30 พฤษภาคม 2550 03:20 น.
พ.ลิขิตภิรมย์
อาจารย์สายใจเดินมาหยุดที่กลางห้อง
" เมื่อตะกี้ มีอะไรกันจ้ะเด็กๆ? " ไม่มีเสียงเด็กคนไหนกล้าตอบออกมา อาจารย์จึงเดินต่อจนมาหยุดอยู่ที่หน้าผม
" เบิ้มเขาแกล้งเธอใช่มั๊ย? " ผมแปลกใจที่อาจารย์รู้ได้ยังไง ทั้งที่ในห้องก็ไม่มีใครกล้าพูดอยู่แล้ว เพราะถ้าพูดก็จะโดนเบิ้มรังแกเหมือนกับผมแน่นอน
" ใช่มั๊ย? " อาจารย์ถามย้ำด้วยน้ำเสียงที่หนักขึ้น
ผมหันหน้าไปดูเบิ้ม เห็นได้ทันทีว่าเบิ้มหน้าซีดยิ่งกว่าไก่ต้มซะอีก เพิ่งจะรู้ก็ตอนนี้เองว่าเบิ้มก็กลัวเป็นเหมือนกับเด็กคนอื่นเหมือนกัน
" ป่าวครับครู เบิ้มเขาแค่ยืมยางลบผมไปครับ " ผมพูดออกไป แต่ดูจากแววตาของอาจารย์ดูเหมือนอาจารย์จะไม่ค่อยเชื่อผม แล้วอาจารย์ก็หันไปหาเบิ้ม เรียกให้เบิ้มลุกขึ้น เบิ้มยืนขึ้นตัวแข็งทื่อ
" มีอะไรเหรอครับครู? " เบิ้มถามอาจารย์กลับไปด้วยสีหน้ากังวล
" เธอยืมยางลบของเขาไปจริงเหรอ " เบิ้มได้แต่ยืนก้มหน้าไม่ยอมพูดอะไร เวลาผ่านไป อาจารย์สายใจก็ยังถามเบิ้มซ้ำๆอยู่หลายรอบ ถึงตอนนี้เบิ้มดูกังวล หน้าซีดมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งอาจเป็นเพราะตอนที่เรายังเป็นเด็ก เด็กทุกคนต่างก็กลัวการถูกคุณครูทำโทษ และเบิ้มอาจจะคิดอยู่ในใจว่าถ้าเขาบอกว่า ใช่ อาจจะทำให้เพื่อนๆในห้องว่าเขาได้ว่าเป็นเด็กขี้โกหก แต่จะให้เบิ้มยอมรับได้ยังไง เบิ้มก็กลัวถูกทำโทษเหมือนกันนี่นา เบิ้มเริ่มมีเหงื่อไหลออกมามากกว่าเดิม
" ยืมเสร็จก็เอากลับมาดิ " ผมพูดขึ้นพร้อมกับเดินไปหยิบยางลบของเบิ้มมา โดยที่อาจารย์จะได้คิดว่าเบิ้มยืมยางลบของผมไปจริงๆ ครูสายใจไม่พูดอะไรต่อ ยิ้มให้ผม พร้อมกับบอกให้ผมรีบกลับไปนั่งที่ ผมเดินกลับมาพร้อมกับความโล่งอกที่เห็นเบิ้มไม่ต้องถูกลงโทษ แต่เอ๊ะ!!! หางตาของผมเหลือบไปเห็นเด็กผู้หญิงที่นั่งข้างผมคนนั้นแอยยิ้มให้ผม
" เธอยิ้มให้เราเหรอ " ผมถามเธอด้วยท่าทีสนใจอีกครั้ง แต่เธอนั่งนิ่งไม่ยอมพูดอะไรกับผม แต่ไม่เป็นไรหรอก อย่างน้อยผมก็รู้ว่าสายตาของผมคงไม่โกหกตัวผมเอง ถ้าผมไม่ได้ตาฝาดไปเองน่ะ
ครูสายใจไม่ได้สอนอะไรมาก แต่ให้นักเรียนแบ่งกลุ่มที่คิดว่าเข้ากันได้ดีที่สุด กลุ่มละสามคน เพื่อนๆในห้องทุกคนมีกลุ่มกันหมดแล้ว เพราะทุกคนต่างก็นั่งกับกลุ่มของตัวเอง สายตาของผมเริ่มมองไปรอบๆห้องอีกครั้ง พร้อมๆกับคิดไปว่าจะมีใครรับเราเข้ากลุ่มมั๊ยเนี่ย ไม่มีเสียงเรียกจากสวรรค์ แต่อาจารย์สายใจก็ชี้มาที่ผม
" เบิ้มไปนั่งกับน้ำฝนสิ กลุ่มนั้นมีสองคนเอง " อะไรกัน เมื่อกี้อาจารย์ชี้และพูดว่าอะไร จะให้เบิ้มมานั่งกับผมเหรอ ก็เมื่อกี้เพิ่งจะทะเลาะกัน เบิ้มดูไม่ค่อยอยากจะมานั่งข้างๆผม คงจะอายที่ผมช่วยเขาไว้เมื่อกี้ แต่อาจารย์ก็บอกให้เบิ้มมานั่งใกล้ๆกับผมอยู่ดี เบิ้มกับผมเราจึงต้องฝืนใจตัวเองนั่งเรียนด้วยกัน แต่ไม่เป็นไร ผมคิดในใจ มีเบิ้มอยู่กลุ่มผมซะอย่าง ก็ไม่มีใครกล้ามารังแกผมอีก
แต่เอ๊ะ!!! ผมต้องสะดุดกับคำพูดของครูสายใจเมื่อครู่ เมื่อกี้อาจารย์บอกว่าใครชื่อ น้ำฝน น่ะ หรือว่าเด็กผู้หญิงคนที่นั่งใกล้ผมเธอชื่อว่าน้ำฝน ผมคิดในใจช่างเป็นชื่อที่เพราะที่สุดเท่าที่ผมได้ยินมา ผมนั่งเรียนไปทั้งวันโดยตั้งใจเรียน อาจเป็นเพราะผมได้นั่งใกล้กับน้ำฝน ผู้หญิงที่น่ารักที่สุดในโลกคนนี้ก็เป็นไปได้
อ๊อด!!! เสียงสัญญาณดังขึ้น แต่ดูเหมือนว่าเสียงนี้จะทำให้เด็กนักเรียนต่างมีความสุขกันทุกคน เพราะนี่คือเสียงของการเลิกเรียนในวันแรก ซึ่งดุจเปรียบดั่งเสียงสวรรค์ของเด็กๆทุกคน ซึ่งต่างกับเสียงอ๊อดในตอนเช้าอย่างสิ้นเชิง ผมรีบเก็บกระเป๋าเพราะอีกเดี๋ยวพ่อก็คงจะมารับผม แต่สายตาก็เหลือบไปเห็นน้ำฝนกำลังหาอะไรอยู่
" หาอะไรอยู่เหรอฝน " ผมถามน้ำฝนออกไป โดยที่ไม่คิดว่าจะได้ฟังคำตอบจากปากของเธอ แต่แล้วเธอก็หันหน้ามาหาผม พร้อมกับน้ำเสียงที่วิตกกังวล
" ดินสอแท่งใหม่น่ะสิ แม่ของเราเพิ่งซื้อให้เมื่อเช้า ถ้าฝนทำหายต้องโดนแม่ดุแน่ๆ " ผมกับน้ำฝนจึงช่วยกันหาดินสอกันทั่วห้อง แต่ก็ไม่พบดินสอของน้ำฝน ไม่เป็นไร ผมนึกขึ้นมาได้ว่าดินสอของผมกับเธอก็เหมือนกันนี่ ผมเลยหยิบดินสอของผมออกมาจากกระเป๋า พร้อมกับยื่นให้เธอ
" เอาดินสอเราไปน่ะ " เธอยิ้มพลางตอบกลับมา
" ขอบคุณน่ะที่ให้ยืม " ผมส่ายหน้า แล้วพูดว่า
" ไม่ได้ให้ยืมแต่ให้จริงๆ " ยิ่งทำให้เธองงเข้าไปใหญ่ เธอยืนงงอยู่พักใหญ่ก่อนหันกลับมา
" ขอบคุณน่ะ " เธอยิ้มให้ผม แล้วเดินจากไป ทิ้งให้ผมแอบเก็บเธอเอาไปฝันคนเดียว เธอเดินออกจากห้องไปแล้ว แล้วเราจะอยู่ทำไมล่ะคนเดียว ไปดีกว่า ผมรีบคว้ากระเป๋าแล้วรีบวิ่งออกไปจากห้องตามฝนไปติดๆ แต่แล้วผมก็ชนกับอะไรบางอย่างเข้าอย่างจัง ผมล้มลงไปนอนกับพื้น พลางเงยหน้าขึ้นมามอง แล้วก็เห็นเด็กผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่ เด็กผู้ชายคนนั้นคือเบิ้มนั่นเอง เบิ้มที่ตัวใหญ่ที่สุด เบิ้มที่แข็งแรงที่สุด และเบิ้มที่น่ากลัวสารพัด ในใจผมตอนนี้คิดฟุ้งซ่านไปหมด เลิกเรียนแล้วด้วย คุณครูไม่อยู่แล้ว ใครจะช่วยเราล่ะ ความกลัวเริ่มเข้ามาครอบงำจิตใจของผม เพราะถึงผมจะสู้ยังไงสุดท้ายผมก็แพ้อยู่ดี แต่ด้วยความไม่อยากเสียหน้าเลยรีบลุกขึ้นยืน แล้วพูดไปว่า
" อย่ามาขวางไม่อยากมีเรื่อง " เบิ้มไม่ยอมหลีกทางให้ พร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ดังมาจากในลำคอว่า
" นายยังไปไหนไม่ได้ต้องฟังฉันพูดก่อน " ผมคิดในใจ มันจะเอายังไงว่ะ เป็นไงเป็นกัน สู้ตายโว้ย!!! ผมหันไปมองหน้าเบิ้มอีกครั้งพร้อมทั้งกำหมัดขึ้นมา
แต่เสียงของเบิ้มที่พูดออกมากลับทำให้ผมงงและอึ้งไป
- โปรดติดตามตอนต่อไป / 3
30 พฤษภาคม 2550 01:58 น.
พ.ลิขิตภิรมย์
" หนุ่มตื่นได้แล้วลูก " เสียงของแม่ที่เอ่ยเรียกผมในตอนเช้าของวันที่โรงเรียนเปิดเป็นวันแรก ถึงแม้จะเป็นเสียงที่ผมไม่ค่อยอยากจะได้ยินนัก แต่ถึงยังไงหลังจากนี้ผมก็คงต้องทนฟังทุกวันจนถึงวันที่โรงเรียนปิดเทอม
" วันนี้เปิดเรียนวันแรก ไปหาที่นั่งข้างหน้าน่ะ " แม่ของผมพูดออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจังออกแนวดูเล็กน้อย แต่ถึงเสียงของแม่จะดุยังไง ในน้ำเสียงก็แฝงไปด้วยความอบอุ่นที่แม่มีให้ผม เพราะแม่ของผมก็คงเหมือนกับแม่ของเด็กคนอื่นๆทั่วไป ที่อยากจะให้ลูกของตัวเองนั่งข้างหน้า จะได้มองเห็นกระดานได้ชัด เพื่อหวังว่าลูกของตัวเองจะได้รับความรู้จากอาจารย์ได้เต็มที่ จะได้เรียนเก่งๆ ซึ่งตอนนั้น ผมกลับไม่คิดอะไร คิดแค่เพียงว่านั่งตรงไหนมันก็เหมือนกัน ยังไงก็ได้เรียนเหมือนกัน
" ครับแม่ " ผมตอบกลับไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ผมรีบอาบน้ำ แต่งตัว เพราะผมก็คงไม่ต่างจากเด็กคนอื่น ที่หวังว่าเปิดเรียนจะได้ไปเจอเพื่อนๆ ซึ่งอาจจะเคยเรียนด้วยกันเมื่อครั้งตอนอยู่อนุบาลมาก่อน หรืออาจจะเป็นเพื่อนใหม่ที่ได้เจอกันในวันนี้ก็เป็นไปได้ แม่ส่งกระเป๋าใบใหม่ให้ผม ผมรีบเปิดดู ข้างในกระเป๋ามีอุปกรณ์ต่างๆมากมาย ทั้งสมุด ยางลบ ไม้บรรทัด แต่ที่ทำให้ผมสะดุดตามากที่สุดคงจะเป็นดินสอ ดินสอที่แว้บแรกที่ผมเห็นรู้สึกชอบขึ้นมาทันที ก็ผมเป็นเด็กนี่นา เห็นอะไรสวยๆหน่อยก็ชอบเป็นธรรมดา ผมหันหน้าไปหาแม่ พร้อมกับพูด " สวัสดีครับ " แม่ยิ้มให้ผม แล้วผมจึงเดินไปหาพ่อที่หน้าบ้านเพื่อจะไปโรงเรียนเป็นวันแรก
ผมไปโรงเรียนโดยพ่อของผมจะขับรถจักรยานยนต์ไปส่งทุกเช้า ซึ่งเมื่อผมเป็นเด็ก จะชอบการนั่งรถเล่นเป็นชีวิตจิตใจ โดยเฉพาะถ้าได้นั่งข้างหน้า ก็จะโดนลมเย็นสบาย เหมือนว่าตัวเองเป็นอิสระเสรี รู้สึกบินได้ ซึ่งนั่นก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่ง ที่ทำให้ผมอยากไปโรงเรียนเมื่อตอนที่ยังเป็นเด็ก
อ๊อด !!! เสียงสัญญาณให้นักเรียนในโรงเรียนมาเข้าแถวหน้าเสาธงดังขึ้น นักเรียนทุกคนต่างรีบวิ่งมาเข้าแถว เมื่อนักเรียนมายืนเข้าแถวกันเรียบร้อยแล้วเสียงพูดของอาจารย์ท่านหนึ่งก็ดังขึ้น เธอชื่ออาจารย์สายใจ อาจารย์สายใจดูเป็นคนน่าเคารพ นิสัยดี และที่สำคัญใจดีด้วย วันนี้เป็นหน้าที่ของอาจารย์สายใจที่ต้องเรียกเด็กๆมาเข้าแถวหน้าเสาธง ซึ่งเมื่อทำภารกิจในตอนเช้าเสร็จเรียบร้อย อาจารย์สายใจก็เรียนเชิญท่านผู้อำนวยการมาพูดให้โอวาทแก่นักเรียน เนื่องในวันเปิดเรียนเป็นวันแรก ท่านผู้อำนวยการพูดไปได้สักพัก ก็คงจะสังเกตุเห็นเด็กๆเริ่มรู้สึกร้อน เนื่องจากแสงแดดเริ่มส่องแสงเพิ่มมากขึ้น ท่านผู้อำนวยการ จึงบอกให้ครูสายใจแยกแถวเด็กนักเรียนเข้าห้องเรียน
ผมเดินไปที่ห้องเป็นคนสุดท้าย เหมือนที่แม่ของผมพูดไว้จริงๆ ที่นั่งข้างหน้าถูกจองเต็มหมดแล้ว ด้วยฝีมือ อาตี๋ อาหมวย ทั้งหลาย ผมพยายามกวาดสายตาไปรอบๆห้องเรียน พลันสายตาของผมก็เหลือบไปเห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง นั่งอยู่ที่แถวสุดท้ายของห้องเพียงคนเดียว โดยข้างๆเด็กผู้หญิงคนนั้นยังมีที่ว่างอยู่อีกหนึ่งที่ ผมจึงเดินเข้าไปใกล้ๆเธอ ในใจคิดตลอดเธอจะให้เรานั่งด้วยมั๊ยน่ะ แล้วผมก็เดินมาหยุดตรงที่หน้าเธอ ผมยิ้มให้เธอ
" เธอ เราขอนั่งด้วยน่ะ " ผมเอ่ยปากขอเธอ ไม่มีเสียงตอบจากเธอ จากการที่เธอเงียบไม่ยอมตอบผม ทำให้ผมนิ่งและอึ้งไปพักนึง แต่ไม่เป็นไร ถึงเธอไม่ตอบ ผมก็จะนั่งอยู่ดี จะทำยังไงได้ล่ะ ก็ทั้งห้องมีที่ว่างอยู่ที่เดียวนี่นา ผมนั่งคิดในใจอยู่ตลอดเวลาที่ผมนั่งกับเธอ เธออยากให้เรานั่งด้วยรึป่าวน่ะ ผมนั่งไปคิดไป ไม่รู้จะทำอะไร ผมจึงหยิบกระเป๋าขึ้นมา ผมเปิดดูข้างในกระเป๋า แล้วก็หยิบสมุดกับดินสอขึ้นมาเพื่อเตรียมจะเรียนในวิชาแรกของวันนี้ สายตาของผมเหลือบไปเห็นดินสอของเธอ ดินสอผมกับเธอเหมือนกันทุกอย่างทั้งแบบเดียวกัน สีเดียวกัน อะไรมันจะช่างลงเอยขนาดนี้ เลยทำให้คิดไปกันใหญ่ถึงขั้นเราคงต้องเป็นแฟนกัน แต่ในขณะที่ผมกำลังคิดอะไรเพลินๆอยู่นั่นเอง ก็มีเสียงของเด็กผู้ชายคนนึงตะโกนมาจากอีกมุมหนึ่งของห้อง
" เป็นกะเทยรึป่าวว่ะ นั่งกับผู้หญิงน่ะ " ซึ่งผมฟังแล้ว รู้สึกโกรธขึ้นมาทันที ก็เด็กคนนั้นมีสิทธิอะไรมาว่าผมล่ะ ผมแสดงท่าทางไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด พร้อมกับหันหน้าไปหาเด็กคนนั้น กะว่ามาวันแรกมีเรื่องซักหน่อย จะได้ดูเก๋าๆ ทันทีที่ผมหันกลับไป ต้องสะดุ้งกับสิ่งที่เห็น นี่มันยักษ์หรือตึกว่ะเนี่ย ก็เด็กคนนั้นตัวใหญ่มาก ซึ่งตอนหลังผมถึงรู้ว่าเด็กคนนั้นชื่อ เบิ้ม ซึ่งก็เบิ้มและใหญ่สมชื่อจริงๆ ความรู้สึกในใจตอนนั้นรู้สึกกลัวเบิ้มมาก แต่ถึงจะกลัวเบิ้มมากเท่าไร แต่ผมกลัวเสียหน้ามากกว่าหลายเท่า ผมจึงลุกขึ้นยืน กะจะเดินเข้าไปถามเบิ้มว่ามาว่าผมทำไม แต่เหมือนเทวดาเข้าข้างผม อาจารย์สายใจที่ผมเห็นหน้าเสาธง เธอมาเป็นอาจารย์ประจำชั้นของผมพอดี ซึ่งก็ทำให้ผมกับเบิ้มไม่ทันได้ทะเลาะกัน เพราะถ้ามีเรื่องคงเป็นผมนี่แหละที่เละแน่ หลังจากนั้นอาจารย์สายใจก็ค่อยๆเดินเข้ามาหาผม
- โปรดติดตามตอนต่อไป / 2