8 กรกฎาคม 2547 21:53 น.
ผู้เฒ่า
ถือกำเนิดเกิดมาเรียกว่าควาย
มีร่างกายกำยำดูล่ำสัน
เกิดในโลกสดสวยอยู่ด้วยกัน
แต่แบ่งขั้นชั้นชนห่างคนไกล
เป็นทาสแรงบนถนนของชนชั้น
ที่นานวันตลอดมาสิ้นค่าไข
เป็นเพียงสัตว์รูปชั่วไร้หัวใจ
จะมีใครเวทนาและปราณี
กินทั้งแรงเลือดเนื้อยังเถือหนัง
สิ้นกำลังเข่นฆ่าน่าบัดสี
เป็นเพียงควายมิกล้าถามเรื่องความดี
แต่จะมีผู้ใดเข้าใจควาย
พลีเพื่อคนทุกอย่างทั้งชีวิต
ท่านยังคิดว่าทรามไร้ความหมาย
คนเงียบงันขื่นขมที่งมงาย
ก็เรียกควายโง่เง่าไม่เท่าคน
มิฉลาดปัญญาชนไม่พ้นคำ
สอนไม่จำก็ว่าน่าฉงน
เหมือนสีซอให้ควายฟังดั่งพิกล
แม้จะบ่นถ้อยเทียบยังเปรียบควาย
สุนทรีนัยอารมณ์จะชมเพลง
ให้ครื้นเครงขี่เยือนยามเดือนหงาย
บรรทุกโลงลากเกวียนตอนเวียนตาย
ก็ไอ้ควายออกแรงแสดงมา
ตาใสใสกลมซื่อที่สื่อให้
มีบ้างไหมความชื่นกลับคืนหา
มิอาจเอ่ยถ้อยคำจำนรรจา
เพียงสายตากาสรที่อ้อนคน
ควายรำพึงบอกมนุษย์สุดประเสริฐ
สังเวชเถิดยินสดับความสับสน
สัตว์ผู้น้อยด้อยค่าเกินกว่ายล
ที่ทุกข์ทนโดดเดี่ยวโลกเดียวกัน
คนกับควายอยากถามตรงความซื่อ
มิต้องซื้อหรือขออย่ารอสรรค์
ความจริงใจควรแสดงและแบ่งปัน
มิเช่นนั้นจะต้องอายแพ้ควายเอย@
4 กรกฎาคม 2547 11:15 น.
ผู้เฒ่า
สายน้ำเลาะเซาะแก่งลงแอ่งหิน
เสนาะยินยามยลสายชลไหล
กระเซ็นซ่านซัดสายสยายไป
ร่วมพงไพรหมู่พฤกษานานาพันธุ์
เดือนอร่ามแจ่มตาเวลามอง
แสงเรืองรองทาบทา.นภาสรรค์
เจื้อยเจื้อยแจ้วสกุณาร้องหากัน
เรียกตะวันเลือนลับให้กลับมา
ก่อนอุษารบเร้าจะเข้าสาง
ประคองข้างกุมมือส่งสื่อหา
จวนจะแจ้งคลาดแคล้วนะแก้วตา
ถึงเวลาจำพรากต้องจากไกล
จุมพิตแก้มแขนสอดโอบกอดนิ่ง
หมายประวิงห้วงเวลาอย่ามาใกล้
หยาดน้ำตารินแสดงแสลงใจ
ถนอมไล้ลูบผมประโลมนวล
กระซิบแผ่วแก้วตาพี่ลาก่อน
ใจรอนรอนกลืนกล้ำสุดกำสรวล
สะอื้นไห้พจน์พร่ำ.คำคร่ำครวญ
จะได้หวนทวนมาเวลาใด
เสียงกระทั้นขันไขเจ้าไก่แก้ว
บอกสางแล้วสิ้นเวลาจะอาศัย
เจ้าดุเหว่าแซ่ซ้องดังก้องไพร
ดุจอาลัยห่วงหาเมื่อลาจร
รอยสวาทบาดใจต้องไกลห่าง
ก่อนฟ้าสางอันทุอนุสรณ์
เสน่หาร่วมรสทุกบทตอน
ถ้อยวิวรณ์ความนัยยามไล้โลม
ยังกระจ่างฝังจิตความคิดนึก
ในห้วงลึกสิ้นแรงใต้แสงโสม
ศศิฉายเงาสุขยามรุกโรม
เสน่ห์โฉมสะคราญสราญใจ
เนียนละมุนลูบไล้ยามไหวร่าง
ถ้อยขนางส่งเสียงยามเคียงใกล้
กอดกวัดเยือนสรวงซ่านทรวงใน
นอนหลับไหลก่ายกอดตลอดคืน
พลัดเอ๋ยพลัด.พรากไกลใจจะขาด
ต้องเคลื่อนคลาดแสนอนาถไม่อาจฝืน
อุษาสางผ่านเจ็บดุจเก็บกลืน
ความขมขื่นผูกพันธ์จนวันตาย
กระซิบแผ่วข้างหูจงอยู่สุข
ลืมความทุกข์ท่วมท้นให้พ้นหาย
จำลาร้างคู่เคียงนั้นเพียงกาย
แต่คงสายเสน่หามิลาเลือน
ก่อนอุษาสางสวาทขาดสวรรค์
มนต์บุหลันเลือนลอยจะคล้อยเคลื่อน
สิเน่หาลึกล้ำคอยย้ำเตือน
หวนมาเยือนเจ้าจอมกระหม่อมใจ..@