28 กุมภาพันธ์ 2547 19:51 น.

ฝันเฟื่อง..

ผู้เฒ่า

วินาสกาเล วิปฺริต พทฺธิ
                         คราววิบัติ ความคิดก็วิบัติ...
               ครั้งหนึ่ง..ในโรงพยาบาลหลังคาแดง ดูคอนเสริต์.แต่เราดูและได้คุยกับผู้ป่วยโรคจิต..จึงเขียนไว้เป็นเรื่องดังนี้..

       โธ่เอ๋ย.. เกิดมา  มันน่านัก
   มีคนรัก   นับคณา   หานับไหว
   มีทั้งเงิน  เพชรทอง บานตะไท
   ใช้ปิ๊บใส่  เก็บไว้    ใช้ไม่ทัน
   
   ปลูกบ้านใหญ่ ราคาบ้าน ร้อยล้านกว่า
   เราเงินหนา หาความสุข ต้องเสกสรร
   มีเครื่องบิน ใหญ่โต โก้ตะบัน
   ทั้งมีนาง  ร่วมเกี่ยวก้อย  กว่าร้อยคน
   
   มีเรือยอร์ช  ไว้ท่อง  มหาสมุทร
   แสนสนุก  ท่องเที่ยวไป ในทุกหน
   แล้วไปไหน นวลกลอย กว่าร้อยคน
   คอยเปรอปรน ปฎิบัติ ประดับเตียง
   
   ยามจะกิน ก็ยังมี คนคอยป้อน
   ถึงยามนอน กล่อมดนตรี ดีดสีเสียง
   จะไปไหน มีคนขอ พนอเคียง
   มีคนเรียง คอยรับใช้ ไม่อาทร
   
   ที่กล่าวมา ยังไม่ได้ หนึ่งในร้อย
   ทะลึ่งปล่อย ของเปียกเหม็น มาเต็มหมอน
   อ้อ.เราฝัน ฟู่ฟ่า เวลานอน
   นึกถึงตอน เช้าเยือนมา น้ำปลา..ไม่มีกิน
   
    แล้วก็.. โธ่เอ๋ย  น่าอนาถ
   เกิดประสาท จิตวิบัติ เพราะขาดสิน
   นอนฝันเฟื่อง เพราะเรื่อง ไม่มีกิน
   ขอจบสิ้น บทกลอน นอนต่อ..สาธุชน....				
27 กุมภาพันธ์ 2547 00:40 น.

ผิดทางรัก

ผู้เฒ่า

ในเส้นทาง..ของรัก ต่างก้าวเดินกันไป..ฤาจะโรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอ..

     น้ำใสใสไหลเย็นกระเซ็นซ่าน
  เลาะแนวธารแก่งเกาะเสนาะเสียง
  หมู่วิหคกุ๊กกรูกู่สำเนียง
  บินคลอเคียงเคล้าคู่รู้อารมณ์
  
  มัจฉาว่ายแหวกน้ำสราญจิต
  ผูกชีวิตคู่น้ำกาล.ประสม
  มวลพรรณไม้ให้เงาเข้าภิรมย์
  ร่วมเชยชมมิตรภาพไม่คลาดครา
  
  แบกถุงผ้างกงกเงิ่นแล้วเดินมา
  ร้าวอุราใจสิ้นถวิลหา
  มองดูน้ำปลานกอกระอา
  ปล่อยเวลาผ่านไปใจละลาย
  
 ... มิอาจแข่งแย่งยื้อดื้อความรัก
  ยอมหาญหักไม่งอขอสลาย
  เจ็บนิดเดียวดีกว่าชีวาวาย
  เพราะแค่หมายยังช้ำเพียงคำวอน
  
  ฤาคิดเห็นเป็นแค่ของสะสม
  ที่นิยมผูกรักประภัสสร
  ร้อยเลื่อมรักเรียงรายความหมายกลอน
  ทุกบทตอนสร้างฉากรักเพียงเงา
 
   สายลมแผ่วพริ้วเห็นเหมือนเย็นชื่น
  ความจริงกลืนเก็บรักงามเฉลา
  คำว่ารักเอ่ยต่างระหว่างเรา
  เพราะขลาดเขลาเอ่ยเพียงครั้งยังยากเลือน
  
  เก็บบันทึกการณ์ไว้ในความคิด
  ใครลิขิตมิสู้ฟ้าหาเสมือน
  เป็นบทเรียนย้ำรอยและคอยเตือน
  อย่าลืมเลือนสร้างรักพักเถิด.ใจ...				
24 กุมภาพันธ์ 2547 23:36 น.

ขวัญ-เรียม

ผู้เฒ่า

นิยายเก่าๆ..บรรยากาศเช่นนั้น นับวันจะหายไป..ท้องนา-บ้านทุ่ง
   กำลังถูกกลืนหายไปเรื่อยๆ ไม้ เมืองเดิม..ยังไม่มีใครเทียบติด นึกชอบไอ้
   ขวัญ..กลับบ้านมารินสาโท..แล้วเลยเขียน.เป็นเช่นนี้

          ทุ่งสะเทือน  เคลื่อนแคล้ว  แก้วตาเอ๋ย
          รักที่เคย        ว่าหวาน     พลันผวา
          เอ็งห่างเหิน    เมินร่ำ      ช้ำวิญญา
          ปล่อยให้ข้า     โศกครวญ  กำสรวล.ซม
          
           เรียมเอ็งทิ้ง    แม้สัญญา   ที่หน้าศาล
          ถ้อยสาบาน     คำสัตย์      ตระบัดโฉม
          ลืมคุ้งน้ำ         ลืมสิ้น       กลิ่นโคลนตรม
          ลืมลั่นทม        ลืมไอ้ทุย    เคยลุยนา
      
         ไปหลงลม       อยู่ไหน     ใจข้าเศร้า
          หรือใครเขา    ฉุดรั้ง        ข้า.กังขา
          หรือเอ็งหลง    แสงสี         ที่บาดตา
          จึงลืมนา         ลืมบาง       กระทั่งคน
          
          มองทุ่งเก่า      ข้าวตกรวง  พวงไสว
          ยามนี้ไม่        มีเอ็งมา     ข้าฉงน
          เคยจับเคียว  เกี่ยวกู้     คู่สองคน
          เดี๋ยวนี้จน     เงาเอ็ง      เกรงไม่คืน
          
          ทุยได้แต่       หลั่งน้ำตา   มาเป็นเพื่อน
          รอเอ็งเยือน   กลับนา    ข้าสะอื้น
          หรือเอ็งคิด     ไปลับ    ไม่กลับคืน
          ข้าขมขื่น       อาลัย      ใจพะวง
          
          สุดระกำ      ช้ำทรวง      และห่วงหา
          เรียมของข้า  จากชีวิต   พิศวง
          คืนทุ่งเถิด    คืนบาง    ทุกอย่างคง
          รอเอ็งจง      กลับมา    ข้า..ขวัญคอย...				
21 กุมภาพันธ์ 2547 21:29 น.

เงา..กรรม

ผู้เฒ่า

กมฺมุนา  วตฺตตี  โลโก
สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม..

การกระทำ   ของมนุษย์  สุดจะรู้
แล้วแต่ผู้       ก่อการณ์     ตามเหตุผล
จะดีชั่ว           ย่อมรู้         อยู่กับตน
สุดท้ายผล      อย่างไร      ได้กับตัว

ถ้าทำดี           เป็นกุศล    คนแซ่ซ้อง
ความดีก้อง    สรรเสริญ    จำเริญทั่ว
กายเป็นสุข    จิตสบาย     ไม่มืดมัว
ไม่ต้องกลัว    เพทภัย       ใดใดกราย

บาปและบุญ   ย่อมรู้         ในหน้าที่
ไม่ต้องมี        คนว่าขาน   ตามศาลสาย
ผลของกรรม  ย่อมบันดาล  ในบั้นปลาย
แล้วแต่ใคร   สร้างไว้      รับไปกรรม

ไม่มีตัว         มีตน      คนกล่าวขาน
รู้จักกัน        เรียกกรรม   สำคัญ.ขาม
จะติดตาม     ดั่งเงา      ทุกคราวยาม
สนองกรรม  คนบาป   ทุกชาติเอย...				
20 กุมภาพันธ์ 2547 21:44 น.

เงา..ของความคิดถึง

ผู้เฒ่า

....ถึงยามค่ำ ย่ำฆ้อง จะร้องไห้
ร่ำพิไร  รัญจวน  หวลระห้อย
เมฆาต่ำ ดาวเคลื่อน ดวงเดือนลอย
น้ำค้างย้อย  เย็นฉ่ำ  พร่ำอาวรณ์

หนาวอารมณ์ ลมเรื่อย เฉื่อยเฉื่อยชื่น
ระรวยรื่น  รินริน  กลิ่นเกสร
แสนสงสาร ตัวเรา เฝ้าอาวรณ์
สุดอาทร  อ้างว้าง  อยู่ห่างไกล

วิเวกแว่ว  แจ้วเสียง  เพียงดนตรี
คล้ายสุมไฟ  ใส่พี่  ให้หมองไหม้
เสียงหรีดหริ่ง  ร่ำร้อง  กล่อมก้องไพร
สุดอาลัย  ไกลเธอ เพ้อ.วอนดาว

สายลมหวิว  หวิวผ่าน สะท้านจิต
เหมือนชีวิต หมดวิญญาน สะท้านหนาว
แสงเดือนผ่อง เคลื่อนคล้อย ลอยสกาว
ดาวเหมือนเรา  ดูเดือนร้าง  ริบ.ห่างไป

สุดสวาท  ขาดใจ  เธอไกลห่าง
สวาทจาง  ห่างหาย  ใจครวญหา
หวานหวานรัก  สุดซึ้ง  อย่าพึ่งลา
เสน่หา  บั่นใจ เจ็บในทรวง

ดาวจะลับ เดือนลา น้ำตาหล่น
อุรารน  ร้าวฤิทธิ์  สกิดสรวง
อย่าห่างหาย ไปลับ กลับเถิดดวง
ทั้งห่วงหวง อ่อนไหว ใจ.คนรอ....				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟผู้เฒ่า
Lovings  ผู้เฒ่า เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟผู้เฒ่า
Lovings  ผู้เฒ่า เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟผู้เฒ่า
Lovings  ผู้เฒ่า เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงผู้เฒ่า