23 กรกฎาคม 2547 19:53 น.
ผู้เฒ่า
สักวาหัวอกนกขมิ้น
ต้องทิ้งถิ่นจากลาที่อาศัย
พเนจรบินเหินมิเพลินใจ
สู่แดนไกลทิ้งอู่เคยอยู่นอน
บินอ้างว้างโผผกระหกระเหิน
เป็นส่วนเกินมิฝันถึงบรรถร
ค่ำที่ไหนบินเลาะหาเกาะคอน
อาศัยนอนเกลือกกลั้วเพียงชั่วคืน
ผ่านแดดฝนลมหนาวแม้ร้าวจิต
มิเคยคิดเสียสัตย์ฤาขัดขืน
ยอมเป็นผู้บาดเจ็บและเก็บกลืน
ความขมขื่นทั้งหลายแค่กายตน
บินละล่องท่องไป ณ.ไพรวัลย์
หมดสิ้นฝันสิ้นแรงแสวงหน
บินมองผ่านอันทุอัสสุชล
ถ้าหลุดพ้นคงจะดีกว่านี้เอย.@
22 กรกฎาคม 2547 05:01 น.
ผู้เฒ่า
เรน.. จำได้ ..
ครั้งหนึ่ง.. ที่.. ร้องไห้
พี่ปีกฟ้า..บอกเรนไว้..ไม่ต้องแคร์..
ให้..กำลังใจ..ตอนเรน..รู้สึกแย่..
เป็นเด็ก..ขี้แย ..ร้องไห้.. ทุกวัน..
พี่ปีกฟ้า.. เป็นคนดี..
ให้เรนมี..พื้นที่ ...ได้เขียนฝัน
ไทโพเอม..ที่เรน..ผูกพัน..
พี่ปีกฟ้า ..คนนั้น .. ยิ่งใหญ่ ..ในความรู้สึกเรน..
เรน..ขอบคุณ ..พี่ปีกฟ้า..นะคะ..
เชื่อ..เปล่าร่า..
ว่าเรน.. ไม่เคยไปไกล...
ก็ หัวใจ..อยู่ไทโพเอ็ม..
มากมาย..ความรู้สึก.. ที่เห็น..
ที่นี่เป็น ..บ้าน..
อ่อนหวาน.. และอบอุ่น..
เรน..ขอบคุณ ..พี่ปีกฟ้า..
ขอบคุณ.. พี่ๆ..
ขอบคุณ.. มิตรภาพ.. ที่อบอุ่น..
เรน.. รัก..ที่นี่..
ไทโพเอ็ม..ของเรน..
อันนี้ .. เรนเขียนไว้ นานแล้วคะ ..
.. เรนเอามาโพส ตรงนี้ ..
แบบว่า .. เรน อยากจะเขียน..
เดอะเลตเตอร์ ..ถึงพี่ปีกฟ้า..
กรุณา ..ช่วยดู ..ที่หน้าส่วนตัว ของเรนด้วยนะคะ
มัย? .. เรนเข้าไป.. ไม่ได้ ..
ฮือ ฮือ ..
ช่วยเรน.. ด้วยดิคะ..
ขอบคุณค่ะ...
( ..เรน ..ขออนุญาต ..คุณลุง ..ใช้บ้านของคุณลุง..
ส่ง จดหมาย ..ถึง พี่ปีกฟ้า .. นะคะ..)
19 กรกฎาคม 2547 13:32 น.
ผู้เฒ่า
ถิ่นธุรกันดารตำนานเก่า
มีเรื่องเล่ากล่าวเนื่องถึงเรื่องฉาว
บนดอยสูงซ่อนเร้นเป็นเรื่องราว
ผู้หญิงสาวพรหมจรรย์ผ่านพิธี
วัยกำดัดรุ่นสาวถึงคราวหวั่น
ต้องฝ่าฟันสัมผัสเรื่องบัดสี
เพราะเป็นกฏอุปเท่ห์ประเพณี
ให้นางพลีความสาวต้องคาวชาย
เป็นบทเรียน.จีดะ.คอยสะสอน
ทุกขั้นตอนกามารมณ์มิหล่นหาย
ตำนานผาพรหมจรรย์กระสันต์กาย
คือจุดหมายสถานที่นางพลีตน
กลางสายหมอกแมกไม้ในไพรพฤกษ์
ความสำนึกต่อเนื่องประเทืองผล
เป็นเรื่องแปลกคนนอกบอกพิกล
สร้างถนนคุมพร่าค่าสตรี
ใช่จะแลแต่สอนขั้นตอนหญิง
ตำนานจริงก็สอนชายหมายสุขี
เล่ห์สวาทเสน่หาประดามี
ก็บ่งชี้สอนพบประสพการณ์
เป็นตำแหน่ง.มิดะ.งามสะสวย
สาวเก็บส่วยพรหมจรรย์หนุ่มฝันหวาน
พอเสียงแตกรติรมย์นมแตกพาน
บรรลุกาลเรียนเล่ห์เสน่ห์นาง
จีดะหนุ่ม.มิดะสาวที่กล่าวถึง
เป็นผู้ซึ่งใจจรดหมดขนาง
ทั้งชีวิตร่วมฉลองเป็นของกลาง
เพียงหยิบวางคลอเคล้าไม่เข้าใคร
ผ่านพิธีพลีกายทั้งชายหญิง
รอวันจริงเลือกคู่ดูสดใส
จารีตวันลานสาวกอดร่วมสอดใจ
พิสมัยเป็นคู่ผัวและตัวเมีย
เล่าตำนานบัดสีเผ่าอีก้อ
เป็นหัวข้อประเพณีดีหรือเสีย
สมัยใหม่เรื่องคู่ยิ่งดูเพลีย
มิรู้เมียเสียตัวหรือผัวใคร
บนความต่างของปากจากสมอง
ในมุมมองพิศวงน่าสงสัย
เรื่องตำนานรู้เห็นที่เป็นใจ
ต่างอะไรกับสมัย..ปัจจุบัน..@
จากปากคำสาวบนดอย 5ท่าน ที่ขายบริการอยู่ที่ อ.สุไหงโกลก..
ยืนยันว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง..เป็นประเพณีของชาวเขาเผ่าอีก้อมาแต่นาน..
เธอทั้งห้าคนมาขายตัว..เพื่อต้องการชีวิตที่ดีกว่าบนดอยสูงเธอไม่มีที่ไปและไปไหนไม่ได้.
ไม่มีบัตรประชาชน..คำตอบของเธอ..ในคำถามหนึ่งซึ่งไม่เคยลืมจากการรับรู้..ที่สลดใจ.
ขายตัวได้เงินเอาไปทำอะไร.
ฝากธนาคารไม่ได้..จ่ายค่าคุ้มครองบ้าง..และยังชีพ.
ส่วนหนึ่งนำไปฝากหลวงพ่อที่วัดไว้
เวลาตายจะได้เอาไว้ซื้อโลงใส่ศพ..และเป็นการทำบุญด้วย
พวกเธอบอกว่า..ชีวิตสาวอีก้อ..สำหรับคนพื้นราบ..มีค่าต่ำกว่าแม่หมูเพียงตัวเดียวซะอีก
อาจจะมีคนเคยว่าเธอ..16ปีที่ผ่านไป..ในความรู้สึก..วันนั้นที่เคยบอกและวันนี้ยังอยากจะบอก
เธอเป็นคนที่มีค่า..มีค่าในความเป็นคน.วันนี้ไม่ว่าพวกเธอจะอยู่ภพไหน...ยังมีค่าในความรู้สึกนี้เสมอ..
ปัจจุบันชาวอีก้อ..พัฒนามากแล้ว..ถ้าพูดถึงประเพณี..จีดะ-มิดะ.จะกลายเป็นเรื่องลึกลับประจำเผ่า
ซึ่งถือเป็นเรื่องบัดสีในปัจจุบัน.เราเพียงอยากจะบอกว่า
ประเพณีของชาวเผ่าท่าน..ใช่เรื่องเลวร้าย..เพราะทำด้วยความเปิดเผย
ต่างจากยุคนี้ ของคนพื้นราบ..มีบ้านเล็ก-บ้านใหญ่..มีหญิงขายบริการ และมีชายขายบริการ..มีชู้รัก มีกิ้ก
เป็นเพราะโลกเปลี่ยนไป หรือใจคนเปลี่ยนนะ
ถ้าว่าประเพณีนั้นบัดสี..แล้วสภาพสังคมในปัจจุบัน..เราจะเรียกว่าอะไร@
17 กรกฎาคม 2547 20:20 น.
ผู้เฒ่า
ฟ้ากำหนดหรือไม่ผู้ใดสร้าง
จับเราวางบนถนนของคนเหงา
ทุกคืนวันมืดมัวคือตัวเรา
กระทั่งเงาสุขลางลางยังห่างไกล
ขาดคนเข้าใจเคียงคอยเมียงมอง
ขาดคนครองปลอบขวัญยามหวั่นไหว
มิอาจหาพบผู้คนรู้ใจ
ยามหลับไหลนัยนาน้ำตาคลอ
รู้สึกเบื่อลมหายใจไหลเข้าออก
อยากจะบอกหยุดไปก็ไม่ขอ
จะไม่รั้งเอาไว้จะไม่รอ
จะไม่ต่อขอสายลมหายใจ
กล่องบันทึกความทรงจำคอยย้ำส่ง
จารมันลงรอยแรงแสดงไข
บนเศษเนื้อเสี้ยวเวรเดนหทัย
เขียนลงไปวันนี้ไม่มีเธอ
ปิดเปลือกตาเอาไว้มิให้เห็น
รอยลำเค็ญหลั่งพลีตอนทีเผลอ
ซ่อนน้ำตามิให้ไหลให้ใครเจอ
ปล่อยมันเอ่อปลายหางตาหลบหน้าคน
แค่ผืนทรายเธอย่ำถอยทิ้งรอยไว้
แล้วผ่านไปมิแลสักแม้หน
ฝากรูปรอยตอกย้ำให้จำทน
น้ำตาหล่นอกสะอื้นมองพื้นทราย
คิดทบทวนทุกข์ทนเป็นคนแพ้
ที่ท้อแท้ทาบทามไร้ความหมาย
ที่ท่วมท้นทดแทนแน่นในกาย
ก็คือสายใยเศร้าเคล้าน้ำตา
เจ็บนิดนิดอยู่ลึกลึกรู้สึกเหงา
โทษใครเขาโง่งมคิดชมหา
เป็นกระต่ายหลงแสงแห่งจันทรา
สมน้ำหน้าไม่เจียมเสงี่ยมใจ
คืนนี้ข่มตาหลับช่างยากยิ่ง
ภาพเธออิงเต็มฟ้าตรงหน้าใกล้
ฝากข้อความทุกข์ทนถึงคนไกล
รู้บ้างไหมมีคนท้อทรมาน
อยากให้เธอโทรมาราตรีสวัสดิ์
พูดชัดชัดว่ารักคงจักหวาน
แม้มิใช่ผู้สนองดั่งต้องการ
ก็สงสารสักนิดคิดเอาบุญ
น้ำตาเอ๋ยหยาดมาบนหน้าโง่
คนอดโซขาดใจผู้ใดหนุน
เพียงน้ำใจสักน้อยคอยเป็นทุน
เกื้อการุญคนสลดจะจดจำ
สิ่งที่ขอมิมากไปใช่ไหมเธอ
ถ้อยเสนอลิขิตอย่าคิดขำ
ทั้งทั้งรู้คนไกลนั้นใจดำ
ก็ยังจำฝังใจคิด..นิจนิรันดร์.@
12 กรกฎาคม 2547 12:17 น.
ผู้เฒ่า
แสวงหาความต่างทุกอย่างมี
จุดพอดีคบกันฉันท์สหาย
ร่วมถนอมความเห็นมิเว้นวาย
สงวนสายสัมพันธ์นิรันดร
จุดประกายมิตรภาพตราบสิ้นฟ้า
ต่างเข้ามาเพราะรักในอักษร
สร้างความฝันกำหนดเป็นบทกลอน
ความอาทรผันผละควรระวัง
สามัคคีพี่น้องไม่ต้องซื้อ
มิตรนั่นคือผู้ตามให้ความหวัง
ไมตรีจิตบริสุทธิ์ประดุจดัง
หมื่นพลังรั้งโลกโศกทลาย
วัฒนธรรมไทย.ไสวงาม
ก็เพราะความอ่อนหวานประสานสาย
งามในจิตงามคำงามล้ำกาย
คือความหมายงามระยับฉบับไทย
บนหัวขาวเทาแกมแซมผมดำ
นั้นตอกย้ำจำแนกรุ่นแรกใกล้
แย้มฝาโลงแล้วหนาระอาใจ
แต่ทำไมนึกคิดติดอัตตา
รู้จักแพ้ยอมด้อยใช่น้อยศักดิ์
มอบความรักยอมให้ฤาไร้ค่า
บนพื้นฐานเมตตากรุณา
อันวาจาควรถนอมประนอมความ
แสวงจุดร่วมด้วยต้องช่วยสร้าง
สงวนต่างเก็บซ่อนอย่าย้อนถาม
ถ้าเห็นด้วยสอดคล้องต้องนิยาม
ช่วยกันหามความสุขสนุกกัน
รักกันไว้พวกพ้องและน้องพี่
ต่อไมตรียืนยาวร่วมสาวฝัน
เพราะวันพรุ่งอาจจะขาด กันและกัน
ถึงตอนนั้นนึกเสียดาย..จะสายเกิน@