27 ธันวาคม 2552 16:42 น.
พิณวรา
ยังแต่ความซื่อใสไร้เดียงสา
มองมารดาอย่างหงอยเหงาเศร้าหดหู่
กุมมือน้อยห้อยขาหน้าประตู
นั่งเก้าอี้อย่างผู้มิรู้ชะตา
เท้าที่เจ็บห้อเลือดสีเผือดนั้น
ยังหมายมั่นใจแท้แม้ผืนผ้า
จะทำแผลหรือใช้กษัยยา
มิยักย้ายทีท่าเบือนหน้าไป
แววตาแม่จับจ้องมองเท้าลูก
ประหนึ่งผูกเงาสิงอิงเข้าใส่
มาหลอมหล่อร่วมทางหว่างสายใย
มิให้ใครคนไหนมาฉุดยื้อ
แม้สุดสายปลายเอ็นของเส้นพื้น
จะยังฝืนกอดไว้กระไรหรือ
แม้ปวดปร่าชาเจ็บทั้งเล็บมือ
ยังหยิบถือธงธรรมมานำใจ
"ครั้นทำแผลฟังแม่สอนก่อนนะลูก
ข้อกระดูกขาคดจงอดไว้
อย่าโอดครวญชอกช้ำหรือร่ำไร
เพื่อให้ใครมาติฉินหรือนินทา
สมาทานศีล-ธรรม ทุกค่ำเช้า
เพื่อบรรเทารอยชังหนังกำพร้า
มารับเอย...รับขวัญเจ้ากลับมา
คืนวิญญากำสรวล..เจ้านวลปราง"
................................................
8 มิถุนายน 2552 15:25 น.
พิณวรา
ฟ้าครึ้มๆเหมือนฝนจะหล่นย่ำ
คล้ายจะนำอุ่นไอในวันเก่า
แค่ลมผ่านแผ่วไล้มาเบาๆ
ยิ่งทวีความเหงาให้เร้ารุม
หรือจะหลั่งน้ำตากับฟ้าฝน
ด้วยเพราะคนบางใครใจร้อนรุ่ม
เมื่อเมฆหมอกทึมเทาเข้าปกคลุม
คล้ายจะสุมคิดถึงให้รุนแรง
และเพราะคิดคำนึงคำในวันเก่า
เมื่อวันเหงาความรู้สึกจึงแห้งแล้ง
กร่อนทรงจำถึงคำรักเคยจัดแจง
แตกระแหงหาอะไรไม่ได้เลย
เถิดสายฝน..หลั่งมาปลอบคนเศร้า
ให้พอเคล้าน้ำตาชื้นรื้นระเหย
ให้ลานใจไม่ร้างแล้งเหมือนก่อนเคย
ให้ทรงจำได้เอ่ย คิ ด ถึ ง เ ธ อ
10 สิงหาคม 2551 18:29 น.
พิณวรา
โลกของฉัน..รักอิสระเสรี
โลกของเธอ..คือหน้าที่..ซึ่งยึดมั่น
โลกของฉัน..คือจินตนาการผ่านคืนวัน
โลกของเธอ..ผูกพันกับความจริง
โลกของฉัน..ก้าวเดินเพื่อวันใหม่
โลกของเธอ..คอยใครไปทุกสิ่ง
โลกของฉัน..ไร้หลัก..ที่พักพิง
โลกของเธอ..ทอดทิ้ง..ใครบางคน
โลกของฉัน..ปวดร้าวมายาวนัก
โลกของเธอ..ไม่รู้จักความช้ำหม่น
โลกของฉัน..อยากระบายความร้อนรน
โลกของเธอ..ไม่เคยสนถึงความนัย
โลกของฉัน..แคบนักในรักแท้
โลกของเธอ..แน่วแน่ในรักไหน
โลกของฉัน..มีเธอเพื่ออุ่นใจ
โลกของเธอ..มีไว้เพื่อใครกัน
โลกของฉัน..ซับซ้อน..และย้อนลึก
โลกของเธอ..คิดนึก..เพียงผ่านผัน
โลกของฉัน..มีความหมายในร้อยพัน
โลกของเธอ..มองมันว่าไม่มี
โลกของฉัน..รักเธอจนเหนื่อยนัก
โลกของเธอ..หยุดรัก..อยากหลีกหนี
โลกของฉัน..เลวร้ายขึ้นทุกที
โลกของเธอ..คงจะดี..เมื่อจากลา
โลกของเธอ..โลกของฉัน
เราอยู่กันคนละห้วงความห่วงหา
ไม่มีฉันไม่มีเธอในสายตา
คงที่กว่าวันที่เรามีกัน
20 เมษายน 2551 14:22 น.
พิณวรา
เห็นแสงทองนั่นไหมที่ปลายฟ้า
รู้สึกไหมว่าสวยกว่าวันไหนๆ
สายลมอ่อนที่หมุนวนอยู่ไกลๆ
เธอเห็นไหม..ยินไหม..เสียงสายลม
เห็นดอกหญ้าเริงไล้ไอแดดอุ่น
รู้สึกไหมว่ากรุ่นกรุ่นท่ามฟ้าห่ม
น้ำค้างหวานฉ่ำชื้นให้ชื่นชม
ก็แอบไว้ในอารมณ์แห่งความรัก
รู้สึกไหม..เห็นไหม..ความคิดถึง
สักนิดหนึ่งที่เกร่อกล่นอยู่บนตัก
ยินหรือเปล่าเสียงคิดถึงที่ทายทัก
โดยฉันกักเก็บไว้ในสายลม
หากเธอเห็นแสงพรายที่ปลายฟ้า
เห็นดอกหญ้าพริ้วผ่านผสานผสม
เห็นน้ำค้างใสเย็นเห็นสายลม
ความคิดถึงจะห่อห่ม..เธอด้วยรัก
หากรู้สึกถึงความหวาน..อันผ่านพาด
เธอก็อาจอิ่มอุ่นละมุนนัก
ในคิดถึง..นับแสนอันแน่นหนัก
ด้วยภวังค์แห่งรัก..ที่ทักทาย
(ในคิดถึง..ที่โลดแล่นอย่างแน่นหนัก
ด้วยอ้อมกอดแห่งรัก..ที่ทักทาย)
17 สิงหาคม 2550 17:39 น.
พิณวรา
ณ ค่ำคืนดึกสงัด
คลื่นยังคงสาดซัดกระทบฝั่ง
เสียงอาลัยในทรงจำยังย้ำดัง
ซ่อนอยู่ในภวังค์หลังชีวิต
ใต้ร่มไม้
จันทราทอแสงใสมาเพียงนิด
ปล่อยอารมณ์ทอดตามที่ความคิด
ซึ่งแสงนั้นมืดสนิท ณ ลานใจ
ใบไม้ร่วง
ใครกันหนอจะหวงห่วงและร่ำไห้
เช่นความรักที่โรยแล้วในแนวใจ
จะมีใครเห็นค่าในครานั้น
บนท้องฟ้า
แจ่มชัดถนัดตา..จริงหรือนั่น
โน่นเมฆาคลาเคลื่อนมาเยือนจันทร์
คือไหวหวั่นกล่นเกลื่อนมาเยือนใจ