8 พฤษภาคม 2548 15:45 น.
ผู้เฒ่า
ส่งมือให้..ฉันที.อย่าหนีหน้า
ส่งมือมา..ฉุดหน่อย.อย่าปล่อยฉัน
มีชีวิต..ทรมาน.มานานวัน
อย่าทิ้งกัน..คนดี.อย่าหนีไป
ฉันยื่นมือ..จนสุด.ต้องหยุดแล้ว
เสียงครวญแผ่ว.ชอกช้ำ.พร้อมร่ำไห้
อย่าทอดทิ้ง..ลืมเลือน.สะเทือนใจ
ฉุดฉันไว้..อย่าเพียงแค่.เอาแต่มอง
ช่วยฉุดฉัน..จากเล่ห์.ทะเลรัก
ที่มันกัก..ฉันไว้.จนใจหมอง
ฉันลอยคอ..จนปัญญา น้ำตานอง
จึงขอร้อง..อย่าลืมกัน.ช่วยฉันที
ถ้าแม้นว่า..ฉันขาด.วาสนา
เธอเห็นค่า..เป็นขยะ.แล้วผละหนี
ขาดแม้ผู้..เวทนา.คนปราณี
ฉันวันนี้..คงเหลือแค่.คราบน้ำตา
มองฟากฟ้า..แสนไกล.เกินใฝ่ฝัน
มือที่สั่น..ฝันเชื่อม.จะเอื้อมหา
เพียงสองมือ..ที่ยื่น กลับคืนมา
สิ่งที่คว้า..ได้เคียง..แค่เพียงเงา
ยังลอยคอ..รอคน.ช่วยพ้นทุกข์
เสี้ยวความสุข..ขอปัน.สะบั้นเหงา
โยนเป็นทาน..แม้จะแกล้ง.ยังแบ่งเบา
ความว่างเปล่า.เศร้าโศก.ในโลกตรม
เป็นคำขอ..ครั้งสุดท้าย.จากชายหนึ่ง
ที่ซาบซึ้ง..ในนิยาม.ความขื่นขม
ดึงมือฉัน..จากห้วง ความระทม
อย่าปล่อยจม..โดดเดียว..ช่วยเหลียวแล.@..
วันนี้ลองเขียนแบบออเซาะบ้าง..แต่ขอเป็นมือนะ..ก้อนหินไม่เอา.
.
8 พฤษภาคม 2548 15:39 น.
ผู้เฒ่า
นี่ไงปืน ยื่นส่ง ให้ตรงหน้า
ฆ่าก็ฆ่า เหนี่ยวไก อย่าไหวหวั่น
ยอมทุกอย่าง ถ้าโกรธ ลงโทษทัณฑ์
มืออย่าสั่น อ่อนไหว เหนี่ยวไกเลย
ให้ฉันตาย ล้มลง อยู่ตรงหน้า
จะไม่ว่า แม้คำ จะทำเฉย
ตายด้วยมือ ละมุน ที่คุ้นเคย
จะมิเอ่ย ขอร้อง แม้ต้องตาย
เพียงอย่าโกรธ เย็นชา ไม่ว่ากล่าว
ทุกเรื่องราว สอบถาม หาความหมาย
ให้โอกาส ฉันอีกที อธิบาย
เรื่องวุ่นวาย เข้าใจผิด เธอคิดเอง
หญิงมากมาย ผูกพัน ฉันท์พี่น้อง
ใยเธอจ้อง เอาอารมณ์ เข้าข่มเหง
นางใดอื่น หมื่นหญิง อย่ากริ่งเกรง
เพียงครื้นเครง คบหา สมาคม
รักมิใช่ ของชำร่วย เพื่อฉวยแจก
แต่ต้องแลก กันด้วยใจ ให้เหมาะสม
โทษเจ้าชู้ สร้างข้อหา ใช้อารมณ์
ทำฉันตรม หมดชื่น ทุกคืนวัน
ถ้าไม่เชื่อ เบื่อคำ ที่พร่ำวอน
วานสมร เข่นฆ่า ให้อาสัญ
ปืนในมือ ถือไว้ ทำไมกัน
เล็งให้มั่น ยิงเปรี้ยง อย่าเลี้ยงเลย
ถ้ามืออ่อน หวั่นไหว เข้าใจฉัน
เชื่อใจกัน เรื่องราว ที่กล่าวเผย
ยิ้มสักนิด อบอุ่น คนคุ้นเคย
แล้วเอื้อนเอ่ย ปืนขาดลูก ยิงถูกบ่ตาย@
4 พฤษภาคม 2548 10:00 น.
ผู้เฒ่า
..ยามราตรีคุยกับพระจันทร์
กลางวันยอกเย้าพระอาทิตย์
มีชีวิตอยู่กับดิน และชอบกิน ท่ามกลาง
สายลมแสงแดด
ตะวันย่ำสนธยา หมู่นกกาบินกลับรัง
บนผาแห่งความหลัง สถิตฝังใจมิเลือน
ก้อนหินยังคงอยู่ มันมองดูคอยย้ำเตือน
ประดู่ ใบหล่นเกลื่อน นั่นพุดเขาเราเคยดม
ลานหินตรงมุมแคบ เราเคยแอบอภิรมย์
สองร่างเคยชิดชม นั่นลั่นทมขาวเกลื่อนตา
เคยเสียบดอกข้างหู เอียงคอดูกัลยา
ผิวผ่องพิศโสภา นัยนาดั่งดวงเดือน
ร่ำกลิ่นเจ้าหอมกรุ่น ร่างละมุนมิลืมเลือน
วันผ่านยังคอยเตือน โศกเสมือนจะขาดใจ
เจ้านกกางเขนดง ร้องโผ.ลงระหว่างไพร
ส่งเสียงมาปราศรัย เหตุไฉนพี่ต้องตรม
โอ้อนาถเจ้านกเอ๋ย ยากจะเอ่ยความขื่นขม
เพราะรักเคยชิดชม กลับระทมทรมาน
จวบสิ้นแสงตะวัน แว่วเสียงลั่นกังสดาล
ย่างเข้ารัตติกาล ภวังค์ผ่านเป็นเรื่องราว
ฟากฟ้ามีพระจันทร์ ใกล้ใกล้กันมีดวงดาว
ประดับนภาพราว เด่นสกาวบนฟ้าไกล
เหมันต์แห่งความหลัง ประดุจดังเพิ่งผ่านไป
ยามหวนกลับมาใหม่ ยังคงไว้ความทรงจำ
ขาดแต่มิ่งสมร เจ้าจากจรสุดชอกช้ำ
ลืมถ้อยเคยร้อยคำ เจ้าใยทำให้พี่ตรม
กึ่งคืนที่ยืนเศร้า อยู่กับเงาความระทม
บาดแผลในอารมณ์ ยากจะข่มสวาทวาย
หลับตาหวนระลึก นัยสำนึกที่ห่างหาย
หนึ่งหญิงกับหนึ่งชาย .. ครามั่นหมายใคร่ภิรมย์
ลานหินแม้นจะแคบ สองร่างแนบชิดเชยชม
ใต้ฟ้าห้อมสายลม โผเหินหาว สู่ฉิมพลี
ลั่นทมหอมขจาย ฤากลิ่นกายของเจ้านี่
ปั่นป่วนดวงฤดี.. ทุกนาทียังตรึงตรา
หอมเอ๋ยเจ้าผิวผ่อง ยามประคองเจ้าอิงหา
เอนพบสบสายตา.. ดั่งดาราพรรณราย
กองไฟที่ก่อเกื้อ ยามแนบเนื้อหมดความหมาย
แสงส่องที่พร่างพราย. สะท้อนผิวระยับไว.
โอบกอดพลอดคำหวาน ร่างสะท้านเจ้าสั่นไหว
ยินเสียงจากห้วงใจ . ระรัวเรียกขวัญพี่เอย
เจ้านกโพระดก ร้องโขกป๊ก.โอ้ละเหย
แอบมองร้องเฉลย หรือมันเคยแอบมองใคร
จุมพิตสนิทนวล เฝ้าทบทวนสนิทใน
ว่ายเวิ้งเชิงวิสัย. รสวิไลเสน่ห์คง
รสรักมโนภาพ ยังกำซาบให้ลุ่มหลง
จูบเงาร่างระหง ใฝ่พะวงภาพมายา
เหลือพี่ตรงที่เก่า คงสิ้นเงาเจ้ากลับมา
สิ้นซากเสน่หา.. ประหนึ่งว่าตายจากกัน
จนรุ่งอุษาสาง ฟ้าสว่างลบภาพฝัน
สิ้นรักเคยผูกพัน สัญญามั่นเป็นเพียงลม
หมอกขาวคลุมหน้าผา..หยุดเวลาความระทม
หยุดโลกที่โศกตรม ฝังมันจมพร้อมน้ำตา
ก้าวผ่านในม่านหมอกจนหลุดออกนอกหน้าผา
สำนึกสุดท้ายว่า. ขอชาติหน้า..ค่อยพบกัน@