24 มกราคม 2555 22:50 น.

๏ ทุรยุค ๏

พิพัฒนชัย พรมศรี

๏ ร่ายสุภาพ ๏ 

๏ ทุระยำกอบกิน ธรณินทร์ขยาด ยุรยาตรสะพรั่ง ประดั่งโหงห่ารุก
ทุรยุคอุบัติ สะพัดถ้วนถิ่นทั่ว โฉดชั่วสนุกฉนำ บำเริงระบำสู่เบื้อง
เขยิบเยื้องสู่กรุง กระบือพุ่งตะบันไทย อธิปไตยปากพล่าม 
กักขฬะลามครอบครอง ลำพองขนกร่างกร้าว คะนองน้าวขลุกคูถ 
ขี้มูตรขี้หมูเปรอะปราย ไหลกระจายเกลื่อนทุ่ง ให้ฟุ้งเฟ่อะเขรอะคาว 
จนดินด้าวเดือดคุ ร้อนระอุถึงฟ้า ตรลบแห่งแหล่งหล้า ระส่ำทั่งปฐพี !


(ถอดความจาก โคลงมหาวิชชุมาลี)
http://www.facebook.com/photo.php?fbid=150485265066724&set=a.143217789126805.30253.100003157532174&type=1&ref=nf)
_________________
พิพัฒนชัย
๒๔ / มกราคม / ๒๕๕๕

Facebook
http://www.facebook.com/Pipat.Thaipoe				
24 มกราคม 2555 05:21 น.

ฝากถึงนิติราษฏร์ (ด้วยก็ดี)

พิพัฒนชัย พรมศรี

๏�เด็กเอ๋ยเข้าจงเพ่ง ............. พากเพียร
หมั่นฝนหมั่นฝึกเวียน ........... �อ่านให้
คล่องแคล่วคงแก่เรียน .......... รู้ชอบ ชั่วนา
ครั้นเติบครั้นโตจักได้ ............ ทันฉ้อ ขบวนฉล�๚ะ๛�

๏�เด็กไทยในวันนี้�
ต้องคนดีในวันหน้า
อย่าถ่อยอย่าต่ำช้า�
เหมือนผู้ใหญ่ในวันนี้

๏ จงเรียนเพียรศึกษา
ศาสตร์วิชานั้นต้องมี
แน่วทำแต่ความดี
ทั้งศรีศักดิ์แลสัตย์ซื่อ

๏�"โตไปไม่เป็นทาส�
ไม่เขลาขลาดไม่โง่บื้อ
หมั่นฝนหมั่นฝึกปรือ
ฝึกวิชา ความเป็นคน".!

๏ อุบาทว์อุบายเฝ้า �........... เวียนวน � � � �
โฉดชั่วเมามัวมน � �............ เลี่ยงไกล้
ทิฐิอัตตาตน �.................... ขจัด
เพียรจดเพียรจำไว้ �............ เหล่านั้น ใดควร ๚ะ๛�
�________________
พิพัฒนชัย
๑๒ / มกราคม / ๒๕๕๕





ฝากถึงนิติราษฏร์ (ด้วยก็ดี)
(หยิก)โดย �:: �Seal Thailand�
�
นานมากแล้วครับ ... ที่ผมเคยคุยอยู่กับอาจารย์ท่านหนึ่ง�
ซึ่งเป็นอาจารย์ประจำวิชารัฐศาสตร์ วันนั้นเรานั่งคุยเล่นกันตามปกติ �
ไม่ได้เรียนจึงตั้งคำถามเล่นๆมาคำถามนึงให้ท่านตอบ
�
รัฐบาลจะเปลี่ยนทิศทางประเทศไปในทางที่ดีได้มั้ยครับอาจารย์ ??
อาจารย์ตอบว่า ''ให้พระอินทร์ พระพรหมเหาะลงมา ก็เปลี่ยนไม่ได้'' !?!
�
แล้วอาจารย์ก็บอกกับผมอีกว่า ....�
"ถ้าอยากจะให้ศาสนาและประเทศเจริญ�และการศึกษามีคุณภาพ ไม่ยากเลย
"สมมติว่ามีลูก ๕ คน �ลูกคนที่ฉลาดที่สุดต้องให้บวช�
เพื่อจะได้ศึกษาหลักธรรมนำพาศาสนาและสังคมต่อไป�คนที่ฉลาดลองลงมาก็ให้เป็นครู ...
อะไรทำนองนี้..
�
เก็บนำมาคิด..�มันก็จริงอย่างที่อาจารย์ท่านว่านะ!!
ส่วนใหญ่คนเราชอบแก้ปัญหากันที่ปลายเหตุ ไม่ได้ขจัดกันที่เหตุ
เเละที่ทำๆกันอยู่ทุกวันนี้ก็เพียงระงับผล �ไม่ได้ระงับเหตุ!
�
เรื่องสมมติผ่านไป .... ถึงคราวสภาพความเป็นจริงกันบ้าง
ยุคนี้สมัยนี้ ครอบครัวใครมีลูกฉลาดก็ต้องให้เรียนหมอ�จะได้ร่ำรวยมีหน้าตา
หรือถ้าเป็นผู้ชายก็ให้ไปสอบนายร้อย,นายเรือ เผื่อว่าจะได้เป็น นายพัน นายพล
ส่วนคนที่ไม่ค่อยฉลาดก็ให้ไปเรียน วิทยาลัยครู เผื่อจะพอเป็นครูได้�
ส่วนคนที่โง่ที่สุดก็ไม่ให้เรียนซะ �รึจะเรียนก็ได้แค่ม.๓ อย่างเก่งก็ม.๖
รึไม่เลยก็ให้บวชอยู่วัด เผื่อไม่สึกจะได้เป็นสมภาร ?
�
ก็เพราะอย่างนี้ไง ศาสนา,การศึกษาและประเทศชาติมันจะเจริญได้อย่างไรครับ ...�
�
ทั้งหมดทั้งปวงนี้มันเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้น !!
"ทุนนิยม" ... ไม่ได้ช่วยคนให้เป็นคนเลยตัวอย่างง่ายๆ
คนที่ไม่ได้ร่ำรวย หรือไม่ได้มีหน้าตาในสังคม เช่น สงฆ์ ครูตามชนบท แม่ค้า ภารโรง ...
คุณเคยเห็นคนเหล่านี้อดตายมั้ยครับ.??
�
คนที่เกิดในเมืองไทย เมืองสยาม อยู่ใต้พระบรมโพธิ์สมภาร ไม่มีคำว่าอดตายหรอกครับ!!
ถึงจะตาย ก็มีแต่ "อยากได้ อยากมี อยากสะดวก อยากสบาย" �จวนจะตาย !!
�
สะดวกสบายนี่ถือว่าดีนะครับ...ไม่ใช่ไม่ดี.
แต่ในนิยามของคนไทย�อยากสะดวกสบายนี้คือ เครื่องอำนวยความสะดวก
อาทิเช่น เครื่องเสียงลำโพง รถยนต์รุ่น มอเตอร์ไซต์รสุดฮิต ฯลฯ
ขาดไม่ได้ไม่เท่าไหร่ครับ แต่ต้องมีให้ครบไม่น้อยหน้านี้ คนไทยชัดๆ!
�
�
เหตุจูงใจทั้งหมดตามสภาพความเป็นจริงนั้น!
คือเด็กๆเยาวชนถูกปลูกฝังให้เล่าเรียนเพื่อ ''ทุนนิยม!''
มันเป็นเรื่องจริงครับ ... ถ้าไม่เชื่อผมไปสอบถามเอาตามโรงเรียนมัทธยมได้
ยิ่งมัทธยมปลายยิ่งดี �เพราะส่วนใหญ่จะเล็กเรียนในสาขาอาชีพที่ดูแล้วได้เงินเยอะ
จะยังไงช่างหัวมัน �ขอเงินเยอะไว้ก่อน �ยิ่งสตาร์ทเงินเดือนสูงละลิ่วเท่าไรนี่ยิ่งชอบ �... ทำนองนี้ทั้งนั้น !!
�
ส่วนด้านการพัฒนาสังคมและครอบครัว
อันเป็นพื้นฐานการผลักดันบุคลากรที่ดีแก่ประเทศชาติสนใจน้อยมาก
คิดง่ายๆเลยว่า นักเรียนส่วนใหญ่ เล็งอาชีพครูเป็นข้อสุดท้าย!
�
�
การที่ถูกปลูกฝังสืบต่อกันมาว่าจงเล่าเรียนเพื่อหน้าตาในสังคม
จะได้มีอำนาจบาตรใหญ่ แต่! กลับไม่สอนให้เรียนเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตและจิตใจ
อีกทั้งคนส่วนใหญ่นั้นเรียนและศึกษา แต่ไม่ได้เรียนรู้วิธีการศึกษา
แล้วอย่างนี้ประเทศมันจะเหลืออะไร ??
�
ถึงเหลือ ....
ก็เหลือแต่ไอ้พวกสมองตี๋หลียุ่น,นักวิชากลวงวิชาการ เดินตามกันเป็นเต่าเป็นตุ่น ''กระดกก้นตามกัน''
�
สังคม จะไม่เป็น สังคัง ต้องเริ่มที่สถาบันครอบครัว ต้องแก้ที่ตัวคุณเอง !
''ไม่ใช่แก้ที่นักการเมือง ไม่ใช่ต้องแก้ที่ประชาธิปไตย ไม่ใช่ต้องแก้ที่รัฐธรรมนูญ
�................... �และ! ไม่ใช่การแก้กฏหมายอาญามาตรา ๑๑๒. .......................


____________________
พิพัฒน์ชัย
๒๔ / มกราคม / ๒๕๕๕


Facebook
http://www.facebook.com/Pipat.Thaipoe				
24 มกราคม 2555 01:44 น.

๏�แทนตัว ๏ �

พิพัฒนชัย พรมศรี

๏ � แน่ะเว้ยเฮ้ยกูเห็น
พวกที่เป็นปัญหา
เข็นพี่น้องท้องนา
อยู่ร่ำไร

๏ ��พวกนายทุนนายทาส
พวกขี้ขลาดตาขาว
พวกผีเปรตโย่งยาว
พวกจัญไร

๏ �อยู่ในซ่องในหลืบ
อยู่แค่คืบแค่วา
อยู่บนหลังชาวนา
อยู่เพื่อไทย

๏ �ชอบตำบอนบ่อนใส้
ชอบจัญไรป่วนเมือง
ชอบหายกหาเรื่อง
ชอบเผาไทย�

๏ �เปลี่ยนผิดให้เป็นถูก
ที่ว่าถูกสิผิดผัน
แล้วเปลี่ยนธงประเทศพลัน
เปลี่ยนธงไทย

๏ � ใช้สีแดงดาลเดือด
แทนสีเลือดแดงฉาน
แล้วพาดพลันพันกระบาล
ก็จัญไร

๏ � ยอมขายสิทธิ์ขายตัว
ยอมมอบหัวหมอบคลาน
ยอมเป็นสัตว์เลื้อยคลาน
ยอมเป็นไพร่

๏ �นี่แหละหนาชาติพันธุ์
บ่ผิดผันโคควาย
เร่งไว้ลวดวาดลาย
ชาติสัตว์ทราม !.
_________
พิพัฒนชัย
๒๔ / มกราคม / ๒๕๕๕

Facebook
http://www.facebook.com/Pipat.Thaipoe				
23 มกราคม 2555 07:12 น.

๏�เกลื่อนกรุง ๏�

พิพัฒนชัย พรมศรี

โคลงมหาวิชชุมาลี : เกลื่อนกรุง 

๏ ทุระยำกำเนิดแล้ว ....... กอบกิน 
เกณฑ์กักขฬะก่อระกำ ....... สู่เบื้อง
สะพรั่งทั่วธรณินทร์ .......... ขยาด
ยุรยาตรเขยิบเยื้อง ......... ขย่มเข้า เขมือบกรุง


๏ กระบือพุ่งตะบันอ้าง ........ อธิปไตย
ปากพล่ามพลางตีนกวาด ..... กร่างกร้าว 
ถ่อยเข้าคืบครองไทย ......... ตลอดช่วง
ชวนชักนำโน้มน้าว ............ ขลุกคูถ มูตรโคลน


๏ ทะโมนโหนห้อยล้น ........ ลามวัด
เข่นสงฆ์ขับชีช่าง.............. ชั่วแท้
แล้วระเบงระบำสัตว์ .......... สิ้นเสพ
ต่างจูงเกวียนกันตามแก้ ...... กฏหมาย กฏกู


๏ พิศดูเหล่าไพร่ล้วน .......... จัญไร
ตีนก่นสาปแทนปาก ......... แทนป้าย
กระหยิ่มยิ้มย่ามใจ ............ หมายหมิ่นฯ
อ้ายอีใดประสงค์ร้าย .......... ล่องล้วน อเวจี


๏ โหงผีห่างเรือนแล้ว ....... อนาถา
โหยมาแต่กรุงกราว ......... กึกก้อง
คณะเปรตแผดผุดมา ........ ธรรมศาสตร์
ทุระยำก่อทุรยุคจ้อง ........ ประกาศก้อง การณรงค์ !
_____________________
พิพัฒนชัย 
๒๓ / มกราคม / ๒๕๕๔

Facebook
http://www.facebook.com/Pipat.Thaipoe				
23 มกราคม 2555 02:17 น.

๏ ความหวัง ๏

พิพัฒนชัย พรมศรี

โคลงมหาสินธุมาลี : ความหวัง

๏ พระพายผันผกพลิ้ว ......... แผ่วลม
อย่าเพิ่งไกวเพิ่งไหวห่ม ....... ผ่อนให้
พฤกษ์ไพรพร่างพรูถม ......... แผ่นหล้า
จงหยุดจงหยัดไว้ ............. เถิดข้า จักถนอม

๏ หอมเอยดอกฟ้าร่ำ .......... คำหอม
หนออยากเด็ดได้ไว้ดอม ...... อยู่เหย้า
วนิพกพลันตรมรอม ............ จิตเอย
แม้นกาลผ่านศกเฝ้า ........... เร่งเร้า เพียรรอ

๏ ซอประสานเสียงร้อย ....... สำเนียง
ดั่งภมรประคองเคียง .......... หมู่ไม้
ใยข้าต้องแต่เพียง ............. ชมพักตร์
โอ้กรรมเก่ากั้นหาได้ ......... แนบน้อง ดั่งถวิล ฯ
_____________________
พิพัฒนชัย
๒๒ / มกราคม / ๒๕๕๕

Facebook
http://www.facebook.com/Pipat.Thaipoe				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพิพัฒนชัย พรมศรี
Lovings  พิพัฒนชัย พรมศรี เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพิพัฒนชัย พรมศรี
Lovings  พิพัฒนชัย พรมศรี เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพิพัฒนชัย พรมศรี
Lovings  พิพัฒนชัย พรมศรี เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงพิพัฒนชัย พรมศรี