รู้ไหม..เสียงเธอยังดัง..
เพลงของเธอฉันยังเปิด..
ภาพเธอยิ้มยังติดอยู่..
แต่..ไม่รู้ เธออยู่ไหน...
ฟ้าคืนนี้ ไม่มีดาว
เมฆโฉบเงาคล้อยไป
พระจันทร์ยังหันหาย
เหงาบ้างไหม..เธอจ๋า
รับฉันไปได้ไหมหนอ อย่าให้ฉันรอเหมือนบ้า โลกไม่น่าอยู่เช่นผ่านมา ผ่านพบเพียงมายาไม่จีรัง ใจของฉันคงบาง… จึงอยากทิ้งร้างแล้วความหลัง ปล่อยโลกให้ดำรงและคงยัง ไปตามคลื่นโถมถั่งของเวลา ....
....ฉันเพียง...
...
อยากจะลอง Pause บ้างสักครั้ง
แล้วล่องลอยหาที่ว่างกลางเวหา
ทิ้งโลกลวงเลยล่วงห้วงเวลา
เธอจ๋า แล้วเธอจะว่าอย่างไร ??
......
๘.๐๕.๕๖
..อีกครั้ง...
เขียนด้วยความคิดถึง...เพ้อพก
เหมือนการกดปุ่ม pause ซ้ำๆอยู่ในใจ
แม้ในความเป็นจริง
ปุ่ม stop ได้ถูกกดค้างไว้
...เมื่อนานมาแล้ว...
เธอคือ พลัง... คือความรักความหวังของคนล้า คือสายน้ำฉ่ำเย็น ซ่านเซ็นมา คือทิวาส่องสว่าง กลางดวงใจ คือเทวดาหัวฟู ในวันก่อน คือนิทานกล่อมนอนตอนหลับไหล คือนกการเวกหวานกังวานไพร คือแสงไฟส่องทางฉันย่างเดิน คือน้ำตา อาดูร ของวันนั้น คือคนของวานวันอันนานเนิ่น ใจฉันแทบแตกดับและยับเยิน เมื่อเธอเดินทางไกล.....ไม่กลับมา ๑๐ ปีที่หายไป.. ที่ว่าง.... ตรงนี้ยังเป็นที่ของเธออยู่...
ฉันเดินทาง ยาวไกล ในทางเปลี่ยว เหลียวฉันเหลียว หาใคร แต่ไม่เห็น สายลมพลิ้ว ปลิวผ่าน ผิวซ่านเย็น ทุกหลืบเร้น มีเพียงเสียง.. เงียบงัน หนทาง...ยัง..อีกไกลไหม ฉันขอเปลี่ยนเส้นทางใหม่ ได้ไหมนั่น หรือต้องเดิน ต้องผ่าน ต้องฝ่าฝัน จึงจะจบ พบกัน ที่ปลายทาง ปลายทาง..มัน..สำคัญนักหรือ ปลายทาง..คือ..ที่สุดของความหวัง ? ปลายทาง..นี้...ใยไร้ซึ่งหนทาง ปลายทาง...อาจห่าง... แค่ฝ่ามือ
ใครคร่ำครวญยวนยั่วเมื่อเย็นย่ำ ใครเฝ้าเพ้อละเมอพร่ำแต่คำหวาน ใครออดอ้อนให้อ่อนไหวในดวงมาลย์ ใครเอ่ยรักฝากฝัน..ใครกัน....ลืม
เวลา... ใครใครใคร่ แสวงหา เวลาไว้ เวลาไม่เคยฆ่าค่าผู้ใด หากผู้นั้นไซร้ รู้จัก ค่า ของเวลา ความฝัน.. ใครใคร ก็บอกกัน ว่ามีค่า บาง ความฝัน ทำให้ เสียเวลา แต่บางครา สร้างค่า ให้จดจำ..