1 มกราคม 2551 08:05 น.
ฝากรักฟากฟ้า
ชุดนอนแบบกางเกงเปียกลู่ เธอหนาวสั่นสะท้าน พยายามมองไปรอบๆ เธอต้องหนี
เรือนเล็กที่ถูกกระแสน้ำพัดไหวยวบ
...หนี!!!
ไปทางไหนเล่า ที่ไหน..... ต้องหนีไป
น้ำป่าพัดมาแรงและอย่างรวดเร็ว เสียงกึกดังไปทั่วขุนเขาปานจะถล่มทลาย ทอรุ้งเหลือบมองไปทางเนินดอยที่ดำทะมึนอยู่หลังบ้าน ต้องหนีไปที่สูงๆ
....ต้องไป.... ทั่วทุกทางล้วนมีแต่น้ำ สองชีวิตในอ้อมกอดตัวสั่นงันงก ในความความหนาวเย็นถึงหัวใจ ทอรุ้งรู้ถึงน้ำอุ่นที่ไหลมาอาบหน้า
คุณปราชญ์คะ!
ทอรุ้งกรีดเสียงร้องเมื่อมีสิ่งหนึ่งมากระแทกกับเสาเรือนอีกครั้ง เธอถลาไปข้างหน้าหากยังไม่ยอมปล่อยสองชีวิตนั้นออกไป สิ่งเดียวที่เธอคิดได้คือต้องพาทั้งสองหนีไป
เมื่อกระโจนลงจากบ้าน เธอจึงรู้ว่าระดับน้ำขึ้นสูงอย่างรวดเร็วเพียงใด ฝนยังคงตกหนัก ลมพัดอื้ออึงทั่วทุกทิศทางจนไม่สามารถรู้ได้ว่ามาจากทางใดแน่ ฟ้าแลบแปลบปลาบเป็นระยะ
เธอได้แต่วิ่งไปข้างหน้าที่สูงขึ้น บางทครั้งเธอลื่นไถลล้มลงแต่เธอไม่ยอมปล่อยสิ่งใดให้หลุดออกจากอ้อมแขน แสงสว่างที่รัวลาง เม็ดฝนที่ซัดสาด กิ่งไม้ที่ฟาดซัดลงมา เธอไม่ได้สนใจนอกจากพยายามวิ่งขึ้นไป เธอรู้ว่ามันจะขึ้นไปสิ้นสุดที่ใด
เสียงเพลงดังอึงอลจนฟังไมได้ศัพท์ เขาอยากออกไปจากที่บริเวณนี้ มีเสียงหนึ่งดังแว่วมาไกล เขาพยายามฟังหาที่ของเสียง
...อาปราชญ์ อาปราชญ์คะ....
คุ้นๆ คล้ายเคยได้ยินใครคนหนึ่งเรียก เสียงอื่นกลับดังกลบขึ้นมาอีก จนไม่รู้สามารถแยกแยะได้ว่าเป็นเสียงอะไร
.....เร็วค่ะ อาปราชญ์ กลับบ้าน...
เสียงนั้นดังแว่วมาแทรกในเสียงต่างๆ ไม่ใช่เสียงเพลง เขาฟังไม่ได้ศัพท์ เหมือนได้ยินเสียงหวีดร้องเสียงที่คุ้นหู
ป๊ะ!
ปราชญ์ทะลึ่งพรวดขึ้นนั่ง เขามองไปรอบๆ ทุกอย่างเงียบสงัด ไม่มีเสียงดนตรี ไม่มีเสียงหวีดร้อง
เขามองไปรอบห้องจึงนึกขึ้นได้ว่าเขาอยู่ที่ใด และต้องตกใจยิ่งกว่าที่พบว่ามีอีกร่างหนึ่งนอนหลับอยู่เบียดกับเขาบนเตียงเล็กนี้ เขาก้าวลงจากเตียงทันที ร่างนั้นจึงงัวเงียขึ้นตาม
อะไรคะพี่ปราชญ์
งานเลิกแล้วทำไมไม่เรียกพี่ เขาพูดด้วยน้ำเสียงกร้าว พลางตบกระเป๋ากางเกงหากุญแจรถก่อนที่จะล้วงเอามาถือไว้
ก้อส้มเห็นพี่ปราชญ์หลับ ไม่กล้าปลุกนี่คะ
ครับ งั้นพี่จะกลับตอนนี้ล่ะ
เขาเดินออกจากห้องไปทันที ไม่สนใจกับเสียงเรียกของเธอ เขารู้หงุดหงิด กระวนกระวายบอกไม่ถูก เขาหาเครื่องโทรศัพท์อีกครั้งและพบว่าเครื่องถูกปิดไว้! ดังนั้นเมื่อหญิงสาวเดินแกมวิ่งตามเขามาจนทันขณะที่เขากำลังจะปิดประตูรถ ปราชญ์ไม่ได้ออกปากชวนสักนิด
พี่ปราชญ์จะกลับฝางเหรอคะ
ครับ
แต่ ส้มยัง....
พี่ไปล่ะครับ ขอตัว
เขาไม่ฟังเธอพูดจนจบ ยอมเป็นคนเสียมารยาทขับรถออกจากบริเวณที่จอดรถทันที เขากดเปิดเครื่องสักพักสัญญาณเครื่องปรากฎขึ้น เขามีสายเรียกเข้าที่ไม่ได้รับนับสิบสาย เขารีบกดไปยังหมายเลขที่เขาคุ้นเคยมากที่สุด ตอนนี้เกือบตีสาม....
1 มกราคม 2551 06:55 น.
ฝากรักฟากฟ้า
ในตอนสายวันนั้น หลังจากกลับจากวัด ปราชญ์และครูทอรุ้งก็ได้พาน้องฝันไปที่โรงเรียนประจำบ้านหมู่บ้านตามที่ได้นัดหมายไว้กับผู้อำนวยการโรงเรียน ซึ่งต้องทำความเข้าใจอย่างมากกับครูที่จะขอให้รับน้องเข้าเรียนในชั้นเรียนปกติ ด้วยทางโรงเรียนยังไม่เคยรับเด็กกลุ่มนี้เข้าเรียน
จะเป็นไรมั๊ยคะ ถ้าหากช่วงแรกๆ คุณปราชญ์จะช่วยคุณทอรุ้งมาช่วยดูแลน้องฝันถึงห้องเรียนด้วย
ท่านผู้อำนวยการโรงเรียนหญิงเอ่ยปากเชิงขอความคิดเห็น
ได้ครับ ยินดีเลยครับ
อย่างนั้นขอเวลาให้ทางโรงเรียนได้ศึกษาแนวทางที่จะจัดกิจกรรมให้น้องนะคะ ท่านหันมาทางทอรุ้ง ยังไงคงต้องขอคุณแนะนำด้วยนะคะ
ค่ะ
วันนี้จะชมห้องเรียนก่อนมั๊ยคะ อนุบาลหนึ่ง
ท่านผู้อำนวยการหันกลับมาถามปราชญ์ เขาพยักหน้ารับอย่างสุภาพ ท่านจึงให้ครูที่กำลังสอนในชั้นเรียนติดกับห้องสำนักงานช่วยพาทั้งสามไปที่ห้องเรียนอนุบาล
ทุกอย่างเป็นไปอย่างเรียบร้อยน้องฝันได้พบกับคุณครูที่จะดูแลตอนเข้าเรียนและเพื่อนๆ ท่าทางที่ไม่ยอมคุ้นเคยกับคนแปลกหน้าของน้องจะมากขึ้น
น้องฝันไม่งอแงหรอกค่ะ ทอรุ้งบอกกล่าว แต่แรกๆ คงต้องทำความคุ้นเคยมากๆ หน่อย
หากเมื่อมีกิจกรรมร้องรำทำเพลงเธอยืนมองด้วยความสนใจขยับตัวไปด้วย
น้องฝันจะชอบดนตรีนะคะ เวลาทำอะไรด้วยเสียงเพลงจะทำได้เร็ว
ทอรุ้งแนะนำ และก่อนถึงเวลาอาหารกลางวันทั้งสามจึงลากลับพร้อมกับบอกจะนำน้องฝันมาเข้าเรียนในเทอมที่สอง แต่การเข้าเป็นนักเรียนจริงๆ คงเป็นปีการศึกษาต่อไป
ปราชญ์รู้สึกพึงพอใจในการจัดการเรื่องรียนให้ลูกสาวเป็นที่เรียบร้อย ไม่มีปัญหาเรื่องเอกสารหลักฐาน นึกดีใจและขอบคุณที่หมอแนะนำทอรุ้งมาให้ ช่างโชคดีอะไรเช่นนี้ หากไม่ได้ทอรุ้ง เขาเองอาจไม่สามารถจัดการอะไรได้อย่างนี้
เมื่อกลับถึงสวนก็พบว่าป้าพรรณเตรียมมื้อกลางวันสำหรับเลี้ยงเด็กเล็กลูกคนงานในสวน ซึ่งทอรุ้งขออนุญาตเขาไว้เพื่อให้น้องฝันได้มีโอกาสได้คุ้นเคยกับเด็กรุ่นเดียว
ตอนนี้มีเด็กๆ มารออยู่ที่สนามหญ้าด้านหลังบ้านประมานสิบคน แสงจิ่งมารับเด็กน้อยไปร่วมวง นายหรุ่งทำหน้าที่คอยแจกลูกโป่งแก่เด็กๆ
ปราชญ์ไปนั่งที่เก้าอี้สนามอีกด้าน ดูลูกสาวเล่นกับเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกัน เขาไม่เคยคิดที่จะทำแบบนี้มาก่อนนอกจากการเก็บลูกไว้แต่ในบ้าน ด้วยความคิดที่ว่าน้องฝันไม่เหมือนคนอื่น ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ เขามีหน้าที่ปกป้องคุ้มครองเธอแทนแม่ที่ตายไป
ทอรุ้งเข้าร่วมกลุ่มเด็กๆ นำเล่นเกมสนุกๆ โดยการเปิดเพลง น้องฝันยืนมองคนนั้นทีคนนี้ที ไม่ห่างนักมีเจ้าพูห์คอยวิ่งเล่นล่อหลอกกับเด็กๆ ไปทั่วสนามด้วย หลายครั้งที่ทอรุ้งต้องจูงมือเธอเข้ามาร่วมเล่นกับเพื่อนๆ ...ผู้หญิงคนนี้ให้ความหมายกับชีวิตเขาทีละน้อย....
นายระวังอย่าเป็นสมภารซะล่ะ
ปราชญ์นึกถึงคำพูดของผู้เป็นเพื่อนและหมอประจำตัวลูกสาว
คุณทอรุ้งเขาเป็นคนดี ใครอยู่ใกล้จะอดรักไม่ได้
นายด้วยรึป่าว หมอ
ไอ้หมาหวงราง หมอธีรินทร์ตอบกลับไม่ตรงคำถาม
ปราชญ์เคยนึกสงสัยความสัมพันธ์ระหว่างครูทอรุ้งกับหมอธีรินทร์ หากทั้งสองไม่ได้แสดงความกระตือรือร้นที่จะได้พบกันแต่อย่างไร เขารู้สึกพอใจอยู่เงียบๆ แต่คำพูดของเพื่อนกลับทำให้เขาต้องคิดระวังตัว
แหมมมม! พี่ปราชญ์ มองไม่กระพริบตาเชียวเหรอ
น้ำเสียงไม่พอใจของวัสสิกาดังขึ้นอย่างไม่เกรงใจ เรียกเขาละสายตามาจากลานสนามหญ้า
สนุกกันใหญ่เชียว
หญิงสาวพูดพลางทรุดนั่งลงบนเก้าอี้พร้อมกับลากเข้ามานั่งชิดกับเขา วางกระเป๋าหนังราคาแพงบนโต๊ะกับตุ๊กตาตัวใหญ่เท่าขนาดตัวน้องฝัน
ของขวัญวันเกิดน้องฝันค่ะ
ขอบคุณแทนลูกสาวครับ
อะไรกันคะ วันนี้มีเด็กเงี้ยวมาด้วยเหรอ สกปรกจัง
เธอทำเสียงขึ้นจมูก ที่โรงคัดส้มเธอจะมีห้องสำนักงานเฉพาะไม่ให้คนงานเข้ามายุ่งเกี่ยว
ไม่หรอก พวกนี้เขาสะอาดครับ
ทอรุ้งหันมาเห็นผู้มาร่วมงานคนใหม่จึงก้มลงพูดอะไรบางอย่างกับน้องฝัน สักครู่แสงจิ่งจึงพาน้องฝันเดินมาโดยในมือน้อยทั้งสองค่อยประคองแก้วน้ำหวานสีแดงสดใส วัสสิกาเขม้นมองแต่ยังฝืนส่งยิ้มให้เมื่อรู้ว่าชายที่ตนหมายใจไว้มองดูอยู่เช่นกัน
น้องฝัน น้าส้มเอาตุ๊กตาเป็นของขวัญค้วยครับ
จะด้วยอะไรก็ตามเด็กน้อยวางแก้วน้ำอย่างร้อนรนแล้วโผหาผู้เป็นพ่อ ทำให้แก้วน้ำนั้นล้มลงน้ำหวานสีแดงหกไหลเลอะเทอะจากโต๊ะส่วนหนึ่งหยดลงที่กางเกงยีนส์ของวัสสิกา
เธอลุกพรวดพราดชนขอบโต๊ะแก้วน้ำกลิ้งตกลงบนพื้นสนามแตก ปราชญ์อุ้มน้องฝันขึ้นจากพื้นสนาม
ต๊าย กางเกงส้มเลอะน้ำแดงหมดแล้ว เสียงเธอแหลมเกรี้ยวกราด ดูสิ ผู้ใหญ่มีก้อไม่ให้ยกมา ใช้เด็กยกมาแทน
ปราชญ์มองดูกางเกงของเธอ
เลอะไม่มาก จิ่ง! เขาหันไปบอกแสงจิ่งที่ยืนมองอย่างตกใจเช่นกัน พาคุณส้มไปล้างน้ำหวานก่อนไป
ไม่เป็นไรค่ะ ส้มไปเอง
เธอยังค้อนขวับไปที่ทอรุ้งซึ่งกำลังวิ่งมารับน้องฝันจากปราชญ์ เธอกล่าวขอโทษแทนเด็กน้อยที่ยังทำหน้างงๆ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ราวกับไม่ได้เกี่ยวกับตัวเองสักนิด
แสงจิ่งเองยังนึกขยาดคุณส้มเพราะรู้ว่าแม่เลี้ยงคนนี้ถือตัวแค่ไหน จะให้ตามไปดูแลส่วนตัวจริงๆ เธอคงไม่กล้าหรอก
วัสสิการู้สึกว่าตนกำลังโกรธและไม่พอใจอย่างยิ่ง หากวันนี้เธอไม่เข้ามาในสวนด้วยตนเอง ปราชญ์คงจะลืมไปแล้วว่าได้บอกให้เธอมาร่วมงานวันเกิดวันนี้ด้วย
ความจริงเธอได้เสนอให้พาลูกสาวไปกินอาหารที่ร้านอาหารในตัวอำเภอ แต่ปราชญ์กลับบอกว่า ครูทอรุ้งเตรียมการไว้เสร็จสรรพแล้ว ไม่ว่าเรื่องอะไรเดี๋ยวนี้ปราชญ์มักจะออกชื่อครูทอรุ้งบ่อยขึ้น จากสายตาที่เธอเห็นในวันนี้เธอก็พอรู้ว่าปราชญ์กำลังเปลี่ยนไป สายตาที่เขาจับจ้องมองไปที่ครูสาวใหญ่ดูแช่มชื่นและอ่อนโยนอย่างที่เขาไม่เคยมองเธอแบบนั้นบ้างเลย
ตลอดเวลาที่รู้จักกันมาแม้เธอจะแสดงออกว่าเธอรู้สึกอย่างไรต่อเขาเพียงใด ระยะห่างยังคงเท่าเดิม
...จะทำอย่างไรดี ไม่อยากจะสูญเสียเขาไป....
วัสสิกามองดูภาพสะท้อนในกระจกเงา เธอสาวกว่า เปรียบไปแล้วยังสวยกว่าครูทอรุ้งที่อายุมากกว่า หน้าตาจืดๆ นั้น ฐานะรึก็ไม่ได้น้อยหน้าใครในถิ่นนี้ เธอจะยอมเสียเขาไปให้แม่ครูสาวใหญ่คนนั้นละหรือ เธอยิ้มให้กับตนเองอย่างมั่นใจและต้องการเอาชนะให้ได้