12 กันยายน 2556 11:19 น.
พอ
ละลอกแล้วละลอกเล่า ใหม่ไล่เก่า.คลื่นทะเล
ใจคนนั้นหันเห เรรวนลื่น แห่งคลื่นใจ
ทะเลตื่นมิรู้จบ คลื่นสงบฤาพบได้
รักแท้แปรเปลี่ยนไป หวังอะไรกะใจคน
ดอกรักที่บานช่อ แล้งน้ำหล่อก็เฉาหล่น
ลมลวงลิ้นทรชน หวานตอนต้นแต่ปลายช้ำ
วันหวานเมื่อวันวาน ช่างซาบซ่านในทรงจำ
ตาลหยดเช้าจรดค่ำ ช่างชื่นฉ่ำชะโลมทรวง
ตาลหมดหยดสุดท้าย หวานซิคลายด้วยคำลวง
ดุจมีดกรีดกลางทรวง ในห้วงลึกแห่งโลกันต์
ริ้วรอยแห่งความหลัง ห้วงภวังค์แห่งความฝัน
กี่.ขึ้น.แรม.แห่งจันทร์ กี่เวียนผันแห่งฤดูกาล
รอยแผลจึงแปรหาย อีกฝันร้ายจักคลายผ่าน
รอยยิ้มจักแย้มบาน อีกไม่นาน จักผ่านไป
______________
พอ 03 ต.ค. 2553
12 กันยายน 2556 11:15 น.
พอ
ตัวเล็กเมื่อวันวาน พริบตาผ่านเจริญวัย
ปีกน้อยที่อ่อนไหว บัดนี้แกร่งต้านลมบน
โผบินสู่โลกกว้าง เพื่อแผ้วถางทางแห่งตน
กี่ภูผาฝ่าด้น กี่ลมฝนที่ฝ่าฟัน
กี่ร้อนกี่หนาวหนัก กี่อุปสรรคต้องผลักดัน
มุ่งไปสู่ปลายฝัน กระจ่างจันทร์ตะวันฉาย
เหนื่อยนักจงพักบ้าง บนเส้นทางกลับกลอกกลาย
สังคมแม้ลวงร้าย อย่าสูญหายความเป็นคน
เหลียวไป ไร้ที่พึ่ง เจ้าจงพึงระลึกยล
ที่พึ่งสุดท้ายทน คือใคร.คนที่ห่วงหา
อ้อมโอบแห่งพ่อแม่ พลีเพื่อแผ่แก่ลูกยา
วันคืนกลับบ้านนา ขวัญเอ๋ยขวัญมาเถิดขวัญ
______________
พอ 14 มี.ค. 2553
12 กันยายน 2556 11:14 น.
พอ
ยานี ๑๑
สวัสดี โลกลวงแล้ง ยังยิ้มแห้งอย่างสบาย
ยังยิ้ม อย่างเฉิดฉาย ต่อโลกร้าย ก็ไม่แคร์
ร้ายนัก,จักดีตอบ ไมตรีมอบ เมตตาแผ่
แม้โลกลวงรังแก น้ำใจแท้ จะหลั่งริน
ดีให้ ย่อมได้ตอบ แม้นมิชอบ คงมิฉิน
โกรธเกลียดคงคลายสิ้น ด้วยไอกลิ่นแห่งไมตรี
ปลายทางของมนุษย์ ล้วนสิ้นสุดใต้ธรนี
ใด.อยู่คู่ปฐพี เคียงฟ้านี้ บ่มีหมาย
ยื้อแย่ง ทำไมหนอ จนเกินพอ จวบวางวาย
เพียงดิน แมวดิ้นตาย ที่อาจหมาย ฝังกายตน
ลาภยศสรรเสริญใด บ่เอาไปได้สักคน
เพียงบาปบุญกุศล ที่ติดตน สนองตัว
______________________________
พอ 20/02/2553
12 กันยายน 2556 11:14 น.
พอ
เห็นหนุ่มสาวไปเวียนเทียนควงเคียงชิด
โอ้ละหนอ.. ช่างบาดจิตคนผิดหวัง
ใจดวงน้อยคอยรักเสริมเติมพลัง
มาช่วยกลบ ลบความหลังที่ฝังตุน
ใครสักคนบนโลกนี้ที่มั่นรัก
ใครที่ผลักโลกลวงร้ายให้คลายหมุน
ใครที่เลื่อนรัตติกาลเป็นอรุณ
ร่วมเกื้อหนุนค้ำชูอยู่ที่ใด
อยากทำบุญเป็นเสบียงเคียงร่วมชาติ
อยากตักบาตรร่วมขันวันพระใหญ่
อยากฟังธรรมร่วมกัณฑ์เทศน์เขตอภัย
ร่วมธารสายกรวดน้ำอยู่เป็นคู่บุญ
______________
พอ 19 ม.ค. 2553
12 กันยายน 2556 11:13 น.
พอ
"ทำไมถึงต้องให้บอกอยู่ซ้ำซ้ำ"
คือถ้อยคำที่ได้ยินจนชินหู
ทำอะไรผิดไปอีกละตู
แม่จึงจู้จี่บ่นจนข้ามวัน
"ต้องให้สอนให้สั่งกี่ครั้งเชียว"
เสียงเข้มเขียวพร้อมไม้เรียวที่ก้นฉัน
อันพ่อเราเล่าก็บ่นไม่น้อยกัน
ที่ต่างนั้นคือบ้างบ่นบ้างปนตี
กว่าจะโตขึ้นมาได้หูแทบดับ
ปลีน่องกับแก้มก้นแทบป่นปี้
ด้วยเสียงบ่นปนไม้เรียวบุพการี
ให้รู้ดีรู้ชั่วกลัวอบาย
ทุกวันนี้เลี้ยงชีวีพอมีสุข
มิไห้ทุกข์กระไรนักดอกสหาย
อันดีชั่วรู้แบ่งซีกหลีกอบาย
รู้แบ่งปันรู้เก็บจ่ายรู้เพียงพอ
ที่ยังขาดแลโหยหามิเห็นหน
คือเสียงบ่นปนไม้เรียวของแม่พ่อ
ดุจรอยรักปักใยหวงห่วงพะนอ
อยากจะขอรอยเสียงนั้นทุกวันไป
อยากยินเสียงแม่พร่ำบ่นจนก้องหู
เสียงขวับรู้ว่าพ่อรักไว้หลักให้
มงคลจากผู้รักเราเหนือรักใด
ขอได้ไหมขอให้เป็นเช่นก่อนกาล
ขอได้ไหมขอให้เป็นเช่นกาลก่อน
มิอาจย้อนกาลกลับตามขับขาน
อันรักแท้มิแปรผันไปกับกาล
คงโหยหาชั่วขัยขานจนกาลวาย
__________________________
พอ 17 เม.ย. 2552
สิ่งสำคัญหายไปจากชีวิต
กว่าจะรู้สำนึกคิดก็เมื่อสาย
เตือนท่านผู้พ่อแม่อยู่ไกลใกล้กาย
ทดแทนเถิดอย่ารอสายจนเกินกาล
__________________________