28 มีนาคม 2554 22:10 น.
พงษ์ สุนนท์
เป็นเหตุผลเบื้องลึกเกินนึกได้
เดินเข้าไปข้างในตอนใกล้เที่ยง
ท่ามใบหน้าสีคล้ำพร่ำสำเนียง
อย่าส่งเสียงถอยกลับแล้วหลับตา
ในกำมือถือปืนขึ้นยืนอยู่
ต่างรับรู้ในกฏกำหนดหา
ห้วงภวังค์หันเหมองเวลา
โกยทองมาจากตู้ไม่ดูดาย
จนเต็มเป้ใบเก่าสีเทาอ่อน
ยกขึ้นซ้อนใส่บ่าก่อนลาหาย
ถีบประตูร้านทองลองทำลาย
ก่อนจะยิงทิ้งท้ายแล้วหายไป
มอเตอร์ไซด์ติดรอพอให้นั่ง
ข้ามไปฝั่งตรงข้ามมะขามใหญ่
ได้ยินเสียงก้องกลับให้จับไว
ทุกอย่างไม่รอดพ้นรถชนแล้ว!
ยันกายลุกขึ้นยืนแล้วฝืนวิ่ง
สมองนิ่งตาลายหายใจแผ่ว
ด้วยกำลังเต็มที่ไรเวี่แวว
จะพ้นแนวแตกดับได้กลับไป
ระหว่างวิ่งกำหนดตาจดจ้อง
ขาทั้งสองเปลี้ยอ่อนก่อนเดินไหว
รวมกำลังสุดท้ายเพื่อหายใจ
ลืมตาในความกลัวสลัวเลือน
รู้สึกว่าตอนนี้ลืมชีวิต
เมื่อหลงผิดคิดอย่างหนทางเถื่อน
หวังจะรวยทางลัดไม่ตัดเตือน
ทิ้งทองเกลื่อนโดนฆ่า! วิสามัญ.
....................................
6 มีนาคม 2554 23:05 น.
พงษ์ สุนนท์
ยิ้มให้กับความฝันเช้าวันหนึ่ง
เพื่อส่งถึงอีกคนบนความหวาน
ที่ปกคลุมหัวใจดอกไม้บาน
ฤดูกาลส่งความสุขเกิดทุกคราว
อากาศเริ่มเย็นลงตรงวันนี้
รู้สึกดีด้วยหมอกเกินบอกกล่าว
หยิบโปสการ์ดปึกใหญ่ใส่เรื่องราว
แม้ไม่ยาวแต่อุ่นได้คุ้นเคย
บรรจงเรียงจดหมายใส่ท้ายรถ
ก่อนจะหมดอากาศไม่อาจเอ่ย
เย็นสายลมประจำเริ่มรำเพย
ไม่ละเลยปลายทางอย่างตั้งใจ
เป็นบุรุษไปรษณีย์อย่างเรานี้
มีหน้าที่นำข่าวคราวไปให้
ไปสู่คนปลายทางอย่างปลอดภัย
แม้จะไม่ยิ่งใหญ่ในสายตา
รับจดหมายด้วยครับกับโปสการ์ด
เป็นกระดาษบันทึกรำลึกค่า
เล่าเรื่องราววันวานที่ผ่านมา
กับคำว่าคิดถึงซึ่งเหมือนเดิม
เป็นเพียงคนต้นทางเขากางกั้น
พร้อมแบ่งปันให้คุณอบอุ่นเพิ่ม
เพียงถ้อยคำธรรมดาหามาเติม
ก็ริเริ่มความสุขกับทุกคน.
.........................................
31 มกราคม 2554 20:31 น.
พงษ์ สุนนท์
หน้าหม่นหมองของเธอดูเพ้อหา
ปลดแววตาทิ้งไปเกินไถ่ถอน
มันถึงขีดเก็บกดหมดอาทร
แหล่ะแน่นอนต้องจบการทบทวน
หยิบเสื้อผ้ากองลงบรรจงพับ
เช่นเดียวกับหัวใจอย่าให้หวน
ปิดกระเป๋าสีดำเกินคร่ำครวญ
เก็บบางส่วนไปลับไม่กลับมา
หันหลังให้ห้องเก่าที่เขาทิ้ง
ภาพความจริงไม่อาจปรารถนา
ลบบาดแผลใครทำคราบน้ำตา
เมื่อเวลาถึงคราวต้องก้าวเดิน
ยังมีความพันผูกถึงลูกน้อย
แม่จะคอยอยู่ข้างไม่ห่างเหิน
เป็นหน้าที่ยิ่งใหญ่ให้เผชิญ
กับการเมินทิ้งขว้างของบางคน
ด้วยสายตาเหม่อมองเกินร้องเรียก
แก้มที่เปียกเป็นทางอยู่บางหน
พร้อมกระดาษหนึ่งใบไหลปะปน
เพื่อเตือนตนทุกครั้งอย่างตั้งใจ
เกียรติบัตรปลอบใจคือใบหย่า
ที่ผ่านมาท้อแท้เกินแก้ไข
เรียนรู้ในความรักมักเปลี่ยนไป
แม้แต่ใครไม่อาจจะคาดเดา
เมื่อถึงการพลัดพรากฉากสุดท้าย
ถูกทำลายพ่ายพังความหวังเก่า
อาจเป็นความหมองมัวของตัวเรา
เลิกบอดเขลาแน่วแน่อย่างแท้จริง
เธอจะเลือกอย่างไรในวันนี้
ขอให้มีความสุขกับทุกสิ่ง
แม้วันนี้ไร้หลักให้พักพิง
จากความจริงที่สู้อยู่ลำพัง.
........................................
18 มกราคม 2554 22:11 น.
พงษ์ สุนนท์
จากเหตุการณ์สมมุติไม่หยุดหย่อน
คอยกรัดกร่อนสังคมนิยมฝูง
เมื่อความจริงไม่หนักถูกชักจูง
เปลี่ยนจากสูงเป็นต่ำแทบช้ำใจ
มีกลิ่นอายบางอย่างลางสังหรณ์
เข้าตัดตอนเชื่อมโยงไม่โปร่งใส
เจตนาที่เขียนก็เปลี่ยนไป
เชื่อมั่นในความจริงหรือชิงชัง
ไม่มีใครสำเหนียกการเรียกร้อง
หันมามองข้างในอยู่ไกลฝั่ง
ตะเกียกตะกายยื้อยุดสุดกำลัง
หมดความหวังอ่อนล้าน้ำตาริน
เมื่อคำถามบางประโยคว่าโชคร้าย
ถูกกฎหมายกำหนดจนหมดสิ้น
ท่ามกลางปวงปัญหาเป็นอาจิณ
พร้อมหนี้สินหดหู่สู้คดี
ภายในห้องรโหฐานสำราญทั่ว
สร้างความกลัวมืดมนจนบัดสี
ใช้อำนาจเข้าทำคอยย้ำยี
ตามหน้าที่ปฏิบัติไม่ชัดเจน
หวังเพียงคุณธรรมนำเสริมส่ง
คอยดำรงแน่นหนักขมักเขม้น
มีศรัทธากำหนดรู้กฏเกณฑ์
ไม่เบี่ยงเบนถูกผิดไร้ทิศทาง.
..........................................
21 ธันวาคม 2553 21:14 น.
พงษ์ สุนนท์
เสียงตะโกนท้าทายแล้วหายลับ!!!
หนังสือพิมพ์ฉบับเช้าวันใหม่
ลงข่าวการสูญเสียละเหี่ยใจ
เป็นลูกเต้าเหล่าใครก็ไม่มี
มีความเป็นไปได้อยู่หลายสิ่ง
นอกเหนือจากการยิงแล้ววิ่งหนี
พฤติกรรมเหล่านั้นมันไม่ดี
หยาม"ศักดิ์ศรี"พันผูกลูกผู้ชาย
การสืบทอดเจตนาภาษาซื่อ
ส่งจากมือถึงมือคือความหมาย
ไม่มีสิทธิ์เรียกร้องของความตาย
อีกกี่รายต้องซบหน้ากลบดิน
เมื่อเรื่องราวทั้งหมดปรากฏซ้ำ
เพียงถ้อยคำยั่วยุปะทุสิ้น
โลกทั้งโลกสะดุดหยุดได้ยิน
ชีวิตดิ้นลงพล่านอยู่ลานตา
มัจจุราชสีนิลได้ยินเสียง!!!
เคลื่อนไหวเพียงมือยกขึ้นปรกหน้า
ก่อนจะถูกเหนี่ยวไกในเวลา
ไม่คาดผลที่ตามมาอย่างท้าทาย
อาชญากรรมบัณฑิตย์ใครคิดสู้
ต้องไปอยู่ตะรางไม่ห่างหาย
เพียง"ศักดิ์ศรี"ข้องเกี่ยวอย่างเดียวดาย
อย่าให้สายเกินแก้ ,ถ้าแน่จริง !!!
..............................................