8 กันยายน 2550 06:55 น.
ฝากรักฟากฟ้า
ทอรุ้งรู้สึกรำคาญเล็กน้อยกับการที่ต้องมานั่งรถโดยสารในวันที่อากาศร้อนอบอ้าวอย่างนี้ สัมภาระแค่กระเป๋าใบใหญ่ใบเดียวเท่านั้นเอง เด็กท้ายรถช่วยกันยกจนตัวเอียงเก็บไว้ใต้ท้องรถ ทอรุ้งหิ้วเพียงกระเป๋าโน้ตบุ๊คขึ้นไปบนรถรอเวลารถออก
ช่วงบ่ายอย่างนี้ผู้โดยสารไม่ค่อยแน่น นั่งสบายๆ ทอรุ้งจึงสามารถนั่งเบาะอย่างสบายๆ คนเดียว การเตรียมตัวเดินทางวันนี้ทำเอาเธอเพลียมาก ทั้งยังจะมาเจออากาศอบอ้าวแบบนี้ เธอคิดว่าเดี๋ยวคงจะนั่งหลับแน่เลย เมื่อคืนก็ยังหลับดึกอีกด้วย แต่คราวนี้เธอต้องไปรับงานไกลบ้านจึงต้องจัดการสิ่งต่างๆทางบ้านให้เรียบร้อย
รุ้งสนใจงานดูแลเด็กมั๊ยล่ะ พี่หมอที่คุ้นเคยกันมานานเอ่ยถามขึ้นมาในวันหนึ่ง
ดูแลเด็กแบบที่ศูนย์นี่เหรอคะ เธอย้อนถาม
ก้อคล้ายๆกัน แต่คนนี้ผู้ปกครองเขาอยากได้พี่เลี้ยงแบบอยู่ประจำเลย
วันนั้นเธอลังเลไม่ได้ตอบรับปากไปทันที งานดูแลเด็กที่เธอไปทำเป็นงานตามความพึงพอใจ ที่เธอเลือกทำหลังจากการลาออกจากงานประจำ ประกอบกับรู้จักกับคุณหมอธีรินทร์เป็นการส่วนตัวมานาน เธอจึงอาสามาช่วยงานดูแลเด็กในศูนย์พัฒนาเด็กแห่งนี้เท่าที่เธอจะสามารถมาได้
อย่างรุ้งไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนะ พี่ว่า เพราะเจ้าลูกชายทั้งสองก้อโตๆ กันแล้ว คุณหมอพยายามหว่านล้อม พ่อของเด็กเขาอยากได้คนดูแลที่มีอายุแล้วก้อความรู้ในการดูแลเด็กออทิสติกด้วย รุ้งน่ะเหมาะ
บทสรุปง่ายๆ กับข้อเสนอค่าตอบแทนที่สูงพอสมควร ทำให้ทอรุ้งนำมาคิดและถามความเห็นของลูกชาย ซึ่งก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร ลูกชายคนโตแม้จะเพิ่งเรียนจบก็มีงานทำที่พอจะสามารถดูแลน้องชายที่กำลังเรียนอยู่ในระดับอุดมศึกษา
แม่จะไปอยู่ได้เหรอ ในสวนจะแบบไหนก้อไม่รู้
เจ้าคนเล็กตัวสูงไม่วายกังวลเล็กๆ
อยู่ได้สิ ไม่น่าจะมีอะไรนะ ทอรุ้งยืนยัน
ความจริงเธอก็ตัดสินใจเองได้แต่ด้วยความคุ้นเคยที่อยู่ด้วยกันสามแม่ลูก ที่มักจะพูดคุยกันเสมอในทุกเรื่อง
ในที่สุดเธอก็ตอบตกลงกับหมอธีวินทร์ที่จะเดินทางไปทำงานดูแลเด็กในที่ที่เธอยังไม่เคยได้ไปมาก่อน ข้อมูลรายละเอียด ข้อตกลงต่างๆ ล้วนสำเร็จลงไปด้วยคุณหมอเป็นผู้จัดการให้ และวันนี้เธอกำลังเดินทางไปทำงานกับนายจ้างที่เธอไม่เคยรู้จักมาก่อน
มองไปไกลๆ ในทิศทางที่กำลังเดินทาง อดหวั่นวิตกไม่ได้กับเมฆฝนที่ดำทะมึนข้างหน้า เพราะพี่หมอบอกว่าต้องใช้เวลาเดินทางมากพอสมควร แล้วยังต้องเดินทางเข้าไปที่สวนผลไม้อีกต่อหนึ่ง โชคดีที่ทางนายจ้างจะมารอรับที่ท่ารถ ทอรุ้งเอาโทรศัพท์มาเช็คหมายเลขติดต่อที่พี่หมอเอื้อเฟื้อให้อีก ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรแล้ว
ทอรุ้งนั่งมองออกไปนอกรถพร้อมกลับคิดเรื่องนั้นเรื่องนี้ไปเพลินๆ จนเคลิ้มหลับไป สักพักเธอต้องตกใจตื่นขึ้นมาเมื่อรู้สึกมีอะไรมากระทบแขนแรงๆ จนต้องลืมตาขึ้นมา
อ๊ะ! อ๊า! เสียงร้องใสๆ ที่ไม่เบานักดังขึ้น ทอรุ้งลืมตาขึ้นมาก็พบดวงตาดำขลับใสแจ๋วของเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งดูเหมือนถุกอุ้มมาจ่อมวางที่เบาะนั่งเดียวกับเธอโดยไม่ทันระวัง เท้าคู่น้อยในรองเท้าผ้าใบจึงเหยียบลงบนท่อนแขนของเธอเต็มๆ
โอ๊ะ! ขอโทษครับ นึกว่าว่าง เสียงห้าวๆ ดังมาจากด้านหลังก่อนที่จะชะโงกหน้ามา
ไม่เป็นไรค่ะ นั่งได้ เธอตอบพลางขยับให้เด็กหญิงตัวน้อย ขาว บาง เหมือนตุ๊กตาแก้ว ร่างสูงใหญ่จึงนั่งลงอีกด้านหนึ่งก่อนที่จะโอบร่างน้อยๆบางๆนั้นไปกอดอย่างทะนุถนอม
อ๊ะ! เด็กน้อยส่งเสียงดังแจ้ว ทอรุ้งต้องหันกลับไปมองอีกครั้ง แก้มใสบาง ขาวซีดๆ ปากบางสีแดงสดระบายยิ้มพร้อมกับส่งเสียงที่ฟังไม่เข้าใจ ผู้เป็นพ่อเหลือบมองดูทอรุ้งอย่างเก้อๆ
ขอโทษนะครับ เขาพูดเบาๆ ดึงมือลูกสาวที่กำลังเอื้อมไปแตะกำไลหยกที่ข้อมือทอรุ้งอย่างใคร่รู้ แต่ดูเหมือนเด็กน้อยจะไม่สนใจ ยังคงส่งเสียงคล้ายพยายามพูดแต่เสียงที่เปล่งออกมาไม่มีใครเข้าใจได้เลยนอกจากผู้เป็นพ่อ
ลูกสาวพูดไม่ได้ครับ เพิ่งไปผ่าตัดใต้ลิ้นมาเกือบสองเดือนเองครับ เขาอธิบายท่าทีผ่อนคลายกว่าทีแรก เมื่อเห็นทอรุ้งไม่ได้แสดงท่าทางรังเกียจลูกสาว ทอรุ้งมองด้วยความทึ่ง เด็กน้อยยังสนใจกำไลหยกโดยพยายามจะเอื้อมมือจับข้อมือของเธอ ทอรุ้งส่งข้อมือให้อย่างไม่ได้นึกรังเกียจแต่อย่างใด นอกจากความรู้สึกเอ็นดู
อดสังเกตลักษณะของเด็กน้อยไม่ได้ อายุไม่น่าเกิน 3 ขวบเพราะตัวเล็กเหลือเกิน สายตาที่มองดูเลื่อนลอย เธอมักจะมองเลยไปไกลกว่าคนที่นั่งอยู่ตรงหน้า ชี้ดูสิ่งนั้นสิ่งนี้ ส่งเสียงอ้อแอ้วุ่นวาย ผู้โดยสารหลายคนที่นั่งที่นั่งใกล้ๆ เริ่มหันมาด้วยสายตาที่บอกความรู้สึกที่แตกต่างกัน ตำหนิติเตียน รำคาญ เวทนา อยากรู้อยากเห็น ใบหน้าที่รกด้วยหนวดเคราหันมามองทอรุ้งด้วยความรู้สึกอึดอัด หวาดระแวง แต่เมื่อเห็นหญิงสาวมีกิริยาที่เป็นมิตรต่อลูกสาว แววตาที่มองมาจึงคลายความอัดอึดลงไปบ้างหากยังคงหวาดระวัง
...อืม เด็กคนที่จะต้องไปดูแลจะเป็นยังงี้รึป่าวนะ.... ทอรุ้งนึกสงสัย พี่หมอไม่ได้ให้รายละเอียดมากนักบอกแค่เพียงว่าเป็นเด็กออทิสติก อื่นๆ ก็คงต้องไปพูดคุยกับผู้ปกครองของเด็กเอง
เด! เด! เด็กน้อยส่งเสียงพร้อมกับเอามือเล็กมือนั้นตีไปที่ท่อนแขนผู้เป็นพ่ออย่างแรง อ๊า!
เธอชี้มาที่ทอรุ้ง พยามยามส่งเสียงที่เข้าใจกันเฉพาะสองพ่อลูก ผู้เป็นพ่อยิ้มให้อย่างเอ็นดูก่อนที่จะก้มลงพูดกับลูกเบาๆ แต่ดูท่าทางอีกฝ่ายจะไม่รับรู้กลับส่งเสียงดังมากขึ้นและพยายามดึงมืออกจากการเกาะกุมของพ่อ มาจับแขนของทอรุ้งและพยายามจะพูดด้วย
อย่ายุ่งน้าลูก
คะ!
เอ่อ....น้องฝันคงสนใจที่คุนกำลังฟังอยู่มั้งครับ เขาอธิบายเบาๆ กับทอรุ้ง ด้วยความอึดอัดอีกครั้งกับสายตาของผู้โดยสารสาวสวยเบาะหน้าที่หันมามอง
อ่อ....ไม่เป็นไรค่ะ ทอรุ้งตอบ และถอสายดหูฟังข้างหนึ่งส่งให้เด็กน้อย ฟังด้วยกันค่ะ
เธอเหน็บหูฟังให้ เมื่อน้องฝันได้ยินเสียงเพลงจากเครื่องเล่นตัวจิ๋ว ทุกอย่างจึงดูสงบลง ผู้เป็นพ่อกล่าวขอบคุณทอรุ้งอย่างเกรงอกเกรงใจ
ทอรุ้งทิ้งตัวลงบนเตียงที่สะอาดเอี่ยม ความเย็นฉ่ำของเครื่องปรับอากาศในห้องพักช่วยผ่อนคลายอาการวิงเวียนและความเหนียวหนับเนื้อตัว ในที่สุดเธอก็เดินทางมาถึงเมืองฝางหลังจากที่นั่งรถจากตัวเมืองเชียงใหม่ร่วม 3 ร่วมชั่วโมง เส้นทางที่คดเคี้ยวในขุนเขาทำให้เธอมีอาการวิเวียนเมารถพอสมควร ทั้งยังต้องหงุดหงิดอีกกับการผิดนัดของนายจ้าง
ป้อเลี้ยงไปเวียง ยังบ่ ปิ๊กมาเตื่อ คำตอบจากแม่บ้านที่รับโทรศัพท์ รถตี้สวนก่อซ้ำมาหลุ เลยบ่ มีรถไปฮับครู ครูเข้าพักตี้โรงแรมก่อนเน้อเจ้า
คุณแม่บ้านก็ได้จัดแจงให้เธออย่างคล่องแคล่วพร้อมแนะนำที่พักให้เสร็จสรรพ ซึ่งดูเหมือนจะคุ้นเคยกับการจัดหาที่พักพอสมควร เพราะเธอสามารถเข้าที่พักตามคำแนะนำอย่างสะดวกสบาย และยังได้รับคำตอบว่าจะส่งรถมารับในพรุ่งนี้เช้า เธอจึงรู้สึกคลายกังวลไปพอสมควร
ทีแรกทอรุ้งคิดว่าจะออกไปเดินเที่ยวดูร้านรวง หลังการอาบน้ำเพื่อทำความรู้จักกับถิ่นใหม่ที่เธอจะมาอยู่ร่วมปีตามสัญญาว่าจ้าง แต่ครั้นทำธุระส่วนตัวเรียบร้อยจริงทอรุ้งก็เปลี่ยนสั่งอาหารขึ้นมาที่ห้องและพักผ่อนเท่านั้น
.....โปรดติดตามต่อไปวันเสาร์.....
18 เมษายน 2550 22:41 น.
ฝากรักฟากฟ้า
"ปิงปิง ดูนี่สิ" เสียงจูเนียร์อู้อี้ๆ อยู่ข้างหน้าต่าง ปิงปิงชะเง้อขึ้นมองก็เห็นจูเนียร์ยืนบนขอบหน้าต่าง ในปากคาบตัวอะไรสักอย่างมา
"อะไรอ่ะ" ปิงปิงถาม จูเนียร์ทำเสียงครางในคอ
"อย่าเสียงดัง เดี๋ยวแม่ได้ยิน"
"อะไรๆ" ปิงปิงยิ่งถามเสียงดังลั่น จูเนียร์กระโดดตุ้บลงมาข้างโต๊ะทำงานของแม่ริน สายตาระแวดระวัง เซเว่นเข้ามาผสมโรง
"เอามาจากไหนเหรอ"
"บนต้นมะม่วง" จูเนียร์วางไอ้ตัวนั้นลงแต่ยังเอาเท้าเหยียบไว้ ปิงปิงรู้สึกตื่นเต้นมาก
ไอ้ตัวนั้นปิงปิงยังไม่เคยเห็น ตัวมันไม่มีขน หนังย่นๆ ลายจุดแดงๆเขียวๆ มีขาสั้นสี่ขา หางมันอวบๆ ยาวเกือบพอๆ กับตัวมัน คล้ายจะเคยเห็นที่ไหนซักที
"ปิงปิง เธอดมเฉยๆ สิ" จูเนียร์พูดหวง หมอบอยู่ตรงกันข้ามกับเซเว่น โดยมีไอ้ตัวนั้นนอนนิ่งอยู่ตรงกลาง
"ตายยัง" ปิงปิงถามอย่างสงสัยเมื่อเห็นมันนอนนิ่งไม่กระดุกกระดิก เลยพิสูจน์กลิ่น ฉับพลันไอ้ตัวนั้นมันลืมตา อ้าปากกว้างแดงแจ๋ขึ้นมา
"อ๊ายยยยยย!" ปิงปิงร้องลั่นด้วยความตกใจ "แม่!!!!! จูเนียร์เอาตะเข้มาบ้านนนนนนนนน"
ปิงปิงโวยวายเพราะเกิดจำได้ทันทีว่าเคยเห็นในทีวี ไม่ได้ๆ อย่างนี้อันตราย ปิงปิงส่งเสียงเรียกแม่พร้อมกับวิ่งวนเพื่อสะกัดเมื่อเห็นมันเริ่มคืบคลาน แต่ไม่พ้นอุ้งเล็บมารของเซเว่น ตบพั่บเข้าให้
"ส่งมาๆ เซเว่น" จูเนียร์กระโดดขึ้นอย่างคล่องแคล่ว ตะครุบไว้
ดูสิ...สองตัวนี่ไม่รู้จักอันตรายกันบ้าง แม่รินไปไหนนะ ไอ้ตะเข้ขึ้นบ้านแล้ว เดี๋ยวก้อโดนกินกันทั้งบ้านหรอก
...อะไรกันอีก หา! .... นั่น แม่รินมาแล้ว
"จูเนียร์เอาตะเข้ขึ้นบ้านอ่ะ แม่" ปิงปิงรีบฟ้อง
จูเนียร์คาบเจ้าตะเข้น้อยไว้แน่น แม่รินหันไปคว้าไม้ขนไก้ปัดฝุ่นที่แขวนข้างโต๊ะทำงานออกมา
....ปล่อยตุ๊กแกเดี๋ยวนี้ จูเนียร์...
"ไม่!" จูเนียร์ครางเสียงแข็งเล็กน้อย ตาจ้องมองไม้ในมือแม่
....ปล่อยนะ ไม่งั้นแม่จะตีจูเนียร์....
"ไม่ปล่อย หนูอุตส่าห์ปีนขึ้นไปเอามาบนต้นมะม่วง"
....อดอยากมากรึไง ปล่อยนะ...
"ไม่ปล่อย! ของหนูนะ"
....ปล่อย! .... แม่ฟาดไม้เปรี้ยง! ที่ข้างฝา จูเนียร์สุดุ้งโหยง อย่าว่าแต่จูเนียร์เลย เซเว่นยังกระโดดหนีออกหน้าต่างไปเลย ไอ้ตัวนั้นอ่อนระทวยหล่นตุ๊บจากปากจูเนียร์
"ไม่ใช่ตะเข้เหรอจ๊ะ แม่" ปิงปิงถาม แม่มัวแต่เอาไม้เขี่ยๆ ไอ้ตัวลายนั่นไม่สนใจตอบคำถาม
....ดูสิ เค้ายังไม่ทันตายเลย.... แม่ค่อยๆ เอาไม้จิ้มๆ สีข้าง ประมาณว่าปั๊มหัวใจให้มั้ง ไอ้ลายไม่ยังกะสำนึกบุญคุณ พอมันฟื้น มันก้อส่งเสียงขู่พร้อมกับอ้าปากกว้างอย่างน่ากลัว
...ตุ๊กแกนี่เวลามันกัดเรานะ ต้องรอให้ฟ้าผ่าเชียวนะ มันถึงจะปล่อยเรา... แม่รินอธิบายอย่างใจเย็นพร้อมกับพยายามเขี่ยไอ้ตะเข้น้อยนั่นออกบ้านไป
"ตุ๊กแกเหรอจ๊ะ แม่" ปิงปิงเอียงหน้ามองอย่างสงสัย "ตุ๊กแกกะตุ๊กเข้ คงเป็นญาติกันเนอะ แม่"
...อย่าเสียงดัง ออกไปห่างๆ เดี๋ยวมันกัด แม่ไม่ช่วยนะ.... แม่ว่าพลางก้อเขี่ยจนพ้นประตูไป มันค่อยคลานไปอย่างสงบ ก่อนจะลับตามันยังหันมามองหน้าแม่ริน
...มันคงสำนึกในบุญคุณเนอะ ปิงปิง... แม่รินพูดไปหัวเราะไป ....เอ้า อย่าลืมไปคาบหีบสมบัติมาให้ด้วยล่ะ ฮ่าๆๆๆๆๆ....
เซเว่น จูเนียร์ ทับทิม แล้วก้อทับทิมน้อย นั่งมองมาจากต้นมะม่วงที่อยู่หลังบ้าน ใกล้หน้าต่างห้องแม่ แม่รินหันไปสำทับ
....อย่าไปคาบเขามาอีกนะ หิวก้อไปกินอาหารในชามนู่น....
"ใช่ๆ ตุ๊กแกน่ากลัวเหมือนตุ๊กเข้นะ" ปิงปิงบอกย้ำ
"แม่รินไม่เห็นกลัว" ทับทิมเปรย
"นั่นสิ วันก่อนเห็นก้อจับเขียดของฉันไปทิ้งเฉยเลย"
ผู้ก่อการนั่งหมอบวิจารณ์แม่อยู่บนต้นมะม่วงเฉยเลย ปิงปิงเองยังตื่นเต้นไม่หาย ไม่เคยเห็นญาติห่างๆ ของจระเข้ใกล้ชิดอย่างนี้มาก่อน ส่วนแม่รินก้อกลับไปนั่งทำงานต่อ
ในใจของปิงปิงยังคงตื่นเต้นไม่หาย เหมือนกับตอนที่ตามแม่เข้าไปในสวนข้างบ้าน เคยเจองูตัวนึง ปิงปิงส่งเสียงเอะอะแต่แม่กลับยืนนิ่งๆ บอกปิงปิงให้เงียบด้วยน้ำเสียงเบาๆ ปิงปิงตื่นเต้นแทบตายแต่แม่รินกลับเฉย
เคยเห็นแม่รินเอะอะเหมือนกันเวลาเจอตัวบุ้ง แต่แม่ก้อยังอุตส่าห์ใช้ไม้หรือกระดาษเขี่ยมันไปได้อย่างไม่รู้สึกอะไร
"ปกติผู้หญิงต้องกลัวตัวแมงต่างๆ" เซเว่นแสดงความคิดเห็น
"ฉันไม่เห็นกลัว" ทับทิมหันมาพูด
"เธอมันพวกไม่ปกติมั้ง" เซเว่นปรายตาพุด
"เซเว่นว่าแม่รินด้วยเหรอ" ปิงปิงประท้วง "นู๋ก้อกลัวนะ"
"ไม่น่าเชื่อ!" เซเว่นกับจูเนียร์พูดพร้อมกัน
"ท่าเป็นคุนนายน้ำตาลละก้อน่าเชื่อ" เซเว่นเปรยเมื่อเห็นคุนนายน้ำตาลเดินผ่านมา
"ยุ่งอะไรกับฉันยะ ฉันลูกแม่เต็มตัว" เจ้าหล่อนตอบด้วยมาดสาวมั่น โบกหางเป็นพวงผ่านกลุ่มไปอย่างไม่แยแส
...ใครเอาจิ้งเหลนมาอีกแล้ว... หัวข้อสนทนายังวุ่นวายอยู่กับการกำจัดตัวประหลาดต่างๆ ปิงปิงไม่อยากฟ้องเลยจริงๆ นะ
แล้ววันหนึ่งก้อเกิดเรื่องจนได้ เย็นวันนั้นเป็นวันที่แสนสบาย แม่รินนั่งทำงานตามเคย ปิงปิงนอนเล่นบนเก้าอี้หน้าทีวี คุนนายน้ำตาลนอนอารมณ์ดีอยู่หน้าประตูห้อง สี่เกลอไม่รู้ไปไหน
เป็นเวลาที่ดีจริงๆ แม่เปิดเพลงเบาไปด้วย แต่ปิงปิงชอบนอนฟังทีวีมากกว่านะ เฮ้อ....ปิงปิงชอบนอนบิดตัวไปมาบนเก้าอี้ตัวนี้จริงๆ
"ปิงปิง..." เสียงเรียกเบาๆ จากหน้าต่าง ปิงปิงพลิกตัวกลับหันไปมองก็เห็นตาคมๆ หูแหลมๆ สีดำของเซเว่นโผล่มา
"รัยอ่ะ"
"แม่รินอยู่ป่าว"
"อยู่ ทำงานอ่ะ" ปิงปิงชักสงสัย เซเว่นทำลับๆล่อๆ
"อย่าเสียงดังนะ เอาของมาฝาก" เสียงเซเว่นแปลกๆ ปิงปิงทำตาโตเซเว่นกระโดดเข้ามา
"รัยอ่ะ" ปิงปิงถามทันทีที่เห็นสิ่งที่เซเว่นคาบมา
"ของเล่น กินด้ายด้วย" เซเว่นวางลงกับพื้น ปิงปิงกระโดดลงไปดูด้วยความสนใจ ไม่ใช่ตุ๊กเข้แหละ หน้าแหลมๆ ตัวอ้วน หางยาวเรียว
"หว่าย เซเว่น" ปิงปิงทักท้วง "เดี๋ยวแม่ด่าตายเลย"
เซเว่นไม่สนใจ ตวัดเล็บเหวี่ยงไอ้ตัวนั้นขึ้นอย่างแรง มันต้องสะดุ้งตื่นพอดี หล่นพื้นดังตั๊บ! เซเว่นไม่มีทางให้มันหลุดอุ้งเล็บไปได้หรอก
"อย่าให้มันไปทางแม่นะ ปิงปิงสะกัดไว้เลย"
"ได้ๆ เหยียบแล้ว"
"เตะมาเลย ปิงปิง"
เริ่มสนุกแหละ ปิงปิงกับเซเว่นดักหน้าดักหลังมันอย่างสนุกสนาน
...ทำอะไรกันอีกล่ะ.... เสียงแม่รินบ่นมา ทั้งสองหยุดเล่น นิ่งตัวแข็งไป 3 วินาที
"เซเว่น มันวิ่งไปทางแม่แล้ว"
"ระวังปิงปิง เดี๋ยวแม่จ....." เซเว่นห้ามไม่ทันเสียแล้ว
.....ว๊ายยยยยย!!!!!..... กริ๊ดดดดดดดดดดด
เสียงแม่ร้องลั่นบ้าน ชั่วพริบตาเดียวแม่รินหายไปจากโต๊ะทำงานทันที จนปิงปิงตกใจ
....เอาไปนะ เอาไป๊!!.....
เสียงแม่ตะโกนลั่นออกมาจากอีกห้องนึง ปิงปิงวิ่งตามแม่ไปแต่แม่ไม่ยอมเปิดประตูออกมาเลย
ก่อนปิดปากกา
โชคดีนะที่วันนั้นลูกชายอยู่บ้าน ไม่งั้นยังนึกไม่ออกว่าจะทำยังไงกะเจ้าหนูยักษ์ตัวนั้น หึ๋ยยยยย....แค่คิดยังขนลุก
23 กุมภาพันธ์ 2550 06:38 น.
ฝากรักฟากฟ้า
ปิงปิงเฝ้าดูแม่มาหลายวันแหละ ทุกเย็นแม่จะออกไปข้างนอกนานๆ แล้วก้อกลับมาบ้านด้วยท่าทางที่ร่าเริงกระหยิ่มยิ้มย่องแปลกๆ
"สงสัยจะมีฟามรัก"
เซเว่นแสดงความคิดเห็นอย่างผู้มีประสบการณ์ ปิงปิงไม่เห็นด้วยหรอกแต่ก็อดคลางแคลงใจไม่ได้ หมู่นี้แม่จะมีกลิ่นน้ำหอมแปลกๆ ด้วย
"ใครจะมาจีบแม่รินลง" จิ๊กโก๋หนุ่มหล่อประจำบ้านส่งเสียงมาร่วมรายการจากเก้าอี้โต๊ะคอมฯ
"ไม่แน่น๊า หายออกไปอย่างบ่อยๆ"
ต่างก็แสดงความคิดเห็นกันไปตามประสบการณ์และความเชื่อของตนเอง เป็นอย่างนี้มาหลายวัน จนกระทั่งวันหนึ่ง...
...เฮ้ มาดูอะไรกันเร็ว...
เสียงแม่รินเจื้อยแจ้วมาพร้อมกับเสียงครางที่ไม่คุ้นหู ตุ้มเม้งหนุ่มร่างกำยำแต่เตี้ยวิ่งนำไปก่อน ตามด้วยปิงปิงและจิ๊กโก๋ เซเว่นค่อยเดินตามอย่างมาดมั่น
แม่รินยืนยิ้มกริ่ม ในมือแกว่งพวงกุญแจห้อยลุกกระพรวนทองเหลืองดังกรุ๋งกริ๋งๆ เล่นข้างกล่องขนาดยักษ์ ...ใหญ่พอจะบรรจุแม่และลูกๆ ได้หมดเลย
....รู้จักมั๊ย รถอ่ะ...
รถ! ปิงปิงทำเสียงประหลาดใจ เจ้ากล่องนั่นเองเหรอที่เขาเรียกว่า รถ ตัวมันแปลกๆ ไม่มีขน มีแต่หนังมันๆ วาวๆ สีเขียวน้ำทะเล(แม่รินว่าแบบนี้) เสียงมันครางกระหึ่มจนลุงแสบต้องส่งเสียงกำราบตัดไม้ข่มนามไว้ก่อน ตามแบบฉบับของลุงแสบ
ลุงแสบอ่ะนะไม่ชอบเห็นอะไรหรือใครอยู่ใกล้แม่เลยนะ วีรกรรมเรื่องหวงแม่รินของลุงแสบนี่เป็นที่ร่ำลือ ไว้วันหลังค่อยเล่า ตอนนี้วีรกรรมของแม่น่าสนใจกว่าอีก
...ออกไปห่างก้อด้าย น้ำตาล อย่าตะกุย....
แม่ดุคุณนายน้ำตาลที่กำลังสำรวจอย่างใกล้ชิดโดยพยายามเกาะแกะไปรอบๆ แต่สิ่งที่คุณนายต้องการเกาะมากกว่าคือแม่รินที่ก้าวลงมาพร้อมกับถุงที่มีกลิ่นอาหารน่ากินนั่นต่างหาก
วันนี้แม่มีไก่ย่างแหง
คุณนายพูดลอยๆ ชวนให้สมาชิกอื่นๆ ส่งเสียงตอบรับด้วยความยินดี แต่ปิงปิงดีใจที่แม่กลับมาบ้านนะไม่ใช่ไก่ย่างในถุงนั้นหรอก
...พรุ่งนี้จะพานั่งรถเที่ยว ใครจะไปยกหางขึ้น ฮ่าๆๆๆๆๆ....
แม่หัวเราะชอบใจ ปิงปิงหัวเราะตอบพร้อมกับโบกหางถี่ๆ
หนูจะไปๆๆๆๆ อยากนั่งรถวันนี้เลย
กินไก่ย่าง - คุณนายน้ำตาล
อยากได้ตรงน่อง - ตุ้มเม้ง
ชอบตรงคอนะ - ตังเม
ปีกสิหร่อยกว่าอีก - จิ๊กโก๋
ชั้นจะกินหมดเลย - ลุงแสบ
....โห ดีใจกันใหญ่เลย จะได้นั่งรถ... - แม่รินบอกชนิดไม่ฟังกันมั่งเลย แต่ก้อโชคดีที่แม่ฉลองไก่ย่างเสียโดยเร็ว
และแล้ววันที่รอคอยก็มาถึง เช้าวันต่อมาแม่พาปิงปิงและสมาชิกนั่งรถเที่ยวจนได้
...ปิงปิง ไปนั่งเบาะนู้น... แม่บอกตอนที่ปิงปิงกระโดดขึ้นรถก่อนใคร จิ๊กโก๋ค่อยๆ ตะกายขึ้นมา ส่วนตังเมแม่อุ้มวางบนเบาะอย่างทะนุถนอมก่อนจะหันไปดุคุณนายน้ำตาลและตุ้มเม้ง
...ที่นั่งหน้าเต็ม ไปเบาะหลังเลยนะ...
แม่ริน ลุงแสบจาไปด้วยแน่ะ
...แสบอยู่บ้านนะคับ รถเต็มแล้ว...
เฮอะ ตัวเหม็นแบบนี้ แม่ไม่ให้ไปด้วยตะหากเล๊า คุณนายเสริมคำพูดแม่ขณะที่นั่งเชิดหน้าบนแผ่นพลาสติกที่แม่เอาปูเบาะ
วันหลังลุงแสบให้แม่อาบน้ำสิ ปิงปิงชะโงกหน้าออกไปบอกลุงแสบ
ไปโดยไม่ต้องอาบน้ำก้อด้าย ลุงแสบตอบห้วนๆ แต่พูดกับแม่อ่ะดี๊ดี ลุงแสบไม่เคยพูดกะใครดีๆ หรอก ชอบทำตัวเป็นนักเลงโต
...เอ้า นั่งกันดีๆ น๊า แม่จะออกรถล่ะ ไม่ต้องกลัวจ้า....
ผู้โดยสารนั่งนิ่งเงียบขณะที่แม่ค่อยๆ ถอยรถออกจากใต้ถุนบ้าน
"แม่ริน หนูต้องรัดแบบแม่รึป่าว ปิงปิงถามพร้อมกับพยายามเขี่ยสายอะไรสักอย่างที่อยู่บนเบาะ
...ปิงปิงอย่ากัดเข็มขัดสิ ไม่ต้องไปยุ่งกะมัน...
หนูจาดูข้างนอกให้นะ
...อย่าชะโงกหน้าออกไป.... แม่ดุพร้อมกับกดปุ่มปิดหน้าต่าง เล่นเอาเกือบหนีบจมูกโด่งๆ ของปิงปิงซะแล้ว
แอร์เย็นดีนะ ปิงปิง
...จิ๊กโก๋อย่ามานั่งตรงช่องแอร์สิ เดี๋ยวเป็นหวัด... แม่เอื้อมมือมาผลักจิ๊กโก๋ให้ห่างจากช่องแอร์ แต่ไม่เป็นผลหรอกเพราะจิ๊กโก๋ชอบที่เย็นๆ เวลาอยู่บ้านชอบนั่งหน้าพัดลมทุกครั้งที่แม่เปิด
แม่ๆ อยากดูข้างหน้าอ่ะ ก้มหัวหน่อยสิ
...ตุ้มเม้ง เอาเท้าลงจากหัวแม่เดี๋ยวนี้... แม่ส่ายหัวหลบตุ้มเม้ง เบรครถเบาๆ จิ๊กโก๋ไม่ทันระวังตัวเลยลื่นตกเบาะไป แม่หัวเราะชอบใจ ....สมน้ำหน้า...
แม่พูดแบบไม่รับผิดชอบผู้โดยสารเลยนะ จิ๊กโก๋บ่นกระปอดกระแปดก่อนที่จะขึ้นมานั่งอีกครั้ง
แม่ริน คุณนายท่าทางไม่ดีเลย
...ปิงปิงอย่าเสียงดัง นั่งเฉยๆ แบบน้ำตาลบ้างสิ...
ไม่หนุกเลย
แม่ริน ตังเมนอนเหงื่อแตกเลย
...ปิงปิงอย่ายุ่งตังเมได้มั๊ย ตายแล้ว! ตังเม หนูเป็นไรคะ... แม่เบรคอีกครั้งก่อนที่จะคว้าเอากระดาษทิชชูมาซับน้ำลายตังเมที่กำลังไหลออกมาเยิ้มปาก
แม่จ๋า คุณนายก้อดูจะแย่นะ
ปิงปิงยื่นหน้าไปบอกแม่ แต่แม่สนใจตังเมผู้หน้าสงสารมากกว่า ปิงปิงหันไปมองคุณนายน้ำตาลอย่างเห็นใจ แต่คุณนายกลับนั่งวางมาดอย่างเย่อหยิ่งทั้งๆ ที่แววตามันฟ้องอาการ
...งั้นเดี๋ยวกลับบ้านกันดีกว่า ตังเมไม่ค่อยสบาย...
ว้า! - ตุ้มเม้ง
เฮ้อ! - จิ๊กโก๋
ฮือๆ - ตังเม
อืออออ อึ๊ก! - คุณนาย
...กลิ่นอะไร ตุ้มเม้งปล่อยกลิ่นอีกเหรอ... แม่ตวาดแว้ดพร้อมกับเหยียบเบรกอีกหน
ผมป๊าว คุณนายตะหาก
ปิงปิงหันไปมองคุณนายน้ำตาลที่กำลังทำท่าออกอาการแพ้ท้องอยู่เบาะหลัง
...ตายแล้ว น้ำตาล!!! อย่านะ.....
สายไปซะแล้ว แม่รินจ๋า คุณนายโก่งคอคายอาหารมื้อกลางวันออกมา อืม..ดูเหมือนจะมีมื้อเช้าหลงเหลือเล็กน้อย ปิงปิงสังเกต
หมายเหตุ
การพาลูกสมาชิกออกเที่ยวของแม่รินก้อจบลงด้วยดี ...เหรอ... ไม่ใช่หรอก ต้องเอารถไปทำความสะอาดอย่างแรงเลย ดีนะที่เอาพลาสติกรองเบาะไว้ซะก่อน คุณนายน้ำตาลเลยอดไปเที่ยวกับแม่รินตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ลูกๆ ตัวอื่นยังสนุกสนาน ถึงแม้ตังเมจะอาการไม่ดีเท่าไหร่แต่ก้อยอมไปด้วยทุกครั้ง ตอนขึ้นรถใหม่ก็ดีหรอกแต่พอรถสตาร์ทเท่านั้นแหละ เหงื่อแตกพลั่กๆ ส่วนปิงปิงนะเหรอแค่หยิบพวงกุญแจขึ้นมา สาวสวย ขาว อึ๋มตัวนี้ก็ไปนั่งรอที่รถแล้ว....
8 กุมภาพันธ์ 2550 11:37 น.
ฝากรักฟากฟ้า
เช้าๆ อย่างนี้ไม่มีอะไรจะมีความสุขมากไปกว่าการได้ซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มอุ่น เฮ้อ....ฟามสุขอันท่วมท้นในบ้านเล็กๆ หลังนี้ ท่ามกลางความรัก...ความฝัน...... อืม....กระดูกชิ้นเล็กๆ สักชิ้นดีมั๊ยนะ
"แม่ๆ ลุกเถอะ" ปิงปิงเอื้อมมือไปสะกิดแม่ แม่ชอบนอนคลุมโปงที่สุด สาวน้อยตัวอ้วนค่อยๆ เอาจมูกไปซุกไซ้ผ้าห่ม
...ว๊อย!
พรึ่บ!!!
โดยไม่ทันระวังตัว ปิงปิงจึงมีอันต้องกลิ้งหล่นตุบลงไป เงยหน้าส่งสายตาตัดพ้อแต่แม่ไม่ทันเห็นหรอกเพราะผลุบเข้าไปในผ้าห่มอีกรอบ
"แม่จ๋า...แม่รินคนงาม...." อืม...แม่สอนให้ใช้คำนี้กะแม่นะ
"ไม่ไปทำงานเหรอเช้าแล้วๆๆๆๆๆๆ"
ปิงปิงยังไม่ละความพยายาม คราวนี้ลงทุนขึ้นไปนอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนผ้าห่ม พลันเหลือบไปเห็นเซเว่นเดินอยู่นอกหน้าต่าง
"เซเว่นๆ เช้านี้อยากกินไร บอกแม่สิ"
เซเว่นต้องไปหาแฟนมาแน่ๆ เลย เดินยิ้มกริ่มไม่ยอมพูดจา
"อยากกินคอนเฟล๊กรสสาหร่าย หนังหมูกรอบ....นมรสสตรอเบอรี่"
....หนกหูน่ะ ปิงปิง....
"ตื่นนะแม่ ตื่นสายไม่ดีต่อสุขภาพ"
....ใครบอก นอนตื่นสายได้วันนี้วันนี้....
"ท้องมันม่ายหยุดหิวนี่"
ปิงปิงตอบพลางหอมแก้มแม่แพล่บนึง แม่หัวเราะคิกก่อนที่จะกอดปล้ำปิงปิง
"เล่นด้วยสิปิงปิง"
...เอ้า เซเว่น ไปหาแฟนเพิ่งกลับบ้านเหรอย่ะ....
แม่ทักทายอย่างอารมณ์ดีก่อนจะลุกไปเปิดหน้าต่าง ลมเย็นกรูเข้ามาพร้อมกับร่างเพรียวของเซเว่นที่กระโดดเข้ามาอย่างว่องไว
"อยากกินหมูทุบนะแม่เช้านี้"
....แมวทุบกะหมาทุบดีมั๊ย....
"ใจร้ายนะแม่"
แม่ลุกมาบิดขี้เกียจสองสามตลบอย่างอาลัยอาวรณ์ผ้าห่ม แม่ตื่นเช้าเสมอภารกิจตอนเช้าไม่มีอะไรนอกจากเดินออกไปเสียบกาน้ำร้อนแล้วก้ออาบน้ำแต่งตัว
.....ปิงปิงลงจากเก้าอี้ แม่จะแต่งหน้า...
ม่ายอ่ะ หนูจะแต่งด้วยนี่นา
ปิงปิงส่งยิ้มผ่านกระจก สาวอึ๋มนี่ชอบนักกับการนั่งหน้ากระจกโต๊ะเครื่องแป้ง นั่งมองภาพตัวเองอย่างชื่นชม แม่บอกไม่ชอบผมสีขาว แม่ทำสีผมสีประหลาดๆ แต่ปิงปิงชอบผมสีขาวปลอดของปิงปิงเองจังเลยนะ แม่ยืนแต่งตัวอยู่ข้างหลังปิงปิงหยิบโน่นๆนี่ละเลงบนใบหน้า กระปุกมั่งหลอดมั่ง กลิ่นแปลกๆ
....ปิงปิงอยู่เฉยๆ อย่ายุ่งครีมของแม่ กินไม่ได้หรอกจ๊ะ....
ถึงให้กินปิงปิงก็ไม่กินหรอก กลิ่นไม่เห็นอร่อยเลย แต่ปิงปิงเป็นนักสำรวจนี่นาอยากรู้ว่ามันเป็นอะไรมั่ง ทับทิมน่าจะได้ใช้แบบแม่บ้าง เซเว่นจะได้ไม่ต้องหนีเที่ยวตอนกลางคืน
อย่าเอาฉันไปเกี่ยวได้ป่าว
ทับทิมเดินส่ายสะโพกเข้ามาในห้อง ทับทิมเป็นแฟนของเซเว่นแต่เซเว่นเจ้าชู้ ทับทิมน่าจะบำรุงเนื้อบำรุงตัวแบบปิงปิงบ้าง ผู้ชายคงไม่ค่อยชอบผู้หญิงผอมๆ บางๆ
อ้วนอย่างเธอเหรอ
นี่ ป้า แบบนี่เขาเรียกว่าอวบอิ่มจ๊ะ
ทับทิมทำหน้าเซ็งๆ ให้ปิงปิง เจ้าหล่อนนั่งเช็ดหน้าเช็ดตาด้วยท่าทางที่ไม่เห็นเซ็กซี่ตรงไหนสู้ปิงปิงกีไม่ได้
....สีนี่สวยมั๊ย ปิงปิง สีใหม่เลยเข้ากะชุดแม่ดีนะ.....
แม่อวดลิปสติกสีสวย อยากลองใช้อย่างแม่บ้างจัง อืมมมมมม....บำรุงผิวบำรุงหน้า ไม่เห็นเหมือนโลชั่นที่แม่ใช้บำรุงผมให้ปิงปิงเลย แม่หมุนตัวไปมาอยู่หน้ากระจกก่อนจะยิ้มหวานให้ปิงปิงและปิงปิงก็ยิ้มตอบ
.....ยิ้มน่าเกลียด ปากกว้างเชียวปิงปิง....
แหม แม่นะแม่....ปิงปิงทำตาปะหลับปะเหลือกตามหลังแม่ที่เดินออกไป เดี๋ยวคงได้เวลาอาหารเช้า อืม...ลิปสติกสีสวย กลิ่นหอมใช้ได้ จะเหมาะกับปิงปิงบ้างมั๊ยนะ น่าทดลองใช้บ้าง อ่ะ สาวงามต้องรู้จักแต่งตัวเสริมบุคลิกภาพ นี่..แม่พูดบ่อยๆ ปิงปิงจำได้
อืม รสชาติ เอ๊ย สีสวยกลิ่นหอม ใช้ได้เลย ทับทิม ดูสิ สวยมั๊ย
เอาของแม่ไปเล่น เดี๋ยวก้อได้เรื่องหรอก
ปิงปิงไม่สนใจคำพูดของทับทิมหรอก ไปกินข้าวดีกว่า แม่ต้องอุ่นไส้กรอกชีสแน่นอน กลิ่นนี้คุ้นเคย ปิงปิงลงจากเก้าอี้หน้าโต๊ะอย่างสาวมั่น
.....ว๊ายยยยยยยย.... เสียงสนั่นลั่นบ้านของแม่เองแหละ ตะลึงในความงามของปิงปิงล่ะสิ ฮะๆๆๆๆ
....ตายแล้วปิงปิง นั่นมันๆ ลิปสติกแม่นี่ โว๊ยๆๆๆๆๆๆๆๆๆ.....
หมายเหตุ
ตะลึงเพราะปากของปิงปิงแดงแจ๋ด้วยลิปสติกแสนสวยและแพงแสนของแม่ บนโต๊ะเหลือแต่ซากลิปสติกที่แตกหักจากแท่ง โธ่เอ๊ย! แม่ทั้งโกรธทั้งขำ ปิงปิงทำตาปริบๆ เอียงซ้ายเอียงขวามองแม่ ฮ่าๆๆๆๆ....ปากสิแดงสดใสคาบไส้กรอกชีสไว้อย่างมั่นคง ปิงปี๊งงงงงงงงงงงงง......
1 กุมภาพันธ์ 2550 15:59 น.
ฝากรักฟากฟ้า
มันเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นด้วยความสุข สนุกสนาน เป็นเรื่องราวในชีวิตประจำวันของสาวน้อยอันมีนามว่า ...ปิงปิง... ขาว อวบ อึ๋ม...พอสมควร นัยน์ตาหวานยั่วยวน(กวนมะโห)
ปิงปิงสาวน้อยผู้ร่าเริง....มีรอยยิ้มที่ชวนยิ้มตอบ
"เซเว่นจ๋า"
ตื่นนอนก่อนใครๆ และพร้อมเล่นทันทีที่ลืมตา
เซเว่น...แมวหนุ่มหลุ่อหุ่นสมาร์ทมาดขรึม นอนหลับสนิทสนมบนที่นอนอันแสนอบอุ่น เขาลืมตาขึ้นมานิดหนึ่งก่อนจะอ้าปากหาวและบิดตัวอย่างเกียจคร้าน ก่อนที่จะพลิกตัวนอนท่าใหม่
"อือ... อย่าเพิ่งกวนได้ป่าว"
"เช้าแล้วน่ะ"
"หนาวจะตาย ไปชวนจูเนียร์เถอะ"
ถึงแม้เซเว่นจะตอบมาแบบนี้ ปิงปิงก็ไม่ได้สนใจ พยายามจะซุกตัวเข้าไปหาเซเว่น ขณะเดียวกันจูเนียร์ก็ลืมตาขึ้นมาดูด้วยความสนใจ แววตาขี้เล่นเริ่มฉายออกมา
"เล่นไรอ่ะ"
"ไล่จับ" ปิงปิงหันมาตอบ
"หิว กินก่อนด้ายป่าว"
"แม่ยังไม่ตื่น" ปิงปิงใช้จมูกดุนตัวจูเนียร์พร้อมกับเอามือ(เท้า)ตะปบหัวจูเนียร์
"เฮ้!" จูเนียร์ปัดออกอย่างรำคาญ "แน่จริงเข้ามาดิ"
"ออกมาเล่นข้างนอกสิ เดี๋ยวแม่ดุเอาหรอก"
....อือ...หนวกหูวุ๊ย ปายเล่นที่อื่น....
แม่สาวน้อยจอมซนเริ่มสนุก วิ่งวนไปรอบๆ มุ้ง ส่วนจูเนียร์ค่อยลุกมานั่งมองดูอีกฝ่ายโดยก้าวขึ้นไปนั่งบนผ้าห่มนวมผืนใหญ่ที่คลุมตัวแม่ก่อนที่จะกลิ้งตกลงมาบนที่นอนอีกครั้งหนึ่ง
"ออกมาๆ"
...ปิงปิง อย่าเสียงดังลูก แม่ยังไม่ตื่น.... เอาผ้าคลุมโปงไว้เผื่อไม่ได้ยินเสียง แต่ไม่ได้เป็นอย่างที่คิดเลยนะ
ปิงปิงวิ่งวนพร้อมกับส่งเสียงท้าทาย จูเนียร์กระโดดข้ามไปข้ามมาระหว่างแม่กับเซเว่น เซเว่นหลบเข้าไปใต้ผ้าห่มด้วยความรำคาญ ลมเย็นเยือกผ่านวูบเข้าไป แม่ต้องเก็บชายผ้าห่มใหม่
....อย่ามาเล่นตรงมุ้ง ปายๆๆๆ.....
ไม่มีใครฟังแม่เลย ปิงปิงหลอกล่อจูเนียร์อย่างครึกครื้น ช่างเป็นเช้าตรู่ที่มีความสุขอะไรเช่นนี้ วันนี้แม่ตื่นสายได้
"แม่บอกว่าอย่ากระโดดมาที่มุ้ง"
"งั้นจูเนียร์ออกมาสิ"
"ม่ายออกเฟ้ย เข้ามาสิ"
.....ออกไป๊!.... เป็นปกาศิตสวรรค์ใต้ผ้าห่ม แม่เอื้อมมืออกมาคว้าจูเนียร์จับโยนออกไปนอกมุ้ง ...คนจาหลับ หมาแมวม่ายเกี่ยวเฟ้ย....
สงครามหฤหรรษ์ก้อบังเกิด ห้องนอนแสนอบอุ่นและเงียบสงบก็จากไป ปิงปิงกับจูเนียร์ต่างร่าเริง จูเนียร์วิ่งนำ ปิงปิงไล่ตาม จากรอบๆ มุ้งก้อมุดไปใต้โต๊ะทำงาน จูเนียร์กระโดดไปบนกองเอกสาร
"ฮ่าๆๆๆๆๆๆ จ้างก้อจับไม่ได้"
"รอเดี๋ยวๆๆ อย่าท้า!"
จูเนียร์กระโดดแผล็วขึ้นไปอยู่บนโต๊ะทำงาน ถึงแม้ปิงปิงจะอวบไปหน่อยแต่คล่องตัวมาก กระโดดไปตามกองเอกสาร
"ไล่ฉันไม่ทันหรอก"
"คอยดูสิ"
"ตามมาเลย"
จูเนียร์ท้าทายก่อนกระโดดอย่างว่องไวไปบนหลังคามุ้ง ปิงปิงก็ไวพอที่จะกระโดดงับหางอย่างฉิวเฉียด
ตุ๊บบบบ! ผึง!!!!!!!!!!
....โว๊ย!....
แม่โผล่พรวดออกมาจากผ้าห่ม กลับถูกมุ้งพันตัวจนไม่มีทางออก ปิงปิงตะกุยตะกายอย่างดีใจ
"แม่ๆๆๆๆๆ ตื่นแล้วเหรอจ๊ะ"
หางเป็นพวงสวยปัดไปมาถี่ๆ จูเนียร์เดินทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ลงจากที่นอน กว่าแม่จะตะกายออกมาได้ เช้าที่อบอุ่นและแสนสุขก็หมดไป ไม่มีตัวไหนสนใจกับหน้ายุ่งๆ หัวฟูๆ ของแม่เลย...นอกจาก ปิงปิง ที่รักแม่ตัวเดียว...พยายามเอาใจแม่โดยการกระโดดเลียหน้าแม่
หมายเหตุ
....เราสื่อกันอย่างเข้าใจแม้จะไม่มีคำพูดใดๆ.... ปิงปิงชอบเล่นกับเซเว่นและจูเนียร์ อืม...ลืมบอกไปอีกแหละ ปิงปิงเป็นสาวลูกผสมที่แม่ไม่สามารถบอกได้ว่า ผสมอะไรมั่ง ดูหน้าและรูปร่างแล้วนึกไม่ออก ขนสีขาว...ตัวเตี้ย หางเป็นพวง...ง่า เหมือนไม้กวาด....ปิงปิงซุกซนมากพอกับจูเนียร์ จำได้ติดตากับภาพหมาตัวอ้วนๆ ที่กระโดดโผลงมาบนหลังคามุ้ง ....แล้วมานก้อตกแอ่ก!
1 กพ. 5