23 กุมภาพันธ์ 2547 19:13 น.
พิกุลทอง
สัมพันธ์รัก ขาดแล้ว แม่แก้วขวัญ
ทุกคืนวัน ฝันร้าย คล้ายถูกฆ่า
ทิ้งพี่ไป ให้เศร้า เหงาอุรา
หยาดน้ำตา ไหลหลั่ง ดั่งชลธร
เจ้าเคืองแค้น อะไร ไม่ทราบเกล้า
พี่ดื่มเหล้า น้ำตา ทาเปื้อนหมอน
เพื่อลืมช้ำ รักมาก พรากจำจร
สุดอาวรณ์ ยาหยี พี่ท้อใจ
เจ้าจากไป ทิ้งไว้เพียง อนุสรณ์
ว่ารักเรา แคลนคลอน ห่อนห่างหาย
อนุสรณ์ แห่งรัก ปักดวงใจ
ขวดน้ำตา นั่นไง ให้แก่กัน
โอ้อนาถ คลาดเจ้า เศร้าจริงหนอ
รอแล้วรอ แต่เจ้า กลับแปรผัน
สะบั้นรัก หักเยื่อใย ให้แก่กัน
ทิ้งให้ฉัน จมอยู่ อย่างเดียวดาย
เสียงกู่ก้อง เจ็บแปลบ แทบสิ้นชีพ
เจ้าเร่งรีบ จากไป ใจสลาย
ยังรักเจ้า เฝ้าถนอม มิเสื่อมคลาย
หัวใจวาย เมื่อกล่าว เราเลิกกัน
กลอนนี้ พิกุลทอง แต่ง ในนามปากกาว่า ทมยันโท ครับ
22 กุมภาพันธ์ 2547 16:04 น.
พิกุลทอง
บรรจงขีด เขียนความ ตามใจภักดิ์
ถึงสาวน้อย น่ารัก ตาสดใส
จดหมายนี้ พี่ลิขิต จากจิตใจ
เพื่อบอกเล่า ความนัย ให้เจ้าฟัง
มันคับอก คับใจ เหลือจะกล่าว
ก็เพราะเรื่อง ของเรา แต่หนหลัง
เสียงหัวใจ ประกาศก้อง ร้องดังดัง
หากเก็บไว้ อกคงพัง เป็นแน่นอน
อย่าถือโทษ โกรธเคือง พี่นะจ๊ะ
มันคงเป็น วาสนา แต่ปางก่อน
ทำให้พี่ ผู้อาภัพ กลับโคจร
มาพบกับ สายสมร จรด้วยใจ
จดหมายมา สารภาพ ว่าพี่รัก
ไม่รู้จัก รักเริ่ม แต่หนไหน
มิใช่เพียง ลมปาก หากจากใจ
รักเพียงแต่ ทรามวัย ใจสั่งมา
หากไม่เชื่อ ขอสาบาน ต่อศาลเจ้า
ให้ลงโทษ ชายโง่เง่า หากมุสา
หากมีหญิง อื่นแอบ แนบกายา
เชิญฟ้าผ่า กลางกระหม่อม ขอยอมตาย
21 กุมภาพันธ์ 2547 15:29 น.
พิกุลทอง
เคยเข้าใจ ว่ารัก สลักจิต
จะเป็นเหมือน ภาพนิมิต ลิขิตได้
ใจสองเรา จะแนบกัน มั่นรักไว้
ไม่เปลี่ยนใจ ไปจาก พรากรักกัน
เคยคิดว่า สองเรา จะแนบชิด
ตรึงตราติด ใจแนบใจ ไม่เปลี่ยนผัน
จะครองรัก สลักจิต นิจนิรันดร์
จะฝ่าฟัน อุปสรรค รักให้ไกล
เคยกล่าวว่า แม้ฟ้าใหญ่ หากใจมั่น
เราสองคน จะฝ่าฟัน มันไปได้
ขอให้เชื่อ พี่เถิด อย่าฟูมฟาย
ถึงยังไง พี่ก็รัก เจ้าผู้เดียว
เคยร่วมทาง แห่งใจ ไม่แปรรัก
เสลาสลัก รักไว้ ในป่าเขียว
เมื่อเราสอง กลมกลืน เป็นหนึ่งเดียว
ครั้งไปเที่ยว ป่าเขา เราอาวรณ์
มาบัดนี้ สองเรา ต้องลาจาก
จึงต้องฝาก รักไว้ ในอนุสรณ์
อาลัยนัก อาลัยแสน แม้นม้วยมรณ์
เราเว้าอวน ไม่อยาก พรากกันไกล
จำจากเจ้า ไปเรียน ไกลกันแท้
จึงต้องแพ้ ระยะทาง รักจางหาย
พี่ก็เลย นั่งดูดาว อย่างเดียวดาย
มันแสนอาย รักแท้ แพ้ระยะทาง
19 กุมภาพันธ์ 2547 14:05 น.
พิกุลทอง
หอบใจช้ำ กลับบ้าน สถานอุ่น
กลิ่นละมุน แผ่นดินเกิด เพริศสล้าง
หมู่แมกไม้ โบกไหว ไปตามทาง
ความอ้างว้าง หายไป ไม่หวนมา
เสียงนกร้อง ต้อนรับ กลับสู่บ้าน
เสียงลำธาร ไชโย โก้จริงหนา
นิ่งฟังเสียง ธรรมชาติ บาดอุรา
ด้วยจากมา หลายวัน มันน่าอาย
จากพ่อแม่ มาศึกษา หาความรู้
เพื่อเชิดชู วงศ์ตระกูล ไม่สูญหาย
คำนึงถึง แม่พ่อ ท้อแทบตาย
แต่จำต้อง ข่มใจ ไม่กลับคืน
ด้วยเป็นชาย หมายมาด ชาตินักรบ
ข้าจึงต้อง ยอมสยบ ความขมขื่น
สยบให้ ไม่อาลัย บ้านทุกคืน
ทุกครั้งตื่น มาแล้ว แคล้วฝันดี
พิกุลทอง มาแล้ว เจื้อยแจ้วเสียง
มามองเมียง แต่งกลอน วอนสุขี
มาอ่านกลอน ที่เคยพราก ฝากฤดี
มาเยี่ยมชม เพื่อนพี่ นี้แต่งกลอน
เขาหาว่า พิกุลทอง สยองรัก
กลอนคราใด ก็อกหัก รักถ่ายถอน
ถือคติ โลกนี้ คือละคร
จึงร่ายกลอน เป็นเศร้า เคล้าระทม
เขาหาว่า พิกุลทอง เทรจจิดี้ (tragedy)
เพราะกลอนมี แต่อกหัก รักขื่นขม
หากวันใด ใจไม่เศร้า ร้าวระบม
วันนั้นคือ อารมณ์ ของผมดี
ผมมิได้ อารมณ์เสีย ทุกวันหรอกนะครับ
หากแต่กลอนเศร้า แต่งง่าย กว่ากลอนหวาน
ดังที่ได้กล่าวมาแล้ว
12 กุมภาพันธ์ 2547 16:35 น.
พิกุลทอง
รันทดท้อ หมดหวัง พลังหาย
เมื่อข้างกาย แข่งขัน กันหนักหนา
กระโดดสู่ สนามแข่ง แฝงมายา
จึงส่งผล ให้ข้า ต้องเหนื่อยใจ
เริ่มตั้งแต่ งานการ อันแสนยุ่ง
ด้วยหวังมุ่ง เกียรตินิยม สมใจหมาย
กิจกรรม ก็ทำ ซ้ำปางตาย
ผลสุดท้าย กลับได้ เสียใจแทน
เสียใจนัก ทำดี กลับได้ชั่ว
ทุ่มให้งาน ทั้งตัว ทั้งหัวแขน
ทำดีให้ เพื่อนกัน มันขาดแคลน
ผลตอบแทน คืออิจฉา ระอาใจ
แม่ครับแม่ ลูกน้อย ร้องหาแม่
เมื่อลูกแพ้ ต้องการรัก ที่แม่ให้
อาทิตย์นี้ ลูกจะกลับ หลับสบาย
เพื่อให้แม่ ช่วยคลาย ปัญหาที
จะขอหลบ พักใจ สักนิดหนึ่ง
ไปขอพึ่ง ความรัก จากแม่นี้
ไปพักกาย ให้สบาย ร้ายไปที
ไปกราบแม่ สมฤดี ที่เฝ้ารอ