12 กันยายน 2556 11:33 น.
พอ
ความทุกข์เศร้าร้าวแสนแดนมนุษย์
คอยยื้อยุดย้อนย้ำสำนึกข้า
หวังเปลี่ยนโลกให้งามพรั่งดั่งเดิมมา
ทางเบื้องหน้ายากคดเคี้ยวและเดียวดาย
มวลหมู่ดาวพราวนภาทั่วฟ้าเอ๋ย
แน่ละเหวยสุดท้ายแตกแหลกสลาย
แม้กระนั้นคงคร่ำเคร่งเปล่งประกาย
ทอแสงฉายในคืนค่ำเพื่อนำทาง
เหนื่อยไหมดาวคราวค่ำดำสนิท
ยามอาทิตย์ใครคิดถึงเจ้าบ้าง
ยามเดือนดับกลับหมายเจ้าส่องเลาราง
ผู้คงมั่นเส้นทางนี้กี่ราย
อันสะพานผ่านพ้นคนก็ผิน
กระไดปีนขึ้นข้ามสิ้นความหมาย
เรือจ้างแจวถึงฝั่งยังดูดาย
ไข้สร่างหายมดหมอถูกเมินเมา
เฉกแผ่นหลังองค์พระปฏิมา
ทองจะปิดทั่วกายาโดยใครเล่า
ข้าจักเสริมเติมเต็มแท้แม้เป็นเงา
ธุลีเถ้าปูนปั้นพระองค์ปฏิมา
เป็นเส้นทางโดดเดี่ยวเดียวดายนัก
หวังว่าสักวันหนึ่งในวันหน้า
วีรชนผู้ค้นพบลบอัตตา
ร่วมมรรคาเบิกฟ้าและแบกดิน
________________
พอ - 02 มี.ค. 2554
กลอนแปลเพลง subaru
โดยอาศัยเนื้อเพลงแปลไทยจาก http://thaipoem.com/forever/ipage/poem64982.html
12 กันยายน 2556 11:33 น.
พอ
บนครรลอง วิถี แห่งชีวิต
ประกาศิต แห่งฟ้า น่าฉงน
บ้างเพริศพราย ประกายพร้อย ลอยลมบน
บ้างทุกข์ท้น ต่ำตม จมบาดาล
ต่างเวที ต่างวิถี ต่างความฝัน
แม้ต่างกัน ด้วยต้นทุน บาปบุญฐาน
แต่เทียมเทียบ เสมอดุล ซึ่งทุนกาล
ให้เลือกผ่าน ชาติภพ จบอย่างไร
จะเลือกเดิน ทางสว่าง หรือทางมืด
ทุนกำพืด ใช่สำคัญ ดอกไฉน
จะตีโพย โวยวาย ตีพายไย
โลกนี้ไซร้ ใช้สั่งสม บุญบารมี
บุญทุนเดิม มีหลาย สบายหน่อย
บุญเดิมน้อย สบายน้อย ด้อยสุขี
บาปทุนเดิม ทำมาก ลำบากทวี
บาปเดิมนิด ชีวิตนี้ ลำบากทอน
บุญเดิมทำ กรรมเดิมแต่ง มาทั้งสิ้น
แม้ชีวิน ผกผัน อย่าบั่นถอน
จงมั่นใน บุญวิถี มิคลายคลอน
เรื่องร้ายร้อน กุศลห่ม ให้ร่มเย็น
ทางเดินโลก มนุษย์นั้น สั้นเพียงนิด
มรรคาแห่ง วิญญาณจิต ไกลแสนเข็ญ
ระเริงว่าย ในวังวน แห่งวงเวร
มิว่างเว้น เมื่อใดหนอ จึงพอกัน
ยังโลภหลง มิลด มิละ.เลิก
มิเพียรเพิก กิเลสร้าย ภัยมหันต์
กี่รอบรัด วัฏสังสาร อันอนันต์
กี่บ่วงทัณฑ์ แห่งชาติภพ จะจบลง
________________
พอ - 08 ก.พ. 2554
12 กันยายน 2556 11:26 น.
พอ
กับความหวังริบหรี่ที่ลมแล้ง
กับเงาแสงมัวมืดและหมองหม่น
กับร่องลานความหลงเป็นวงวน
กับความคิดสับสนกระวนกระวาย
โลกถูกตรึงดึงฉุดจนหยุดนิ่ง
ฝันถูกทิ้งเลือนลางจนจางหาย
หวังถูกเลื่อนลอยลับแรมมลาย
จริงที่ปวดรวดร้ายยังรออยู่
แม้ชีวาตม์ขาดซึ่งทุกสิ่งสิ้น
แม้ชีวินมีทุกข์เป็นลูกคู่
แม้วันนี้ มีสุข เป็นศัตรู
แม้ไม่รู้ ใครลิขิต ชีวิตลง
ข้ายังหายใจอยู่ รู้ไว้เถิด
ข้ายังยิ้มหน้าเชิดเฉิดระหง
ข้ายังท่องเดินทางอย่างทรนง
ข้ายังคงยืนอยู่สู้ชีวิต
_______________
พอ. 23 ต.ค. 2553
12 กันยายน 2556 11:25 น.
พอ
หนึ่งชีพดุจหนึ่งฝัน พริบตาพลันก็ผ่านคืน
น้อยนักจักรู้ตื่น แม้กลับคืนสู่ธุลี
ผ่านสังสารวัฏฏะ มากสัญญะผัสสะมี
อุปทานครอบชีวี จึงเวียนว่ายในวังวน
กี่ภพจะจบสิ้น กี่กองดินที่กลบตน
กี่เถ้ากระดูกป่น จะหลุดพ้นจากบ่วงกรรม
แต่นี้ในทุกชาติ ขอประกาศอธิษฐานคำ
อโหสิให้ในเวรกรรม เคยกระทำร้ายต่อกัน
ขอจงพ้นจากทุกข์ จงเป็นสุขทุกวารวัน
หิริโอตตัปปะมั่น ในธรรมทิพย์จวบนิพพาน
______________
พอ 16 ต.ค. 2553
12 กันยายน 2556 11:20 น.
พอ
เมืองเอ๋ย เมืองไทย ศิวิไลซ์ศิวลึงค์
รุ่งเรืองปานประหนึ่ง อารยประเทศก็มิปาน
ตึกรามงามสง่า คมนา.ยอดยวดยาน
มากมายข่ายสื่อสาร เครื่องไฟฟ้าก็มากมี
แต่งองค์ทรงสมัย ล้ำสไตล์ฉายบารมี
ลุคเจแปนเกาหลี ฝรั่งมังกี้เกลื่อนเมือง
ทุกสิ่งที่แลเห็น ว่าดีเด่นว่ารุ่งเรือง
มีสิ่งใดเล่าเรื่อง อัตลักษณ์ความเป็นไทย
มีใดให้ชูเชิด ว่าก่อเกิดจากภายใน
จากภูมิปัญญาไทย อวดโลกได้โปรดเฉลย
รอยไทยใกล้สูญแล้ว พี่น้องแก้วลูกหลานเอย
รากเหง้าเจ้าละเลย ว่าชั่วเชยมิชูชม
เห่อหองแต่ของนอก ของไทยบอกว่าต่ำตม
เหยียบย่ำซ้ำทับถม ผู้ใฝ่ฝักอนุรักษ์ไทย
อนิจจาน่าอนาถ มิสิ้นชาติก็เหมือนใช่
แม้เลือดเนื้อเชื้อไทย แต่หัวใจไม่ใช่เลย
______________
พอ 09 ต.ค. 2553