~ รัก ~ ฟ้ามิอาจกั้น ~ ถึง จะไกลรักพร้อม............ยืนยง ฟ้า แค่ภาพดำรง...............คู่หล้า จะ รักมั่นประสงค์.............ในสุข กั้น เถิดระแวงว้า...............ก่อเศร้าหลอนไหว ให้ เพียงเรารักรู้................อดทน ฉัน เชื่อจะสมผล..............ดั่งอ้าง และ ชวนคิดพิศดล............ถึงซื่อ สัตย์นา เธอ จะหายหมองข้าง.........สุขแม้ไกลฝัน ไกล กันยังเคลิบเคลิ้ม..........ทุกวัน กัน ทุกข์คิดผูกพัน..............มอบรู้ สุด ตาจะเสกสรรค์.............พจน์เพิ่ม หวานเฮย ตา ห่างใจแทนกู้...............ส่งแจ้งนัยหมาย หรือ ผายคำห่วงคล้อง.........อาทร ว่า หนึ่งประสงค์วอน.........อย่าล้า ภู ไพรยากบังตอน...........เราห่าง ผา ลึกหาทันท้า................ก่อเพ้อมาถึง ทอด รำพึงพร่างพริ้ง............ยามใด ยาว อิ่มบอกถึงใจ...............รื่นเร้า ขวาง เพียงสิ่งเคาะไข...........ชวนโศก หน้า ชื่นมักเมียงเย้า.............หลอกสร้อยลืมขาน บัง ลานเหงาแจ่มจ้า..........คืนจันทร์ เพ็ญเอย ตา ร่ายราวประชัน.............ข่มเก้อ แค่ หวังจะดับดัน...............เผาแผ่ว ทรวงนา ไหน ใช่จะเผลอเพ้อ............อ่อนให้เหงาผลาญ แม้ พานฝนหลั่งล้อม.........ขอบภักดิ์ มี รึจะหยุดรัก.................หล่อช้ำ ทะ เลกักยังปัก.................หลักเบี่ยง เล(เล่ห์)หลั่งหันหัก ห้ำ...........ลักร้อนไหลหนี เหลือ วิถีท่องถ้อย...............สอยคำ หยั่ง รักถึงลำนำ................สุขเอื้อ คะ นึงนิ่งหลากจำ...........จองอวด เน ติถึงแดนเกื้อ..............รุ่มแพร้วมวลหอม มา ออมรวมรักด้วย..........อธิษฐาน กั้น หม่นกับมนต์บาน.........ดอกช้อย เรา จะสุขโดยสาน............แดนสวาท ไว้ เหนี่ยวเป็นเกลียวร้อย....จิตพร้อมรวมเหลา อย่า เมาหมองหวั่นว้าง........หนทาง ได้ ระลึกยืดวาง...............ห่วงหุ้ม ตก นัยเลื่อนทันสาง..........จนจบ ใจ จ่อจะหมดกลุ้ม...........ยากคล้อยคมโหย ถึง หนาวโปรยห่มผ้า........ฉับพลัน ห่าง หวั่นหากลัวรัน............หยอดแกล้ง แค่ ควันซัดงงงัน............เพียงครู่ ไหน ขุ่นจะมาแย้ง.............ล่อให้จางขยัน ก็ รักกันสุขแท้...............ชีวา ไม่ โกรธยามจันทรา.........ยั่วล้อ สำ ราญต่อหรรษา............เรียงหลั่น คัญ(คราญ)แข่งแปลงรัก ป้อ....ไล่เยิ้มทรวงสรวล โดย.... โอเลี้ยง ( ญามี่ ) อำ ...มฤตแห่งรักน้าว ...... เหนืออำ- นาจ ..อื่นฤๅจะงำ ............ เงื่อนกั้น ใด ...เลยเอ่ยจักจำ ......... จนดับ ชีพเอย ใด ...เท่า"รัก"คำนั้น ........ หนึ่งแท้ปรารถนา ที่ ....ห่วงหาต่างดิ้น ........ ดาประดัง ใน ...สุขโศกชอบชัง ....... ชื่นเศร้า โลก ..หมุนอยู่ท่ามดัง ...... ดุลยภาพ นี้ ....ย่อมด้วยรักเฝ้า ....... ใฝ่ทั้งจักรวาล ไม่ ...พบพานใคร่คว้า ....... ไขว่ปอง มี .....ค่าเกินเงินทอง ........ เทียบได้ ความ ..รักกว่าศักดิ์ผอง ..... ภักดิ์เท่า หมาย ..มุ่งภิรมย์ใกล้ ......... กอดไว้ทุกตอน แม้ ...นอนแม้ตื่นเฝ้า ........ ฝันไป แต่ ...หนึ่งในดวงใจ ......... จ่อแท้ ภู ....ดอยต่างแดนไกล ..... กันรัก อยู่ฤๅ ผา ...แกร่งกำแพงแม้ ....... หมื่นลี้ฤๅขวาง ก็ ....ทางรักทอดด้วย ....... ดวงแด อาจ ..ว่างเปล่าใจแล ....... จึ่งรู้ ท ....ว่าสื่อกระแส ........... สู่จิต ลาย ..รักอักษรชู้ ............. ชื่นล้วนพันธนา มิ .....ว่าอุปสรรคด้าน ...... ใดมี อาจ ...แทบขาดชีวี ......... หว่างสู้ ขวาง ..อยู่ทุกนาที ........... ถมทาบ กั้น ....เถิดจักได้รู้ ............ รักนี้ใหญ่หลวง รัก ...ห่วงหวงสุดห้วง ....... มหรรณพ เรา ...ดั่งบุญใดพบ ........... เพื่อสร้าง มี ....กันและกันสบ .......... สองสมัคร ปีก ...รักผายแผ่กว้าง ........ กว่ากว้างกลางใจ บิน ...ไปเคียงคู่ค้น .......... ความหมาย หลีก ..หลบพบภัยภาย ...... ผ่านพ้น ข้าม ..เขาทะเลราย .......... เรียงสลับ ฟ้า ...ช่างงามล้ำล้น ......... โลกนี้น่าภิรมย์ ลอย ..ชมลมชื่นป้อน ....... ปรนเปรอ มา ...หล่อใจบำเรอ ......... รักล้น หา ...ไหนเทียบเสมอ ...... เหมือนอิ่ม ใจเอย กัน ...แต่ใจสุขท้น ........... ท่วมเฟ้อฟองฝัน ขอ ...ฉันกางปีกอ้อม ....... โอบตระกอง ให้ ...อุ่นอวลไอสอง ........ สู่เพี้ยง รัก ...เราร่วมประคอง ........ เคียงปลูก ฉัน ...จักฟูมฟักเลี้ยง ......... รักด้วยภักดี แน่ ...นักที่ใฝเฝ้า ............. ฝันคะนึง นอน ..ท่ามความคิดถึง ..... ทอดข้าม เท่า ...คอยสู่วารพึง .......... พิศวาส นั้น ...ย่อมสุดหักห้าม ........ ห่มร้อยรำพัน ฟ้า ...กั้นก็ช่างฟ้า ............ ฝั่งไหน ดิน ...แยกห่างอย่างไร ...... รักสู้ เกรง ..ฤๅเมื่อสองใจ ......... จริงมั่น กลัว ..แต่ฟ้าดินรู้ .............. รักนี้นิรันดร เพลง ฟ้ามิอาจกั้น ประพันธ์โดย สุรพล โทณะวณิก ศิลปิน แห่งชาติประจำปี พ.ศ. 2540 สาขาศิลปะการแสดง (การประพันธ์เพลงไทยสากล) .
ทิวทัศน์ที่มองไปจากดอยกิ่วลม ~ โคลงบันทึกการเดินทางท่องเที่ยว ~ นนท์ - เหนือ ~ ๔๑. ยามสายอิ่มแล้วมุ่ง ...... แม่ริม ออกนอกเมืองแลหงิม ......... เงียบบ้าง มาเที่ยวชื่นเชยชิม ............. ธรรมชาติ ซึมซับรู้สึกสร้าง ................ สุขแต้มแต่งฝัน ๔๒. "พิพิธพัณฑ์ผีเสื้อ" ..... ฝรั่งรุม ชมแล ตาข่ายแยกส่วนคลุม ......... ครอบไว้ ทางเดินท่ามสุมทุม ........... ธรรมชาติ หมื่นดอกฟาร์มกล้วยไม้ ...... มื่นแม้นสวนสรวง ๔๓. จนล่วงผ่านแยกซ้าย .....ไปสะเมิง น้ำตกแม่สาเชิง .................. แปดชั้น ทางราบเรียบระเริง .............. เรื่อยแล่น สองฝั่งทางหว่างนั้น ............ รถน้อยเกินคะนึง ๔๔. สิบโมงถึงแยกแหม้* ..... มาลัย ปายแยกซ้ายเลี้ยวไป ........... ป่ายขึ้น- ปีนลงหว่างพงไพร .............. พฤกษ์แนบ บางช่วงเร่งบรึ้นบรึ้นส์ .......... บุกขึ้นทางชัน ๔๕. หว่างไพรสัณฑ์คดเคี้ยว ..... คลานวน บางจุดอับตาจน ..................... จรดโค้ง น้ำตกหมอกฟ้าหน .................. ทางผ่าน ไปเอย บางจุดแสนโล่งโจ้ง ................ จรดซ้ายสิเหว ๔๖. เอวเอียงเบี่ยงเบียดเลี้ยว ..... เลาะเขา ไม้ป่านานาเนา ...................... แน่นฟ้า เพียงรู้ผ่อนหนักเบา ................. บางช่วง นับเช่นวิถีกล้า ........................ ก่อนนั้นมิเคย ๔๗. กลัวเลยทางแยกห้วย ..... น้ำดัง แวะจุดวิวรักจัง .................... จักรู้ ร้านค้าที่ถามยัง .................. ประโยชน์สุ ขาแล พักยืดเส้นสายสู้ .................. สิใกล้แล้วหนอ ๔๘. หก ก.ม. ขึ้นที่ ........ ทำการ เขตวนอุทยาน ............... หยั่งฟ้า ทางคับแคบค่อยคลาน ..... ขึ้นระดับ พันหกร้อยสิบห้า ............. เมตรล้ำทะเลลอย บ้านพักบนดอยกิ่วลม ๔๙. ดอยกิ่วลมบ้านพัก ..... พอใจ ลดโหลดกระเป๋าไป ..........ปล่อยห้อง จนแล้วเสร็จมิไถล ........... ถลันออก เที่ยงสิบบันทึกจ้อง .......... จดไว้ไปปาย ๕๐. รายทางบ้างกลิ่นคลุ้ง ..... ขี้วัว คงนับสิบสิบงัว ................... ปล่อยเลี้ยง รีสอร์ทเริ่มเรียงตัว ............... ตามหว่าง วิถีแฮ เห็นสะพานเหล็กเพี้ยง .......... ผ่านข้ามลำปาย ๕๑. ตลาดปายสองฝั่งร้าน ..... พะรุงพะรัง ถึงบ่ายโมงประดัง ................ แดดจ้า ยามบ่ายทั่วปายยัง ............... สงบเงียบ อยู่นา เย็นค่ำคนมากหน้า ............... จึ่งเข้าชิมเมือง ๕๒. เรื่องอาหารปากท้อง ..... ถึงคราว ตรงสี่แยกปายหนาว ............ หนึ่งร้าน อาหารมากอย่างราว ............ ร้านเก่า แก่เอย ดูสะอาดสะอ้าน .................. อิ่มแล้วออกเดิน ๕๓. เพลินเพลินชมเผื่อซื้อ ..... สิ่งของ นุชหนึ่งน่าเมียงมอง .............. ละเมียดเนื้อ เม็ดเหงื่อหยาดเนืองนอง ........ เนินอุ ราเอย ขาวสุดขาวเอื้อเฟื้อ ............... ฝากฟื้นใจชาย ๕๔. บ่ายสามขับเที่ยวข้าม ..... ลำปาย วนทั่วเมืองจนหลาย .............. รอบแล้ว จะลาจากใจหาย .................. ให้ห่วง นุชเฮย ร้อนแดดคงมิแคล้ว ............... คราสเนื้อนวลหมอง ๕๕. อยากลองสักน้อยรส ..... กาแฟ "คอฟฟี่เลิฟ"เล็งแล ............. เลียบข้าง สาวหนุ่มไม่จอแจ ............... นั่งจิบ กันแฮ ถ่ายรูปกันอยู่บ้าง ................ กับบ้านยุโรปเหลือง ๕๖. เนื่องประวัติศาสตร์อ้าง ..... เอ่ยขาน ญี่ปุ่นสร้างสะพาน .................. ผ่านไว้ เพื่อขนส่งอาหาร ................... จากพม่า ยุทธลำเลียงใช้ ..................... ช่วงครั้งสงคราม ๕๗. ตามทางกลับนับโค้ง ..... คณามี โค้งแคบโค้งกว้างลี- ............ ลาศโค้ง โค้งหักศอกโค้งดี ................ โค้งเด่น ร้อยเกือบห้าสิบโค้ง ............. เบื่อโค้งจริงจริง ๕๘. ออกวิ่งยามอยู่เบื้อง ..... บนดอย แลปล่อยใจล่องลอย ........... ลึกค้น ความรู้สึกที่คอย ................. ครวญใคร่ ความหนึ่งตรึงแต่ต้น ............ ตรึกต้องใจคอย ทิวทัศน์บนดอยกิ่วลม ยามเย็น ทิวทัศน์ที่มองไปจากดอยกิ่วลม ยามโพล้เพล้ ๕๙. ดอยกิ่วลมพิศฟ้า ..... ยามเย็น ปุยเมฆเป็นสายเห็น ......... แห่ห้อม ทิวเขาทอดแนวเป็น ......... ปอยยอด แสงสาดทาบเงาย้อม ....... หยาดแต้มสีสัน ๖๐. ราวสวรรค์สรรค์ภาพฟ้า ..... เพียงทะเล ลมเยือกเย็นถ่ายเท ................. กระทบหน้า กิ่งสนแกว่งไกวเห .................. หันโยก โยนเอย ยามเมื่อสนธยาล้า ................. เลื่อมรุ้งหลากสี ๖๑. นาทีสุริยะคล้อย ..... คลายดวง คราเมฆมองล่องลวง ..... ล่วงพลิ้ว สีแสงฉากภาคปวง ........ แปรภาพ พลันเอย เงาทาบทึมทอริ้ว ........... ราศร้างลานัยน์ ๖๒. ใจพลอยลอยเลื่อนคล้าย ..... ความฝัน อันว่ายเวียนวารวัน ................... วาดรุ้ง ด้วยรักแอบอิงอัน ..................... อิงแอบ ไว้เอย จมจ่อมจนฟายฟุ้ง .................... ฟ่องเร้ารัญจวน ๖๓. หวนคำนึงย่างย้อน ..... เยื่อใย ความห่วงหาคราไกล ......... ก่อแล้ว เกาะกุมอยู่ภายใจ ............. จรัสดั่ง ดาวเอย ดารดาษราตรีแพร้ว ........... กะพริบพร้อยแพรววาว ๖๔. แสงดาวสุดฟากฟ้า ..... พราวงาม ดูดั่งตาเธอวาม ................ วาบจ้อง สะกดอยู่ทุกยาม ............... ยลยิ่ง มนตร์เอย เกินกว่าห้ามใจพร้อง ......... พร่ำเพ้อรำพึง ๖๕. ถึงเธอเพียงภาพแม้น ..... มีเรา คืนค่ำบนดอยเขา ................ เขตฟ้า เพียงสองสอดซบเนา ........... แนบสนิท ปลดปล่อยใจไขว่คว้า ........... ไขว่ข้ามเขตสรวง ๖๖. อย่าหวงอย่าปิดป้อง ..... ปรางหอม ขอชื่นเชยชมดอม .............. ด่ำซึ้ง เกินนิดกว่าหน่อยยอม ......... อย่าหลบ เลี่ยงรา เถิดอย่าอายอกอึ้ง .............. อุ่นแก้มนาสา ๖๗. ปรารถนาอันนุ่มน้อม ..... แนมนวล โสมส่องแสงสบยวน ........... ยิ่งแล้ว ยิ่งเชยยิ่งชายชวน .............. ชมพลอด พร่ำเฮย ปองปลดปมปลายแพร้ว ....... พร่ำย้ำเยินยอม ๖๘. อ้อมโอบอิ่มอุ่นเอื้อ ..... เอนโอน เพราพุ่มพรางไพรโพลน ..... พร่างพลิ้ว ยอยวงยะยวบโยน ............. ยังยอด เรือนทอดระทวยริ้ว ............ เท่ารู้เทียวราย ๖๙. ดาวพราวพรายพร่างฟ้า ..... ฟายเดือน พลันเมฆมาบังเหมือน ............. ม่านกั้น ลมบนชื่นเชยเยือน ................. ยอนแยบ ยลเอย ลามเลื่อนเดือนเด่นครั้น ........... ขับพื้นภูลอย ๗๐. ดอยกิ่วลมกิ่วงุ้ม ..... งามไฉน หนอสุดหักห้ามใจ .......... จิ่มพื้น หนาวสั่นสะท้านใด ........ ฤดีสบ สมเอย ยามหยาดน้ำค้างชื้น ....... ฉ่ำพริ้มพนาดอน ๗๑. อ่อนอ่อนลมโบกพลิ้ว ..... พรายพรม สนกวัดไกวกิ่งกลม ............... แกว่งก้าน เนิบเนิบไป่ปรารมภ์ .............. ริ้วระลอก คราครั่นครืนสะท้าน ............. ท่วงครั้นกระพือโหม ๗๒. โคมดาวดารดาษเวิ้ง ..... เวหน วิบวับวูบวาบยล .................. แยบเย้า เงาทอท่ามทีกล .................. กาเมศ เลศเล่ห์เสน่ห์เร้า ................. ร่ำรู้แรงแสง ๗๓. แห่งหนอันอาจเอื้อม ..... อัมพร คว้าไขว่ดาววาววอน ........... ว่อนฟ้า โลดลอยเลื่อนลามจร .......... โจมจุด สูงสุดสอยฤๅล้า ................. หลั่นไว้ในที ๗๔. ราตรีอันยืดเยื้อ ....... ยั่วยวน ใจจ่อใจรัญจวน ............. จรดก้อย อิ่มอาบอบไออวล ......... เอมโอช สองดั่งหนึ่งสอดสร้อย ..... สุขซ้อนเกินประทัง ๗๕. ห้วยน้ำดังดั่งน้ำ ..... แนวพนางค์ ระเรื่อยรินธารทาง .......... ทาบห้วย แผ่วแผ่วแว่ววนคราง ...... เครียวคร่ำ ดูดดื่มฤดีด้วย ............... ด่ำเพ้อละเมอละไม ๗๖.เผลอไผลในโอบอ้อม ..... อารมณ์ รู้สึกสู่รู้สม ......................... เสพรู้ อิ่มหวานอยู่กลางขม ............ ขื่นอก ชายนอ สาแก่ใจเจ้าชู้ ..................... ชื่นเพ้อรำพัน ๗๗. คืนฝันพันลึกล้า ...... หลับตา ปลดปล่อยใจโหยหา ....... หื่นห้อม คะนึงล่วงเลยครา ........... เคียงแนบ สองสู่สานสบพร้อม ........ พร่ำร้อยรวงใจ ๗๘. ใกล้รุ่งฟ้าพร่างด้วย ..... ดารา ดังเพชรพรรณรายดา .......... ดาดรุ้ง ทะเลหมอกสุดตา .............. เต็มหาด ดอยเอย แพรคลื่นพลิ้วพาดคุ้ง ......... แข่งฟ้าท้าดาว ๗๙. หนาวสิบลิบลิบโพ้น ..... พืดเขา ทิวเหยียดยาวทึมเทา ........... ทอดกั้น เกาะกลางหว่างแพรเพรา ...... เพียงหย่อม ยอดแล ไอหมอกเนียนนุ่มนั้น ........... แน่นฟุ้งชลาธาร ๘๐. แสงหวานสาดส่องฟ้า ..... ฟอกสี ใสสว่างสวยสดที ................. ละน้อย ตรึงตายิ่งเหมือนมี ................ มนตร์สะกด ทิวทัศน์แปรเปลี่ยนคล้อย ....... เคลื่อนเคลิ้มในภวังค์ .
. * ดูกรบุรุษผู้ ............. ผายลม เผยปากปานอาจม ..... จิตด้อย กวีเอกชนนิยม ........... ยกย่อง ยังไป่โอหังถ้อย ......... ถากผู้อ่อนเขียน . จากคุณ : หนึ่ง [ ๑ ] เขียนเมื่อ : 1 มี.ค. 53 11:25:25 A:124.121.213.41 X: [แก้ไข] ถูกใจ : นกโก๊ก, ยี่หร่า@, KAVINT, ploythana, D_AkIrA, ลำน้ำ C, มุมแดง, เสกคาถา, y@mie, คนสาธารณะ, ชญานุช, เวลาและวารี .