24 ตุลาคม 2546 21:56 น.

ปล.ฉันรักเธอ

พรระวี

นั่งมึนซึมเดียวดายใกล้ฟ้าสาง
แผ่วลมครางโพ้นฟ้ามาวู่หวิว
ละอองฝนพร่างพรายใบไม้ปลิว
ยอกสยิวเหน็บหนาวเจ็บร้าวใจ
พินิจสารเรียงร้อยถ้อยทีถาม
สร้างรักตามความฝันนั้นไฉน
ให้แสดงทุกสิ่งความจริงใจ
เพื่อจะให้สมเหตุเจตนา
ฉันรักเธอเพราะรักจำหลักแน่น
เท่าผืนแผ่นเขตดินสิ้นเขตฟ้า
นับแต่คุ้นเคยกันเนิ่นนานมา
เป็นเวลาประจวบสองขวบปี
ความรู้สึกตรึกตรองได้มองเห็น
ค่าเธอเด่นเลอลักษณ์ด้วยศักดิ์ศรี
เป็นยอดหญิงเหนือชั้นวรรณกวี
ร้อยวจีหลายหลากฝากโลกา
ความอ่อนหวานซ่านล้ำกว่าน้ำผึ้ง
ความลึกซึ้งมัดใจให้หวลหา
เป็นความรักอัดอั้นตันอุรา
มิรู้ว่าจะเป็นไปเช่นไร
เธอสุดสูงดังดาวพราวแดนสรวง
เธอคลัายดวงจันทราพรายฟ้าใส
เกินอาจเอื้อมไขว่คว้ามาเคียงใจ
แม้ว่าใคร่ว่ายฟ้าไปหาเธอ
พบก็เพียงรำไรในความฝัน
แต่อย่างไรใจฉันมั่นเสมอ
สลักแน่นแก่นใจไว้เพียงเธอ
หลงละเมอจนถึงนอนในฟอนไฟ
ขอรักแต่คนดีชั่วชีวิต
ขอเพียงสิทธิ์แค่ฉันได้ฝันไฝ่
ชั่วชาตินี้ไม่พบเห็นไม่เป็นไร
เทอดดวงใจภักดีชั่วนิรันดร์.				
12 ตุลาคม 2546 16:16 น.

ตุลาเลือด

พรระวี

ตุลาเลือดแห่งกาลผ่านไปแล้ว
เหลือวี่แววเจตนาเวียนมาถึง
อุดมการณ์สานต่อก่อตอกตรึง
อยู่ในบึ้งดวงใจไทยทุกคน
เพื่อเสรีปวงชนคนทั้งชาติ
ร้องประกาศกึกก้องท้องถนน
หวังปลดแอกจากบ่ามหาชน
ให้หลุดพ้นความระกำถูกย่ำยี
เลือดไทยเอย...เนืองนองในกองศพ
น้ำตากลบหยาดย้อยไม่ถอยหนี
แม้ถูกรุมรอบด้านผลาญชีวี
เพื่อเสรีปวงประชามาครอบครอง
หลับไหลเถิด.....ภราดา...ผู้กล้าแกร่ง
เลือดสีแดงฝากไว้มิได้หมอง
เยาวชนรุ่นหลังยังเนืองนอง
คอยปกป้องสิ่งท่านให้ใน....ตุลา!!.				
11 ตุลาคม 2546 16:43 น.

เสียงขลุ่ยครวญ

พรระวี

สายลมทุ่งพริ้วพรายยามใกล้ค่ำ
โบกโบยพร่ำปลายนาเมื่อฟ้าหมอง
สายวสันต์ปลิวปรายรายละออง
เป็นฝอยฟ่องพรมชื้นทั่วผืนนา
       ดอกนมแมวกลิ่นกรุ่นลมุนเศร้า
       คนใจร้าวสะท้านทรวงด้วยห่วงหา
       ให้อัดอั้นกลั้นสะอื้นกลืนน้ำตา
       ในเวลาสายัณห์อันลางเลือน
ขลุ่ยบ้านนาใครหนอมาคลอแผ่ว
วะหวิวแว่วบาดใจปานใครเฉือน
เป็นเพลงรักเพลงพ้อปนล้อเตือน
ถึงผู้เพื่อนหม่นตรมขมอุรา....
       ว่าเพื่อนเอย......คนเราก็เท่านี้
       ความสุขสมเคยมีอาจหนีหน้า
       อย่ามัวแต่ตรอมตรมจมน้ำตา
       ในปลายฟ้าความหวังยังรอเรา
ขลุ่ยหรี่เสียงขับขานเพลงหวานพริ้ว
เลื่อนไหลนิ้วกล่อมกมลของคนเหงา
สดับเพลงดื่มด่ำลำนำเนาว์
ณ ถิ่นเก่าปลายนาใกล้ราตรี.				
6 ตุลาคม 2546 21:39 น.

แค่ปลอบใจไปวันวัน

พรระวี

แม้ปีเดือนเคลื่อนคล้อยลอยลับแล้ว
    ยังมีแววความหวังบ้างไหมหนอ
เมื่อคราครั้งสองเรายังเคล้าคลอ
แนบพนอทอดใจให้แก่กัน
รอยรื่นรมย์สมใจที่ได้ผ่าน
สุดวาบหวานดังห้วงสรวงสวรรค์
แต่เป็นเพราะอุปสรรคหนักอนันต์
สายสัมพันธ์เลือนสลายกับสายลม
เที่ยวร่อนเร่เซซ้ำตามกรรมซัด
กายวิบัติกลั้นสะอื้นแสนขื่นขม
ไม่อาจเงยหน้ารับกับสังคม
สู้ทนก้มทอดตารื้นกับผืนดิน
เธอเป็นเช่นรุ้งรวงทาบห้วงหาว
ดังแสงดาวประดับจิตเป็นนิจสิน
ดังสายลมวสันต์อันรวยริน
ดังมวลกลิ่นพรรณผกามาเลียโลม
แม้แสนรักหนักหน่วงสุดทรวงเสียว
แต่ห่อเหี่ยวเพราะกายามาเสียโฉม
ทั้งความรักความหวังมาพังโครม
คงประโลมปลอบใจไปวันวัน.				
26 มิถุนายน 2546 15:15 น.

แก้วกวีสี่แผ่นดินศิลป์สยาม

พรระวี

วันเดือนปีคลี่ผ่านมานานแล้ว
แต่แสงแวววามวามของความฝัน
บทกวีลีลาคณานันต์
ที่ท่านสรรเสกสร้อยร้อยจำเรียง
ยังคงอยู่คู่ไทยไม่สิ้นสาย
แพรวประกายยลยินไม่สิ้นเสียง
ยามสดับขับร่ำเป็นสำเนียง
เสนาะเพียงเพลงทิพย์ลิบลอยมา
บรมครูอักษรกลอนตลาด
ผู้เปรื่องปราดเลอลักษณ์เป็นนักหนา
นามแห่งท่านกวีผู้ปรีชา
สุนทรภู่ คู่หล้าฟ่องฟ้าไทย
แก้วกวีสี่แผ่นดินศิลป์สยาม
บรรลือนามเลิศลบจบสมัย
วิญญาณทิพย์ในชั้นฟ้าสุราลัย
จงสถิตย์สถาพรในนิรันดร.				
Lovers  1 คน เลิฟพรระวี
Lovings  พรระวี เลิฟ 1 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพรระวี
Lovings  พรระวี เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพรระวี
Lovings  พรระวี เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงพรระวี