31 มกราคม 2552 22:59 น.
พิมญดา
มีนิทานแม่ปูนาเดินขาเก
ชอบเดินเซไปมาน่าขำขัน
แล้วคอยบ่นให้ลูกปูรู้ทุกวัน
เดินอย่าหันไปมาหน้าอับอาย
แม่ปูสอนลูกปูดูแบบอย่าง
เดินตรงทางสง่างามตามความหมาย
อย่าได้เดินโซเซเฉนอกลาย
แม่จะย้ายเยื้องย่างทางก้าวเดิน
ลูกปูคิดตามแม่แม้จะงง
เดินให้ตรงเท่าไรใยขัดเขิน
มันไม่ตรงสักทีแย่ยับเยิน
ก็แม่เดินไม่ตรงงงอยู่ดี
นี่คืออุทาหรณ์กลอนนิทาน
เป็นตำนานเล่าขานในทุกที่
เป็นผู้นำใจซื่อถือความดี
ลูกน้องมีเดินตรงตามงามด้วยใจ
หากผู้นำยึดหลักคุณธรรม
คอยตอกย้ำชี้นำอย่าเฉไฉ
เหมือนแม่ปูสอนลูกปูเดินผิดไป
ในเมื่อปูเดินขาไกวแต่ใดมา
30 มกราคม 2552 18:25 น.
พิมญดา
วาเลนไทน์ผ่านมาอีกคราแล้ว
เสียงเพลงแว่วเข้ามาน้ำตาไหล
ดอกกุหลาบสีแดงแสนบาดใจ
หวังลืมใครบางคนทนเรื่อยมา
สิบสี่กุมภาพันธ์วันรักจาก
ดอกกุหลาบเหลือเพียงซากเสน่หา
เก็บคืนวันแห่งรักที่ร้างลา
คำสัญญาวาเลนไทน์กลายเป็นลม
กุมภาพันธ์ปีนี้คงเหมือนเคย
ไม่อยากเอ่ยเรื่องกุหลาบบาดใจขม
วันแห่งรักยากยิ่งนักรักภิรมย์
หนามเจ้าคมคอยตอกย้ำช้ำเกือบตาย
กุมภาพันธ์ปีนี้อยากมีหวัง
ใครจะพังคลื่นน้ำตาพาห่างหาย
มอบกุหลาบไร้หนามปักรักสักราย
ดอกสุดท้ายกุหลาบใจหายทันที
วาเลนไทน์ดอกไหนให้น้องก่อน
ใจร้าวรอนคงจะหายคลายปีนี้
ใครกันหนอมอบกุหลาบอาบไมตรี
ชมพูสีหวานนักรัก..วาเลนไทน์
29 มกราคม 2552 11:08 น.
พิมญดา
เขียนกลอนอาบน้ำตามานานเนา
เขียนบอกเล่าความเป็นมาน้ำตาไหล
เขียนย้ำรอยแผลรักปักทรวงใน
เขียนเพื่อใครไหนกันฉันร้าวราน
กลอนหลายบทแบกความเศร้าเคล้าความโศก
อยากหยุดโลกความเป็นจริงที่หักหาญ
ความขื่นขมตรอมตรมทรมาน
เขียนประจานใจช้ำย้ำระทม
กลอนน้ำตามีมากอยากปลดปล่อย
แก้ด่างรอยมลทินชินขื่นขม
เขียนกลอนรักก็แค่ทักทายสายลม
เขียนแค่พรมใจน้อยคอยรักคืน
กลอนบรรเลงเพลงโศกอกแทบพัง
นอนน้ำตาไหลหลั่งฟังขมขื่น
เสียงเพลงกรีดอารมณ์ล้มทั้งยืน
อกสะอื้นด้วยหนาวเหน็บเจ็บอุรา
หนักเกินไปหรือไม่ใจเจ้าเอ๋ย
เขียนกลอนเผยเย้ยโลกโศกหนักหนา
เผื่อบรรเทาทุกข์มากหยาดน้ำตา
อักษราผ่อนปรนอารมณ์...เอย
28 มกราคม 2552 11:12 น.
พิมญดา
โลกกว้างใหญ่ยังไม่ใหญ่เท่าใจรัก
แบกก็หนักเหนื่อยก็พักตามความฝัน
สองมือเอื้อมไขว่คว้าเงาพระจันทร์
สูงปานนั้นได้แต่มองร้องเรียกเอา
อยากมีใครสักคนไว้เคียงข้าง
ยามอ้างว้างคิดถึงบ้างบนทางเหงา
คอยหยอกล้อยิ้มรับคำว่าเรา
ลบความเศร้าทุกคราวที่เข้ามา
แต่คงเป็นเพียงเสียงใจร่ำร้อง
ที่กู่ก้องร้องเรียกเพรียกใจหา
เขียนกลอนรักปลอบตัวเองอยู่เรื่อยมา
รอสัญญิงสัญญาหามีใคร
ดูลางเลือนเลือนลางทางแสนเปลี่ยว
ตัวคนเดียวบนโลกนี้ที่อ่อนไหว
มีท้องฟ้าสายลมคอยพรมใจ
ดอกหญ้าไหวคอยทักทายหายครั้งคราว
หากโลกนี้ไร้ความรักจะหนักไหม
หรือต้องคอยแบกหัวใจคืนเหน็บหนาว
จะมีไหมใครสักคนนั่งชมดาว
ดูห้วงหาวฟ้างามยามค่ำคืน........
26 มกราคม 2552 18:34 น.
พิมญดา
เฝ้าอบรมตัวเองอย่าใจอ่อน
คิดถึงตอนรักล่มจมสลาย
นอนร้องไห้เสียน้ำตาตั้งมากมาย
อย่าคิดหมายมีรักใหม่ให้ซ้ำรอย
อบรมใจตัวเองมาตลอด
อย่ามืดบอดตกหลุมพรางวางใจน้อย
เจ็บอีกครั้งคงไม่หวังนั่งตาปรอย
อมรมใจบ่อยบ่อยอย่าปล่อยไป
ยืนมองหน้าตัวเองเพ่งกระจก
น้ำตาตกยังไม่กลัวหรือไฉน
เจ็บเอ๋ยเจ็บคราวนั้นแทบขาดใจ
เกินรับไหวใจหนอใจใยไม่ฟัง
ดอกไม้สวยใช่ต้องคู่ภมร
ดูเสียก่อนใจจ๋าอย่าเพิ่งหวัง
หากเจ็บมาน้ำตาดั่งเขื่อนพัง
ภมรบินแตกรังนั่งโศกา
เตือนกี่ทีอย่าริรักคนตัวขาว
น้ำตาพราวอาลัยร้องไห้หา
รักคนดำดีกว่านะกานดา
อย่าห่วงหาคนขาวจะร้าวทรวง....