15 ตุลาคม 2550 07:14 น.
ฝากรักฟากฟ้า
เรียกว่าเป็นการพูดคุยกันมากกว่าการสัมภาษณ์รับเข้าทำงาน นายจ้างรายแรกของเธอชวนคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้จนเธอนึกแปลกใจว่าทำไมเขาไม่ถามเรื่องงาน
คุณครูเคยมาเที่ยวฝางรึป่าว
เปล่าค่ะ ทอรุ้งตอบ เพิ่งมาอยู่เชียงใหม่ไม่กี่ปีนี่เองค่ะ
ลูกชายคนโตที่เรียนและได้งานทำในเชียงใหม่ขอเธอย้ายมาอยู่เชียงใหม่ด้วย เพราะไม่ต้องการให้แม่ต้องอยู่คนเดียวหลังจากการเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุของผู้เป็นพ่อ ออกมาจากสภาพแวดล้อมที่ไม่เคยมีความประทับใจใดๆ ทอรุ้งรีบปัดความคิดเหล่านั้นออกไปจากความรู้สึก แต่เธอก็ไม่ได้พูดให้นายจ้างฟัง เพียงคิดขึ้นมาวูบหนึ่งในใจ
แล้วรู้จักกับหมอวินทร์ได้ไงล่ะครับ
อ๋อ... พี่หมอเหรอคะ
ปราชญ์รู้สึกสะดุดใจเล็กน้อยกับการเรียกชื่อคุณหมอประจำตัวลูกสาว
รู้จักมานานแล้วค่ะ พอดีขึ้นมาอยู่เชียงใหม่ไม่มีอะไรทำ พี่หมอชวนมาเป็นพี่เลี้ยงอาสาที่ศูนย์ฯ ค่ะ
คำอธิบายเธอสั้นๆ น้ำเสียงมีความพึงพอใจที่ได้เอ่ยถึง
...พ่อม่ายกะแม่ม่ายล่ะว้างานนี้... เขาคิดแต่เรื่องนี้ก็ไม่ได้อยู่ในความสนใจเท่าใดนัก นอกจากการที่ผู้หญิงคนนี้จะดูแลและช่วยเหลือให้ลูกสาวมีพัฒนาการขึ้นได้อย่างที่คุณหมอแนะนำหรือไม่
คุณครูเพิ่งมา ก้อพักผ่อนก่อนมั๊ยครับ พรุ่งนี้ค่อยเจอน้องฝัน
ไม่เป็นไรค่ะ อยากพบกับน้องวันนี้เลยค่ะ จะดีกว่า
งั้นไปที่ห้องของน้องฝันกันเลยดีกว่า ปราชญ์ลุกขึ้นทันที พร้อมกับเดินนำลิ่วไปยังอีกห้องหนึ่ง ทอรุ้งจึงได้แต่วางซองเอกสารสีน้ำตาลไว้บนโต๊ะทำงาน ซองที่มีสำเนาหลักฐานซึ่งเขาได้ฝากบอกให้เธอเตรียมมา หากเขาไม่ได้ถามถึงเลย
ห้องที่เขาเดินนำมานั้นอยู่ส่วนด้านหลัง เป็นห้องที่จัดไว้สำหรับลูกสาวได้อยู่เล่น ทำกิจกรรมต่างๆ และพักผ่อนในช่วงกลางวัน ผนังห้องทาสีชมพูอ่อนๆ ประดับด้วยกรอบรูปภาพกิจกรรมของครอบครัว 2 3 กรอบ ไม่วายสะดุดตากับภาพครอบครัวบานใหญ่ น่าจะเป็นโอกาสพิเศษของใครคนหนึ่งในภาพ โดยเฉพาะผู้เป็นแม่ที่แต่งตัวสวยด้วยชุดชาวเขา ใบหน้าหวาน ผิวขาวดูบอบบาง ยืนอิงไหล่ผู้สามีซึ่งข้างหนึ่งอุ้มลูกสาวตัวน้อยที่มีหน้าตาเหมือนแม่ จากภาพเด็กน้อยน่าจะอายุประมาณ 2 ขวบ
รอบๆ ห้องมีชั้นวางของเล่นต่างๆ อย่างเป็นระเบียบ ตุ๊กตาผ้าหนานุ่มตัวโต ตัวเล็กตัวน้อย ดูไปคล้ายกับเข้าไปในร้านขายของเล่นของเด็กผู้หญิง พื้นห้องปูด้วยพรมหนาสีเหลืองนวล เจ้าของห้องตัวน้อยกำลังง่วนอยู่กับการทำงานอะไรสักอย่างบนผ้าปูรองนั่งผืนใหญ่ โดยมีเด็กหญิงร่างผอมอีกคนอยู่เป็นพี่เลี้ยงไม่ห่าง
น้องฝันจ๋า เสียงทุ้ม ห้าวนั้น เรียกลูกสาวอย่างอ่อนโยนน่าฟัง
น้องฝันเงยหน้าขึ้นทันทีพร้อมกับส่งรอยยิ้มกว้าง หากไม่เหลือบมามองดูผู้ที่เข้ามาใหม่สักนิด
จำคุณน้าคนสวยได้ป่าวเอ่ย ปราชญ์ถามโดยเอ่ยถึงผู้ที่ยืนด้านหลัง ทอรุ้งไม่รู้จะทำหน้าอย่างไรกับการที่เขาเรียกเธออย่างนั้น
น้องฝันไม่สนใจสิ่งที่พ่อพูดเลย หนูน้อยกอดคอพ่อ เอาหน้าเกลือกไปกับหนวดเคราของพ่อเล่นอย่างมีความสุข ทอรุ้งมองดูภาพที่แสนอบอุ่นของสองพ่อลูก เป็นธรรมดาของเด็กที่มีอาการออทิสติกซึ่งจะไม่สนใจคนแปลกหน้า เธอคงต้องใช้เวลาอยู่พอสมควรกับการที่ต้องทำความคุ้นเคยกับเด็กน้อย
มือเล็ก บาง น้อยๆ กำลังปั้นและนวดแป้งสีชมพูสดใสอย่างเบามือ เธอขยำแป้งไปมาตามคำพูดแนะนำของครู ริมฝีปากบางเม้มแน่นแสดงถึงความขมักเขม้น จนถึงขนาดไม่ยอมพูดกับใคร คล้ายมุ่งมั่นทำให้สำเร็จ ขัดกับแววตาที่เลื่อนลอยในบางครั้ง ทำเสียงอืออาในคอ ใบหน้าเรียวเล็กก้มลงจนเส้นผมที่ตัดสั้นระลงมาบังใบหน้าเกือบหมด เจ้าตัวก็ยังไม่ได้สนใจจะปัดขึ้น
ทอรุ้งนั่งมองดูเด็กน้อยอยู่ใกล้ๆ บริเวณพื้นห้อง รอบตัวเกลื่อนไปด้วยของเล่นชิ้นสวย สีสดใส ที่คนเป็นพ่อซื้อมาให้อย่างไม่เคยเสียดายเงินหรือเกี่ยงราคา หลายชิ้นที่ถูกแกะรื้อจนชำรุด
ทอรุ้งหยิบก้อนแป้งโดในกล่องมาก้อนเล็กๆ ขยำ นวดแล้วปั้นเป็นรูปตุ๊กตาตัวจิ๋ว เธอส่งให้เด็กน้อย น้องฝันละมือจากแป้งที่ตนกำลังปั้นทั้นที พร้อมทั้งส่งสียงชอบใจ แววตาที่เลี่อนลอยทอประกายพึงพอใจ
หมา ทอรุ้งพูดช้าๆ น้องฝันเอียงศีรษะจับตามองดูครู
อ๊ะ! เธอเปล่งเสียงออกมา
ไม่ใช่ค่ะ น้องฝัน ทอรุ้งยิ้มและพูดช้าๆ หมา
ม่ะ! ม่ะ! น้องฝันทำปากเลียนเสียงครู ยิ้มกว้างจนเห็นฟันซี่เล็กๆ ที่ผุจากการถูกปล่อยปละละเลย
เช้าวันแรกที่บ้านสวน เธอต้องตกใจกับเสียงกรีดร้องของเด็กน้อย ครั้นไปสอบถามดูก็ทราบว่าเป็นเรื่องปกติของที่นี่ น้องฝันไม่ยอมให้แปรงฟันจนต้องมีเรื่องให้วุ่นวายกันทุกเช้า และในที่สุดก็ไม่มีใครที่จะเอาใจใส่เรื่องการแปรงฟันอีก ทำให้สุขภาพในช่องปากของน้องฝันแย่ลง
กว่าเธอจะสามารถโน้มน้าวให้น้องฝันยินยอมได้ ใช้เวลาหลายวันอยู่ แต่นั่นหมายถึงเธอต้องตื่นแต่เช้าทุกวันไปคอยรอรับลูกสาวนายจ้างและพาไปทำกิจกรรมเช้าล้างหน้าแปรงฟัน อาบน้ำ เดินเล่น ก่อนถึงอาหารเช้า และเกือบทุกเรื่องที่เธอไม่ได้เป็นเพียงครูสอนพิเศษในบ้าน แต่กลายเป็นพี่เลี้ยงพิเศษไปด้วย
สิ่งที่ได้รับเป็นเรื่องที่น่ายินดีกับพัฒนาการ ที่เด็กน้อยเริ่มวางใจยอมให้เธออยู่ใกล้และหันมาพูดคุย ตอบสนองปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้างมากขึ้น
แม่หนูน้อยมีสภาพปัญหาที่บกพร่องมาตั้งแต่กำเนิดหลายด้าน ในช่องปาก เธอมีเนื้อเยื่อที่ยึดใต้ลิ้นทำให้การเปล่งเสียงพูดเป็นไปได้ยาก หมอวินทร์ซึ่งแนะนำไว้เกี่ยวกับการทำกายภาพบำบัดและการช่วยเหลือฝึกด้านการพูดของน้องฝัน ภายหลังการเข้ารับการผ่าตัดเนื้อเยื่อใต้ลิ้น
ต้องฝึกให้น้องฝันออกเสียงพื้นฐานก่อนนะ เขาย้ำมา
ระยะเวลาร่วมเดือนกับการที่ได้เข้ามาเป็นครูพิเศษ เธอพูดคุยกับปราชญ์ผู้เป็นพ่อของน้องฝันเกี่ยวกับแนวทางที่จะช่วยเหลือลูกสาวสุดที่รักให้เติบโตขึ้นอย่างเด็กปกติทั่วไปให้มากที่สุด
ทอรุ้งบอกถึงการจัดกิจกรรมต่างๆ ให้น้องอย่างค่อยเป็นค่อยไป ไม่เร่งรีบเกินไป ซึ่งเขาก็ยินดีให้ความ่วมมืออย่างเต็มที่ แต่ในทางปฏิบัติ ทอรุ้งเห็นเพียงเขาอำนวยความสะดวกต่างๆ ให้เธอสามารถดูแลลูกสาวคนเดียวของเขาอย่างดีที่สุดมากกว่า
ม๊ะ! น้องฝันส่งเสียงขึ้นมาเจื้อยแจ้ว ทอรุ้งเงยหน้าขึ้นมองด้วยความงุนงงที่น้องฝันเรียกเธอด้วยคำที่เธอสอนไปสักครู่
ม๊ะ! ม๊ะ! น้องฝันรัวเสียงก่อนจะลุกพรวดพราดขึ้น ก้อนแป้งโดหลากสีร่วงกระจาย ทอรุ้งนั่งงงกับปฏิกิริยที่เปลี่ยนไปฉับพลันของเด็กน้อย
หนูน้อยเดินรี่ตรงไปที่ชั้นวางเครื่องเล่นดีวิดี ทอรุ้งจึงเข้าใจ เธอลุกขึ้นเดินตามไปพลางถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน
น้องฝันจะร้องเพลงเหรอคะ
เธอไม่ตอบแต่แหงนมองหน้าคุณครู ทำปากขมุบขมิบ ทอรุ้งสบตาใสแจ๋วคู่นั้น
...เหมือนแม่จังเลย... ทอรุ้งคิดอยู่ในใจพร้อมกับเอื้อมมือข้ามศีรษะเด็กน้อย เลือกหยิบแผ่นDVD ลงมา 2 3 แผ่น ก่อนที่จะคุกเข่าลงข้างตัวส่งให้หนูน้อยเลือกอีกครั้งหนึ่ง