนกูเป็นอย่างมึงกูก็ไม่เอา แต่ต้องเงียบไว้ เพราะเกรงจะเป็นการตอกย้ำ
มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ยายเด็กสายรุ้งจะมีแฟนใหม่นอกเหนือจากนาย เพราะที่ผ่านมาก็ไม่อยากจะนับแล้วว่าผ่านมากี่คนถามจริงเหอะทนได้ไงวะไอ้ทิน แต่ดูเหมือนว่า คำพูดเมื่อครู่จะแทงใจดำของทินเข้าให้ นนท์เห็นแววตาของทินคล้ายเอ่อซึมไปด้วยน้ำตา
ก็นี่ไงกูถึงไม่อยากทนแล้ว !กูเหนื่อย !เข้าใจไหมนนท์ กูไม่ไหวแล้ว
ทินยกมือขึ้นกุมขมับ น้ำตาลูกผู้ชายเอ่อรินลงมาอย่างไม่อายใคร นนท์เอื้อมมือไปแตะไหล่เพื่อนเบา ๆ เหมือนจะบอกว่าเข้าใจ ทินคงอดทนมามากพอแล้วสำหรับเรื่องนี้ ถ้าเป็นตัวเขาเอง เขาคงแห่เปิงทิ้งแม่สาวน้อยร้อยชั่งคนนั้นมาครั้นตั้งแต่คราวแรก ที่ทินออกไปทำงานร้องเพลงตอนกลางคืน แต่พอกลับมารุ่งเช้า ต้องมาเห็นภาพชายหนุ่มแปลกหน้า นอนกอดแฟนสาวของตน ที่ห้องนอนตนเองแล้วเหตุการณ์อย่างนี้ก็มีตามมาอีกหลายต่อหลายครั้ง
นนท์เตือนเพื่อนรักอยู่เสมอว่า ยายเด็กสายรุ้งคนนั้นไม่มีคุณค่าเพียงพอสำหรับทินหรอก เธอเป็นเพียงแค่เด็กใจแตกที่ไม่รู้จักความรัก แต่ทินยังยืนกรานว่า เขารู้จักสายรุ้งดีกว่าใคร เธอเป็นเด็กน่าสงสาร มีครอบรัวแตกแยก ต้องการความรักเป็นที่ยึดเหนี่ยว เธอมีทินเพียงคนเดียวที่เป็นทั้งแฟนและที่ปรึกษาที่ดีที่สุดแต่แล้ว วันนี้ถึงคราวที่ความอดทนของทินต้องพังทลายลง
รุ้งท้อง!
ท้องตอนอายุสิบเจ็ดเนี่ยนะเรียนหนังสือก็ไม่จบ แล้วจะมีปัญญาอะไรเลี้ยงลูกวะว่าแต่ท้องกับใคร ข้อหาหนักพรากผู้เยาว์เชียวนะมึง
ทินส่ายหน้า
กูเองก็ไม่รู้ พอทีเถอะนนท์ อย่าพูดถึง อย่าถาม กูอยากลืมเด็กคนนี้สักที คราวนี้นนท์ถึงกลับอึ้ง
ปล่อยให้ภายในห้องอึมครึมไปด้วยความเงียบ เขาทิ้งให้ทินอยู่คนเดียวตามลำพัง บางทีปัญหาที่รุมเร้า เขาอาจมองเห็นลู่ทางออกได้ชัดเจนกว่า เพราะเป็นผู้ประสบ
ทินยกมือขึ้นปาดหยาดน้ำตา แล้วชะโงกหน้าออกไปรับลมโชยตรงหน้าต่าง ในใจอดเป็นห่วงแฟนสาวของเขาไม่ได้ ป่านนี้สายรุ้งจะวุ่นวายใจสักแค่ไหน ที่รู้ว่าเขาทิ้งหล่อนเดินหนีจากเธอมาแล้ว หรืออาจบางทีเธอจะดีใจก็ได้ ที่เขาออกจากชีวิตของเธอสักที เพราะเวลาตอนเขาอยู่ใกล้ ๆ เขามักชอบบ่นโน้น ห้ามนี่เธออยู่ตลอดเวลา บางทีอารมณ์แบบเด็ก ๆ ที่มักเอาแต่ใจตนเองของเธอ จะเบื่อเขาแล้วก็ได้ แต่จะให้เขาทำยังไงล่ะ ถึงจะถูกใจ ถึงจะพอใจ และหยุดแต่เพียงแค่เขาสักที !
ทินอดคิดถึงเหตุการณ์ครั้งแรกที่เขาเจอกับสายรุ้งไม่ได้ คืนนั้นฝนตกหนัก เขากลับมาจากร้องเพลง เห็นเด็กผู้หญิงนั่งคุดคู้ มือกอดอก เนื้อตัวสั่นเทา หนาวเหน็บเพราะแรงลมฝน เส้นผมยาวเปียกปอนลู่ลงมาปิดใบหน้าคมสวยนั้นไว้ เขาอยากจะเอื้อมมือไปปัดเส้นผมให้ แต่ทำได้เพียงส่งยิ้ม และเอ่ยถามว่า
บ้านเธออยู่ที่ไหน สาวน้อยส่ายหน้า น้ำตาหรือน้ำฝนกันแน่ที่เอ่อรินเปื้อนใบหน้านั้น ทินเผลอแอบมองลึกลงไปในดวงตาที่ดูหวาดกลัวต่อโลกกว้าง เขาถอดเสื้อแจ๊กเก็ตสีดำมาคลุมร่างของเธอเอาไว้ เธอส่งยิ้มให้เขาแทนคำขอบคุณ และคืนนั้นเทินก็ได้รู้จักเธอมากขึ้น และรู้ว่าเธอชื่อ สายรุ้ง
หลายคนมองว่าเขาเป็นผู้ชายโง่ ที่ไปรักสายรุ้ง ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่า สักวันหนึ่ง เมื่อสาวน้อยคนนี้รู้จักความรักดีพอ เธอก็จะเดินจากเขาไป แต่ทินเชื่อใจนักว่า ความรักที่เขทุ่มเทไปให้เธอ สักวันมันคงจะพอ สักวันมันคงจะเต็ม เพราะสิ่งที่เขาให้ คือความรักที่เขารักเธออย่างสุดหัวใจ เขาอดทนทุกอย่าง หวังรอคอยว่าสักวันเด็กจะรู้จักความรัก และเธอก็จะรู้ว่า เขารักเธอมากมายแค่ไหน.
แต่แล้ววันนั้นมันก็ยังมาไม่ถึงจนเขารู้สึกอ่อนล้าต่อการกระทำของเธอ หลายต่อหลายครั้ง ที่เธอต้องทำให้เขาผิดหวัง เจ็บปวด แอบร้องไห้เพียงลำพัง ทินปลอบใจตัวเองว่า เธอก็เพียงแค่เด็ก อ่อนวัยต่อโลกภายนอก เธอก็แค่หาประสบการณ์ชีวิต ที่ยอมลงทุนเอาชีวิตและจิตใจของตนเองเข้าแรก เธอไม่ได้ตั้งใจทำให้เขาผิดหวัง และเจ็บปวด.และอะไรต่าง ๆ นานา สุดท้ายจบตรงคำขอโทษ อ้อนออด และแววตาคู่เศร้าคู่นั้นเขาพร้อมจะให้อภัยเธอทุกอย่าง ทำไมหนอ เขาจึงต้องไปรักเธอมากมายขนาดนั้นด้วยทำไมกัน
นั่นสินะพอทีเถอะความรัก ที่เขาเป็นผู้ให้ที่ไม่รู้จักจบจักสิ้น ความรักที่ไม่เคยเต็ม เด็กที่อยู่ในท้องของสายรุ้งก็ไม่ใช่ลูกของเขาสักหน่อย เพราะตั้งแต่ที่เธอมาอยู่บ้านเขา ทินไม่เคยล่วงเกินอะไรมากไปกว่านั้น เพราะเขาเชื่อว่าจิตใจเธอบริสุทธิ์และไร้เดียงสา เขาไม่อยากทำให้ชีวิตและความฝันของเด็กสาวต้องแปดเปื้อน เพราะมันมีคุณค่ามากพอ ถ้าเธอคิดอยากจะศรัทธาในตัวเอง
สายลมยามเย็นพัดกรูมา เหมือนเตือนว่าฝนจะตกในไม่ช้า ทินรำพึงในใจว่า พัดไปเถอะสายลม ถึงแม้มันจะเหน็บหนาว แต่เขาจะไม่หวั่นไหวอะไรง่าย ๆ อีกต่อไปแล้ว บางทีความจริงกับความฝัน มันก็แทบแยกไม่ออกเหมือนกัน.
ทินยังยืนคิดอะไรต่อมิอะไรอยู่เพลิน ๆ ต้องมาสะดุ้ง เมื่อเสียงนนท์ตะโกนขึ้นมาว่า
โทรศัพท์คร๊าบบ คุณพระเอกนางเอกโทรฯมาแล้ว จะรับมั้ยเนี่ย
ทินเดินตรงไปรับโทรศัพท์เหมือนคนว่าง่าย คนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ยกมือขึ้นเกาหัวแกรก ๆ พร้อมกับเดินพึมพำออกไปว่า
ช่างไม่เข้าใจความรักเอาซะเลยกู
เมื่อสนทนาเสร็จสิ้น ทินยื่นโทรศัพท์กลับคืนเพื่อนหนุ่ม ที่ยืนจ้องมองตาแทบไม่กระพริบ
ไม่ต้องรอให้นนท์เอ่ยถาม ทินรีบบอกไปว่า
ไม่มีอะไรหรอกนนท์เรื่องมันจบแล้ว
ก็ดีเพราะกูก็อยากให้มึงตาสว่างสักทียังไงยายรุ้ง ก็มีคนรักคนใหม่แล้ว แถมมีลูกด้วยกันอีกขืนมึงยังเสือกรักยายเด็กใจแตกนั่นอยู่ ก็ไม่รู้จะว่าไงแล้วนนท์กล่าวหน้าตาเฉย
กูยังรักรุ้งอยู่ถึงรุ้งจะเป็นยังไงกูก็ยังจะรัก!!
...
ทินเดินตรงไปยังแผนกเครื่องใช้เด็กอ่อน ณ ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง เขาค่อยพินิจเสื้อผ้าเด็กตัวน้อย ๆ อย่างชื่นชม อีกทั้งของเล่นต่าง ๆ มากมาย อันนี้ก็สวย อันโน้นก็น่ารักจนสองมือของเขาหอบหิ้วของกลับบ้านพะรุงพะรังเต็มไปหมด
โห..อะไรน่ะ นนท์ทำหน้าตาเหลอหลา อยู่เบื้องหลังรูปภาพที่ยังวาดไม่เสร็จ
ซื้อฝากให้รุ้ง..นิดหน่อย
อย่างนี้ไม่เรียกว่านิดหน่อยแล้วเพื่อนระวังเถอะ พ่อของเด็กจะตามมาถีบมึงถึงที่
แต่ทินไม่พูดอะไร ได้แต่หยิบเอาข้าวของที่ซื้อมานั่งชื่นชม
นนท์วางพู่กันใส่ไว้ในถ้วยแก้วแล้วเดินตรงมานั่งข้าง ๆ เพื่อนของเขา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า
เลิกซะทีเถอะทินกูอยากให้มึงตัดใจจากรุ้งซะ.. เขาเอื้อมมือไปแตะอยู่บนบ่าของทิน แล้วโยกเบา ๆ เหมือนให้เป็นกำลังใจ
แทนมองหน้าเพื่อน แววตาคู่นั้นอมเศร้าจนอีกคนสัมผัสได้
อย่างนี้มันไม่เรียกว่าความรักหรอกนะทินเชื่อสิ ความรักที่แท้จริง มันไม่ทำให้ต้องมานั่งเจ็บปวดอยู่อย่างนี้หรอก
มึงเป็นคนบอกกูเองไม่ใช่หรือว่าเรื่องมันจบไปแล้วแล้วทำไมไม่ปล่อยให้มันจบไปล่ะลืมมันซะ..แล้วเริ่มต้นใหม่
แต่กูยังเป็นห่วงรุ้งอยู่
แล้วอย่างนี้เมื่อไหร่รุ้งจะโตล่ะคืนชีวิตให้รุ้งเถิดทิน ปล่อยให้เธอเรียนรู้เองบ้าง เพื่อให้เธอได้เข็มแข็ง ด้วยตัวของเธอเองเถอะนะ.
ทินนิ่งเงียบ จริงสิทำไมหนอ เขาถึงไม่คืนชีวิตกลับคืนให้รุ้งไป ทำไมหนอเขาถึงไม่ยอมรับความจริงที่ว่า..ในขณะนี้ รุ้งมีคนอื่นที่ไม่ใช่เขาคอยดูแลอยู่แล้ว ..ความจริงรุ้งไม่ได้รักเขาหรอก เพียงแค่ความเหงา และรู้สึกปลอดภัย ยามที่อยู่ใกล้เขาต่างหาก เพียงแค่อารมณ์ของเด็กที่ไม่มีที่พึงที่ปรึกษาแท้จริงแล้ว เขาเองต่างหากที่โง่งม คิดว่านี่คือความรัก
นนท์ก้าวเดินออกจากตรงนั้น เพื่อปล่อยเวลาให้แทนได้อยู่กับตัวเอง เพื่อคิด เชื่อมั่นว่า ..ไม่นานนักหรอก ทินจะเก็บเอาความรักที่เคยมอบใครคนหนึ่ง..กลับคืนมาให้ตัวเอง
ใช่..คงไม่นานนักหรอก เพราะความรักของทิน ยิ่งใหญ่กว่าความรักของเขามากมายนัก