30 กันยายน 2547 19:44 น.
ผู้เฒ่า
แผ่วละมุนอุ่นไอสายใยรัก
ยามประจักษ์รักสนิทยิ่งคิดหวน
โลกตระการคู่กันใจรัญจวน
หอมอบอวลกรุ่นกลิ่นระรินทรวง
เฝ้าหลงใหลหนห้วงเสน่หา
ดั่งวิญญาน์เดินแดนณ.แมนสรวง
ยามสุรีย์ตกดินจนสิ้นดวง
ยิ่งหวงห่วงนุชนาฎแทบขาดใจ
ยินเสียงแว่วบรรเลงบทเพลงหวาน
เคยประสานเสียงสวรรค์มิหวั่นไหว
ณ.ราตรีจันทร์กระจ่างแสนห่างไกล
ยังฝันใฝ่คู่เคียงยินเสียงเธอ
เพียงขอบฟ้ากั้นขวางหนทางรัก
ยังแคบนักรักโอบ อ้อมเสมอ
มิห่างไกลใจเหลี่อมจะเอื้อมเจอ
มิคอยเก้อเพ้อพร่ำเพียงลำพัง
กลีบกุหลาบน่าชมดั่งพรมหอม
ให้เจ้าจอมเยื้องกรายอย่าคลายหวัง
ทุกย่างก้าวรักเป็นเช่นกำลัง
ให้ทุกครั้งมั่นใจแม้ไกลกัน
ลมเจ้าเอ๋ยฝากคำนำไปบอก
ใช่จะหลอกยอกย้อนทุกตอนฝัน
เสน่หาแผ่ขจายสายสัมพันธ์
หวนถึงวันซาบซึ้งเป็นหนึ่งเดียว.@
28 กันยายน 2547 20:23 น.
ผู้เฒ่า
เพราะหัวใจเทียบเคียงเพียงกำปั้น
เธอจะบั่นหั่นเชือดให้เลือดไหล
หรือคอยเฉือนค่อยค่อยแล่แล้วแต่ใจ
ฉันจะไม่คร่ำครวญให้หวนคืน
จะเย้ยหยันเหยียบย่ำขยำขยี้
เชิญคนดีลงแรงอย่าแสร้งฝืน
ทุกบาดแผลแม้เจ็บจะเก็บกลืน
ยิ้มระรื่นเพื่อเธอเสมอไป
มิยอมหลั่งน้ำตามาเป็นเพื่อน
จะคอยเตือนรักสิ้นอย่ารินไหล
ปล่อยให้ท่วมเคว้งคว้างอยู่ข้างใน
มิให้ใครยลหน้าอาบคราบน้ำตา
จงหยิบมีดกรีดแน่นแน่นตรงแผ่นอก
มิตระหนกอกข้างซ้ายอย่าย้ายหนา
คว้านกว้างกว้างปักจ้วงดวงใจมา
ถือเป็นค่าครูสอนตอนรักกัน
มิเจ็บปวดร้าวใจเท่าใดนัก
เอาพิษรักบูชาเป็นค่าฝัน
คนโง่งมคือเรามิเท่าทัน
สารพันเรียนเสน่ห์หลงเล่ห์กล
ยอมเพื่อเธอทุกอย่างบนทางฝัน
จบสิ้นกันยังยอมถนอมผล
เหลือเพียงซากไร้ใจผู้ใดยล
ขอเป็นคนเปล่าเปลี่ยวเพียงเดียวดาย.@
24 กันยายน 2547 23:08 น.
ผู้เฒ่า
จะตัดใจให้คลายสายสวาท
แต่มิขาดใจตระหนกโอ้อกเอ๋ย
รอยรักรุนรบเร้าเราอย่างเคย
มิอาจเฉยฉ้อฉลกลหัวใจ
คงเป็นกรรมซ้ำทางแต่ปางก่อน
มิอาจถอนซากฝันให้หวั่นไหว
น้ำท่วมปากย้อนยอกเกินบอกใคร
แม้หลับไหลฝันผวาทุกนาที
ชีวิตล่มจมห้วงเสน่หา
หยาดน้ำตาเอ่อนองให้หมองศรี
จะสานสายใยรักและภักดี
สักกี่ปีสมถวิลที่จินต์ปอง
ง่ายนักหรือยื้อทิ้งทุกสิ่งรัก
จะหาญหักฝันอยู่เป็นคู่สอง
แต่ต้อยต่ำเตี้ยติดจะคิดครอง
จึงไตร่ตรองลองพักความรักเอย@
-- ขอหยุดพักรักษาเวลาหวาน
เก็บให้นานเนาสถิตย์นิจจาเอ๋ย
บนฟ้าไกลใสกระจ่างมองอย่างเคย
มิละเลยห่วงถนอมเจ้าจอมใจ --
17 กันยายน 2547 10:04 น.
ผู้เฒ่า
มาตัวเปล่าเล่าเปลือยมิเหนื่อยนัก
ไม่มีรัก โลภโกรธหลง พะวงหา
ทุกข์และสุขมิได้ติดกายมา
ทั้งเสื้อผ้าค่าหัวใจก็ไม่มี
จนเติบใหญ่ระหว่างทางชีวิต
จึ่งเริ่มคิดไขว่คว้าเพิ่มราศี
คิดตะกายหมายมั่นสรรสิ่งดี
สร้างชีวีตามกฎในบทคน..
คำแรก..ที่เราพูดได้ คือคำว่าเอามา..
ตอนเราโตรู้ความ มักจะโดน ป๋ากับแม่..คุยกันและ ล้อเราพร้อมเสียงหัวเราะ-
อย่างสนุกสุขใจเสมอ..ว่าเราโตขึ้น คงจะ..งก..อะไรก็คง..เอามา..อย่างเดียว.
เราไม่ค่อยคิดอะไรมากนัก กับคำๆนั้น..จำได้แต่ว่า ชีวิตในวัยเด็กของเรา-
ไม่นิยมแย่งอะไรกับใครจนกระทั่ง..ถึงช่วงวัยนึง...ตอนเรียน ป.4
ไม่เดียงสาต่างกายหว่างชายหญิง
แต่ฝันพิงอิงใจเข้าใกล้สาว
มิแก่แดดใช่เขื่องรู้เรื่องรู้ราว
เพียงทุกคราวหวังไว้อยู่ใกล้เธอ..
ที่คิดได้..อาจจะเป็นความรู้สึก..เอามา..ครั้งแรกเป็นความรู้สึกของทารก..
สมัยนั้นป.4 เรียนเรื่องพระอภัยมณีเช้าๆ เราจะรีบมาโรงเรียนแต่เช้า และจะไปเขียนกลอน-ไว้บนกระดานดำ รอให้เธอมาอ่าน..นั่นเป็นการเขียนกลอนครั้งแรกๆ แต่มันจะเป็นกลอนหรือเปล่า-เราก็จำไม่ได้ และจะต้องรีบลบออก ก่อนที่ครูจะเข้ามาสอนและเราทำอยู่นานมาก..
จนกระทั่งเราเลื่อนมาเรียน ป.5 ครั้งนั้นเรารู้สึกอับอายมาก
นอกจากเขียนกลอนบนกระดานดำ เรามักจะเขียนใส่กระดาษ แล้วก็เขวี้ยงให้ไปตกใกล้ๆผู้หญิง-
ใช้หน้าตาพยักพเยิดให้สนใจเก็บอ่าน..วันนั้นมันอยู่ไกลไป เรากลัวจะเขวี้ยงไปไม่ถึง จึงใส่ก้อนหินไปด้วย
นับว่าเป็นคราวเคราะห์ของเรา เราเขวี้ยงไปโดนคนที่นั่งอยู่ใกล้ๆเธอ..โดนกกหูพอดี..เป็นเรื่องเป็นราว-
ครูจับเราไปยืนหน้าเสาธง.เอากระดาษที่เราเขียน..อ่านให้นักเรียนทุกคนฟัง..เราเข็ดพอสมควร
ชีวิตก็ดำเนินไปตามจังหวะของชีวิต ผ่านร้อน-ผ่านหนาว..ตามปรกติเหมือนคนทั่วไป
วนว่ายเวียน วัฎจักร เรื่องรักใคร่
หลงลงในเหวห้วงเสน่หา
แต่ในรักทุกครั้งที่ผ่านมา
เรื่องกามามิใช่สุขที่คลุกคลี
เพราะมั่นคงสัตย์ซื่อยึดถือรัก
มิมากมักรักง่ายแล้วหน่ายหนี
คำ เอามา..เสริมต่อความพอดี
เท่าที่มีคุณค่าประสาตน
จนลุวัยเฒ่าชราเป็นภาระ
แม้พบปะแดนสรวงในห้วงหน
เข้าใจดีมีค่าสักว่าคน
มิเอื้อมปนใครเปื้อนจึงเลือนไกล
อันความรักพิสุทธิ์ยุติแล้ว
มิมีแววเนิ่นนานเกินขานไข
ที่งมอยู่ขอหยุดมิรุดไป
เก็บเอาไว้ร่วมหลุมตอนคลุมดิน@
เราชอบใส่เสื้อผ้าอยู่สองสีขาว-ดำ ชอบมากคือชุดยาวๆ ผ้าลื่นๆ..
เวลาไปยืนชายทะเล..ให้ลมพัดหนวดเคราแผ่วๆ เราชอบลูบเคราขาวเล่น..เวลาที่เรามองเห็น-
หนุ่มสาวอยู่คู่กัน..เรามักจะเปรยฝากลมเบาๆ ..ไปว่า..
สุขเถอะหนา..ขอให้พวกเธอมีความสุข..รักษาเวลาแห่งความสุขนี้ให้นานแสนนานเราเป็นกำลังใจให้..@
16 กันยายน 2547 21:48 น.
ผู้เฒ่า
ถ้าชอบงานการเขียนต้องเพียรคิด
คำที่เขียนถูก-ผิดหมั่นศึกษา
ความหมายใช่ถูกคำตามตำรา
มนต์แห่งการรจนาสง่างาม
ถ้าใช้คำไม่คิดผิดความหมาย
รีบเร่งสาธยายอย่างผลีผลาม
จับเอาคำไม่ถูกมาผูกความ
สิ่งที่เขียนอาจทรามไม่งามเอย..