22 พฤษภาคม 2548 16:34 น.
พรระวี
ภาพอดีตแสนงามแห่งความหลัง
ดอกศรีตรังม่วงหวานบานไสว
"รูสะมิแล"เคยซึ้งตรึงตราใจ
ณ ดอนแดนมหาลัยปัตตานี
มาอีกครั้งทอดตาฟ้าหม่นหมอง
ความเศร้าครองสิ้นสุขทุกข์เหลือที่
เกิดภัยพาลหมู่อมิตรคิดย่ำยี
คนตานีบอบช้ำน้ำตาราย
ปืนระเบิดปึงปังดังไปทั่ว
เลือดไทยรั่วเรี่ยราดขาดเป้าหมาย
อ้างอุดมการณ์เหยียบย่ำมุ่งทำลาย
ด้วยอุบายบีบคั้นแบ่งชั้นชน
เลือดจะรินร้าวรานอีก...นานไหม
จะมีใครคลี่คลายหายสับสน
ให้ตานีสงบสุขทุกตำบล
มีไหมคนดังว่า....มาช่วยที!!.
14 พฤษภาคม 2548 20:19 น.
พรระวี
วสันต์กาลผ่านผันตะวันฉาย
มวลแมกไม้พลิ้วใบควงรับสรวงใส
ลมเช้าพร่างล้อแสงแห่งอุทัย
วิหคไพรขับขานหวานวจี
ระรวยรินกลิ่นผกามาลาหอม
ได้ดมดอมด่ำดื่มปลื้มเหลือที่
รสรื่นแห่งกลิ่นหอมย้อมฤดี
ชุบชีวีไหวหวามความรื่นรมย์
คราวสันต์กรายมาอาทรถึง
ยอดหญิงหนึ่งเคยชิดสนิทสนม
เคยร่วมฝันร่วมฝ่าหวานอารมณ์
ร่วมชื่นชมยามวสันต์นั้นเยี่ยมเยือน
เมื่อคืนวันอำลาได้มาถึง
ตาซึ้งซึ้งเสียงพร่าน้ำตาเกลื่อน
ให้คำมั่นว่ารักจักไม่เลือน
แล้วผู้เพื่อนก็หายไปหลายปี!!
หน้าวสันต์ครานี้ไม่มีแล้ว
ไร้วี่แววเธอคนนั้นในวันนี้
ก็ยังคงจงรักและภักดี
แค่เธอมีความคิดถึงก็ซึ้งพอ.....!
12 พฤษภาคม 2548 19:41 น.
พรระวี
เกาะลำพูแสนงามยามค่ำซึ้ง
สวยประหนึ่งเมืองแมนแดนสวรรค์
คลื่นกระซิบระยิบฝนเคล้ามนต์จันทร์
กอจากสั่นไหวหวิวลิ่วลู่ลม
แวมแห่งดาวพราวพรายประกายทิพย์
จากฟ้าลิบโลมกมลคนสุขสม
หริ่งเรไรบรรเลงเพลงระงม
เคล้าผสมขลุ่ยชาวเรือเอื้อแผ่วมา
กิ่งลำพูอ่อนโยนโอนเอนส่าย
ดังรำร่ายโปรยเล่ห์เสน่หา
แวมหิ่งห้อยทอแสงแข่งดารา
คล้ายดังกับประดับฟ้าชั่วนิรันดร์
อยากพริ้มตาหลับใหลในความสุข
ทอดทิ้งทุกข์ท่องแดนงามในความฝัน
อยากหยุดโลกตรงนี้ทุกวี่วัน
เกษมสันต์อยู่กลางน้ำเกาะลำพู.
11 พฤษภาคม 2548 07:55 น.
พรระวี
ดังนกน้อย....
กระพือปีกล่องลอยไกลสุดหล้า
ในทุกทางซึ้งซาบภาพลวงตา
เพื่อหล่อเลี้ยงชีวาไปวันวัน
ซอกซอนดอนแดนแผ่นดินเปลี่ยว
อย่างโดดเดี่ยวท่องไปในแดนฝัน
ระหกเหินโหยหาสารพัน
ด้วยใจอันแหว่งวิ่นสิ้นพลัง
มาวันนี้คนึงถึงเพื่อนผู้
เคยร่วมอยู่ในแดนงามของความหลัง
ประพันธ์พจน์หลายเรื่องเมลืองมลัง
ร่วมฝากฝังร่วมรักษ์อักษรา
บ้านกลอนไทยยังคงดำรงอยู่
ขอบินสู่บ้านน้อยที่คอยหา
เพื่อจรรโลงโคลงกลอนดังก่อนมา
ผองเพื่อนข้าขอช่วยรับประคับประคอง.
26 ธันวาคม 2547 06:57 น.
พรระวี
ริ้วลมเหนือแผ่วผ่านกลางบ้านป่า
เยือกอุราพลิ้วพลิกระริกหนาว
ยามต้นคืนฟ้ากระจ่างพร่างพร้อยดาว
เสี้ยวจันทร์ร้าวเลือนลาริมฟ้าไกล
รอยอดีตแสนงามในความหลัง
ณ ริมฝั่งแม่ตาปีที่ยิ่งใหญ่
เคยแอบอกโอบอ้อมหล่อหลอมใจ
กระชับไออวลอุ่นที่กรุ่นมา
ร่วมเรียงร้อยมาลัยด้วยใจมั่น
ผูกสายขวัญเจือระรินกลิ่นบุปผา
กลางลมหนาวโชยผ่านซ่านอุรา
ย้ำสัญญาต่อกันเป็นมั่นคง
คิดไม่ถึงจะมีวันอันขมขื่น
ความหวานชื่นมลายยุ่ยเป็นผุยผง
ขวัญกระเจิงเมื่อรักหักโค่นลง
ด้วยประสงค์แห่งมนต์มารประหารเรา
หนาวปีนี้เวียนมาอีกคราแล้ว
คิดถึงแก้วลุกลามเป็นความเหงา
ยิ่งเหน็บหนาวใจสั่นไม่บรรเทา
แค่รับเอาแต่ความฝันเดือนธันวา.