15 พฤศจิกายน 2546 21:20 น.
พรระวี
อยากถอดใจใส่พานคลานมามอบ
เป็นคำตอบตรงตรงเลิกสงสัย
หัวใจฉันนั้นอยู่กับผู้ใด
ทุ่มเทให้ไม่เหลื่อเผื่ออื่นเลย
เธอจะรับจะเมินหรือเดินหลบ
ฉันจะพบกับอะไรไม่กล้าเอ่ย
แสนหวาดหวั่นพรั่นใจไม่เสบย
จนเวลาล่วงเลยเป็นขวบปี
ดวงใจนี้คงไร้ค่าไม่น่าคบ
จึงพานพบรอยระกำช้ำอยู่นี่
ฉันไร้ซึ่งวาสนาบารมี
อาจจะมีได้มาความชาเย็น
ฉันมัวหลงรักใครก็ไม่รู้
แล้วนี่อยู่เพื่อใครมองไม่เห็น
ฉันทนสู้กลืนกล้ำความลำเค็ญ
แม้แสนเข็ญก็ยังหวังเรื่อยมา
ร่างกายฉันเหลือซากเป็นกากแก่น
ยังคงแม่นมั่นรักเป็นนักหนา
รอรับเพียงเสี้ยวเศษเวทนา
หรือว่าฟ้าให้เรา....เพียงเท่านี้.
10 พฤศจิกายน 2546 21:12 น.
พรระวี
หอมไอดินกลิ่นฟางซ่านจากบ้านทุ่ง
พะยอมฟุ้งกลีบรับซับความหม่น
สนเสียดส่ายกิ่งกอล้อลมบน
คล้ายเสียงคนอัดอั้นตันอุรา
เวิ้งทุ่งกว้างลิบตาฟ้าสีซีด
ลมหนาวกรีดผิวกายไหวผวา
คนระทมทุรนร่างกลางลานนา
ทอดสายตาท้อถอยเลื่อนลอยไกล
ได้เกิดกายเป็นคนมาหนหนึ่ง
ในทรวงซึ้งหญิงงามตามฝันใฝ่
มั่นสมัครหนักแน่นท่วมแก่นใจ
แต่ก็ไม่สมรักและภักดี
เธอสูงส่งสุดสรวงยากหน่วงเหนี่ยว
เกินจะเกี่ยวดอกไม้ฟ้าลงมานี่
เร้นหลบกายซมซานมานานปี
เอาท้องทุ่งเป็นที่รักษาใจ
แพเมฆหมองเรี่ยรายริมชายฟ้า
ก็เลือนลาเลยลับกับทิวไม้
เหลือเพียงความเหว่ว้าและอาลัย
คนอ่อนใจแอบสอื้นกับผืนดิน.