11 กรกฎาคม 2553 19:57 น.

เมฆหมอกและสายลม ตอนที่ 3 คนแปลกหน้า

พ.จินดา

ดึกมากแล้ว ขณะที่ทุกคนกำลังมีความสุขกับการพักผ่อน แต่กรหมออนามัยกลับต้องลุกมาเพื่อดูแลชีวิตคนอื่น คนแปลกหน้าจริงๆ
เมื่อกร ลงมาเปิดประตูอนามัย หลังจากกลุ่มคนที่กุลีกุจอนำคนไข้มาทิ้งไว้บนเตียงพยาบาล ท่ามกลางความสว่างไสวที่พึงมีของแสงตะเกียงนั้น ลมที่พัดไหววูบไล้เปลวแสงตะเกียงดวงน้อยนิดนั้น ก็พัดเอากลุ่มคนที่กรูกันมาเมื่อสักครู่หายวับไปด้วย เหลือเพียงกรและคนไข้เท่านั้น
"หมอครับผมหายใจไม่ออก แน่นหน้าอกครับ" 
"แม่ครับผมขอโทษด้วยที่ไปไม่ถึงถำกระบอก"
เพียงคำพูดของคนไข้หนุ่ม อายุโดยประมาณคงรุ่นเดียวกับกร เขาคิดเช่นนั้น
ไวกว่าความคิดที่จะคิดเป็นอย่างอื่น เขารีบชูตะเกียงที่ก่อนนี้วางบนโต๊ะทำงานเพื่อมองดูให้แน่ใจว่าคราบบนผนังอนามัย นั้นคือคราบเลือดของคนไข้หรือไม่
ชัด คนไข้ลงแดง อาการของการขาดยา ผงขาวนั่นเอง
กร รีบคว้าแอดดรินาลินฉีดเข้าที่ต้นแขนคนไข้ สักพักคนไข้พูดคุยเล่ารายละเอียดได้เพียงบางส่วน
"เพื่อนมันหลอกพาผมมาเสพยาที่นี่ จนเงินที่แม่ให้มาเป็นค่าเดินทางไปรักษาที่วัดถำกระบอกหมด มันเลยทิ้งผม แม่ครับผมขอโทษ หมอช่วยผมด้วย ผมอยากกอดแม่"
ทุกคนไหม ที่วันสุดท้ายของชีวิตจะนึกถึงแม่ ทำไมวันที่ผ่านมาถึงปล่อยให้มันไร้ค่า มีประโยชน์อะไรกับการที่จะมาอาลัยอาวรณ์ในวาระสุดท้ายของชีวิต ในเมื่อเวลาที่มีก่อนหน้านี้เราเป็นคนทำลายมันเอง ใช่หรือไม่
กร นั่งมองและฟังคนไข้เพ้อ คนไข้มักเพ้อเมื่อวาระสุดท้ายมาถึงเสมอ 
เขาจากไปอย่างสงบ ทันทีที่กรเอาฝ่ามือลูบหนังตาของคนไข้ที่เบิกโพลงด้วยแววตาที่แฝงความกังวลบางอย่าง ร่างของเจ้าน้อยก็ปรากฏที่ประตูอนามัย
"เขาเป็นอะไรครับ อาหมอ" 
กร นิ่งแทนคำตอบเขากอดเจ้าน้อยไว้แน่น เพื่อไม่ให้เจ้าน้อยหวาดกลัว
"เราไปบ้านลุงกำนัน กันเถอะ"
สถานีอนามัยยามวิกาล ตกอยู่ในความเงียบอีกครั้งแต่ทว่าคืนนี้มีร่างของชายหน่มต่างแดนที่ไร้วิญญานนอนทอดร่างอยู่ด้วย
ใครว่าธรรมชสาติบนโลกนี้สวยงาม แต่แฝงไว้ด้วยความโหดร้ายต่างหาก สามารถแย่งความรักไปจากทุกคนได้ จริงไหม
ตอนที่ 4 ความรักของแม่				
11 กรกฎาคม 2553 19:26 น.

เมฆหมอกและสายลม

พ.จินดา

ต่อ ตอนที่ 2
เย็นมากแล้ว บรรยากาศรอบตัวเงียบสงัดมีเพียงเสียงลมทะเลที่พัดลู่ต้นสนริมหาดเสียงหวีดหวิวชวนโหยหวนสลับกับเสียงคลื่นที่ดังกระทบฝั่งเป็นระยะ
"คุณหมอครับ กลับบ้านพักกันเถอะครับผมเตรียมอาหารมื้อเย็นไว้ให้แล้ว"
เจ้าน้อย เด็กผู้ชายที่กรรับมาอยู่เป็นเพื่อน ชีวิตของเจ้าน้อยดูช่างอาภัพ พ่อเสียชีวิตแม่มีครอบครัวใหม่ ตัวเจ้าน้อยเองอายุก็เพิ่งย่าง 14 ปี ดูเป็นเด็กน่ารัก ใสซื่อ กรรับอุปการระเลี้ยงดูและนำมาเรียนหนังสือที่บนเกาะแห่งนี้ ความรัก ความเอ็นดู เอื้ออาทรที่เขามีต่อเด็กชายผู้นี้ จึงเป็นต้นเหตุที่มาของการบอกเลิกลาของคนรัก เพียงเพราะเข้าใจว่ากรรักชอบกับเด็กคนนี้มากกว่าผู้อุปการะ
"ไปซิ น้อย" กรคว้ากระเป๋าเป้เดินเกาะบ่าเจ้าน้อย ไปตามเส้นทางหาดทรายที่ขาวโพลนทอดสู่เบื้องหน้า
บนเกาะแห่งนี้ไร้ไฟฟ้า เหมือนบนฝั่ง จะมีก็เพียงแสงไฟนีออนจากแบตเตอรี่หรือจากบ้านที่มีเครื่องปั่นไฟ สำหรับบ้านพักหมออนามัยแสงสว่างมีเพียงตะเกียงนำมันก๊าดเท่านั้น 
คืนนี้ก็เช่นกันเหมือนกับทุกคืนที่ผ่านมาร่วม 1 ปี แล้วที่กรมาทำงานที่นี่ แสงสว่างจากตะเกียงดวงน้อยบนบ้านพักหลังอนามัย ทีเจ้าน้อยจุดขึ้น ได้ขับไล่ความมืดที่เริ่มโรยตัวเข้ามา 
"เป็นอะไร ครับอาหมอ น้อยเห็นอาหมอดูเงียบๆพิกล ไม่หัวเราะสนุกสนานเหมือนเดิมเลย " น้อยเป็นเด็กช่างสังเกตและฉลาดเกินตัว วันก่อนแม่ของเจ้าน้อยให้สามีใหม่ขับเรือหางยาวมารับลูก เจ้าน้อยวิ่งแอบหนีไปหลบซ่อนอยู่บนเขาหลังเกาะวันกับคืน กว่ากรจะรู้เรื่องก็แม่เจ้าน้อยมาบอกฝากฝังเลี้ยงดูให้ดี มันรัก เป็นห่วงหมอมากกว่าแม่ของมัน แม่เจ้าน้อยพูดก่อนจะกลับเข้าฝั่งพร้อมกับสามีใหม่
เกือบเที่ยงคืน แล้วที่กร ชำระสะสางเรื่องส่วนตัวจนเสร็จก็ออกมานั่งหน้าระเบียงบนบ้านพัก สักครู่เจ้าน้อยก็ตามออกมาไม่นานก็นอนหลับหนุนตักอาหมอที่มันรัก
ความเงียบยามกลางคืน ที่มีแสงสว่างจากดวงจันทร์ทอประกายแสงเหลืองนวลอ่อนๆกระทบกับพื้นทราย หากคนเคยมาเที่ยวหรือพักผ่อนใช้ชีวิตกลางธรรมชาติเช่นนี้ คงชอบและมีความสุข แต่สำหรับกร นั้น เวลาที่อยู่มา 1 ปี ทำให้สิ่งต่างๆที่ผ่านมาแม้ดูสวยงามแต่ก็ธรรมดา ทว่าสำหรับคืนนี้นอกจากเจ้าน้อยแล้ว สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าคือเพื่อนในยามเหงา
ค่อนรุ่ง กรต้องสะดุ้งเมื่อมีเสียงเรียกจากกลุ่มคนแปลกหน้า ทางด้างล่างบ้านพัก
"หมอครับหมอ ช่วยเพื่อนผมหน่อย"
กรลุกงัวเงีย จากที่นอนในห้องมือควานหากลักไม้ขีดเพื่อจุดตะเกียง ไม่นานนักเขาก็ก้าวลงบันไดมาเพื่อดูแหล่งที่มาของเสียงเรียก
ตอนที่ 3 แขกยามวิกาล				
11 กรกฎาคม 2553 18:53 น.

เมฆหมอกและสายลม

พ.จินดา

กร ชายหนุ่มวัย 20 ต้นๆ คว้ากระเป๋าเป้สะพายพาดบ่าถีบตัวลอยขึ้นจากเรืออวนลากสู่สะพานท่าเทียบเรือที่ทอดยาวออกมาจากชายฝั่ง ไม่นานนักเขาก็พาร่างที่บอบบางสภาพหนุ่มสำอางค์ผิวขาวสูงโปร่งหน้าตาหล่อเอาการ นั่งอยู่บนเตียงไม้หน้าร้านค้าที่เป็นของกำนันบนเกาะสวรรค์แห่งนี้  สายตามองทอดยาวออกไปสู่พื้นทะเลที่ส่งประกายระยิยระยับยามเมื่อลมพัดคลื่นเป็นริ้วกระทบกับแสงแดดยามบ่าย เมฆบนท้องฟ้าดูไม่หนา แต้มท้องฟ้าเป็นริ้วขาวๆ พาดยาว เป็นช่วงๆ
หากเป็นเมื่อก่อน กรคงจะมีความสุข เมื่อเห็นภาพเช่นนี้แต่ทว่าขณะนี้บนใบหน้าที่ขาวใสดูเสร้าหมอง เหม่อลอย แววตานั้นดูหม่นเศร้าไร้จุดหมาย
"เหนื่อยหรือครับหมอ ช่วงนี้แดดร้อนเป็นบ้า ระวังไม่สบายนะครับ"
ลุงกำนันเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง หลังจากยกขันนำเย็นมาต้อนรับหมอหนุ่มที่อุทิศตนมาเป็นหมอชาวเกาะ ซึ่งมีเขาเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ย้ายมาปฏิบัติงาน
รักษาคนไข้ที่นี่
"เปล่าครับ ลุงกำนัน ผมขออยู่คนเดียวเงียบๆก่อนน่ะครับ ขอโทษด้วย"
ว่าแล้วชายหนุ่มก็เดินไปนอนบนเปลอวนที่ผูกไว้กับต้นมะพร้าวคู่ริมชายหาดข้างบ้านกำนัน
เราเลิกกันน่ะ กร ขอให้เธอโชคดี ลาก่อน ประโยคนี้เป็นประโยคสุดท้ายที่เขาได้ยินจากปากคนรักและเป็นประโยคเดียวที่ทำให้อารมณ์และความรู้สึกของกรอยู่ในสภาพนี้
จริงน่ะที่เขาว่ากันว่ากาลเวลาที่ผ่านไปสามารถเปลี่ยนแปลงความรู้สึกของคนได้
แต่สำหรับบางคนกลับตอกยำความทรงจำอันนั้นได้ดียิ่งขึ้นเมื่อกาลเวลายิ่งผ่านไปนานเท่าไหร่ ยากที่จะลืม 
ต่อตอนที่ 2				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพ.จินดา
Lovings  พ.จินดา เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพ.จินดา
Lovings  พ.จินดา เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพ.จินดา
Lovings  พ.จินดา เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงพ.จินดา