15 พฤศจิกายน 2547 00:58 น.
ผู้เฒ่า
ตัวอย่างกลอน
ถึงม้วยดิน สิ้นฟ้า มหาสมุทร
ไม่สิ้นสุด ความรัก สมัครสมาน
แม้เกิดใน ใต้ฟ้า สุธาธาร
ขอพบพาน พิศวาส ไม่คลาดคลา
แม้เนื้อเย็น เป็นห้วง มหรรณพ
พี่ขอพบ ศรีสวัส ดิ์เป็นมัจฉา
แม้เป็นบัว ตัวพี่ เป็นกุมรา
เชยผกา โกสุม ประทุมทอง
เจ้าเป็นถ้ำ อำไพ ขอให้พี่
เป็นราชสีห์ สิง สู่เป็นคู่สอง
จะติดตาม ทรามสงวน นวลละออง
เป็นคู่ครอง พิศวาส ทุกชาติไปเพลงยาวถวายโอวาทท่านสุนทรภู่..
เป็นมนุษย์ สุดนิยม เพียงลมปาก
จะได้ยาก โหยหิว เพราะชิวหา
แม้นพูดดี มีคน เขาเมตตา
จะพูดจา จงพิเคราะห์ ให้เหมาะความ..สุภาษิตสอนหญิงท่านสุนทรภู่..
มีสลึง พึงประจบ ให้ครบบาท
อย่าให้ขาด สิ่งของ ต้องประสงค์
มีน้อย ใช้น้อย ค่อยบรรจง
อย่าจ่ายลง ให้มาก จะยากนาน.สุภาษิตสอนหญิง.ท่านสุนทรภู่
จึงสอนว่า อย่าไว้ ใจมนุษย์
มันแสนสุด ลึกล้ำ เหลือกำหนด
ถึงเถาวัลย์ พันเกี่ยว ที่เลี้ยวลด
ก็ไม่คด เหมือนหนึ่งใน น้ำใจคน.พระอภัยมณี.ท่านสุนทรภู่
ชายข้าวเปลือก หญิงข้าวสาร โบราณว่า
น้ำพึ่งเรือ เสือพึ่ง ป่าอัชฌาศัย
เราก็จิต คิดดูเล่า เขาก็ใจ
ปลูกอื่นใย ปลูกไมต รีดีกว่าพาลพระราชนิพนธ์..พระบรมวงศ์เธอกรมหลวงมหิศวรินทรเมศร์
อันความรู้ รู้กระจ่าง เพียงอย่างเดียว
แต่ให้เชี่ยว ชาญเถิด คงเกิดผล
อาจจะชัก เชิดชู ฟูสกนธ์
ถึงคนจน พงศ์ไพร่ คงได้ดีนิติสารสาธก..พระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกรู)
เมื่อแม่มี คู่ครอง สนองพักตร์
ให้ปลงรัก ในรส เสน่หา
จงซื่อสัตย์ ปรนนิบัติ ภัสดา
เจ้าจงอย่า ให้เคือง ระคายใจ.บทกลอนสอนหญิง..นรินทร์ธิเบศร์ (อิน)
13 พฤศจิกายน 2547 21:22 น.
ผู้เฒ่า
สร้อยหินสี สวมคอ..หมายต่อรัก
มั่นคงนัก ชั่วฟ้า..ดินสลาย
สร้อยคงคอ รักอยู่..มิรู้คลาย
คอห่างกาย จึ่งขาดสร้อย..ที่ห้อยคอ
สองมือสวม ใส่สร้อย..ละห้อยหา
ภาพตรึงตรา มิวาย..เพราะสายศอ
แม้สวรรค์ บั่นรัก..คิดจักรอ
เพื่อสานต่อ พิศวาส..ทุกชาติเจอ
สัมผัสรัก ส่งมอบ..จากขอบฟ้า
รับรู้ว่า คอยดู..อยู่เสมอ
ณ.วันนี้ โลกของฉัน..นั้นขาดเธอ
น้ำตาเอ่อ ทุกครา..มองฟ้าไกล
สร้อยยังสวม ติดคอ..รอเจ้าของ
ถึงคราต้อง ตามส่ง..อย่าสงสัย
ถึงเวลา พบกัน..ฉันจะไป
ยื่นสร้อยให้ กับเธอ..พร้อมเจอกัน..@
เครื่องประดับราคาถูก..ชิ้นเดียวในร่างกายของเรานับสิบปี
สร้อยหินหลากสี.แต่มันมีค่าเทียบเท่าชีวิตเรา.
สักวันเราจะไปคืน..เธอตรงที่เราเคยนั่งมองอยู่ด้วยกัน.รักเธอเสมอ..
11 พฤศจิกายน 2547 19:24 น.
ผู้เฒ่า
กำไลหิน สีแดง..แฝงความรัก
มิแปรพักตร์ เป็นอื่น..ย่อมยืนสี
หทัยตรง คงคำ..พร่ำวจี
จะร้ายดี คลาด-เคียง..ขอเสี่ยงทาย
ตะขอเงิน สองชาย..คล้ายสลัก
ร้อยความรัก เกื้อกูล..มิสูญหาย
แม้รักร่วม สวมสนิท..ให้ติดกาย
เมื่อใดสาย สวาทวอด..จึงถอดเอย@
กลอนนี้เขียนเลียนแบบ เอาความหมายเก็บไว้
ผมอ่านกลอนต้นแบบอยู่สิบกว่ารอบ..ชอบความหมายมาก..
อยากเก็บอารมณ์และความหมายไว้...จึงแปลงบางส่วน
ต้นฉบับ เป็นพระราชนิพนธ์ ของล้นเกล้า ร.5
ทรงประทานกำไลทอง สลักคำกลอนจารึกไว้ให้แก่.เจ้าจอมสดับ
มิได้นำมาลงไว้ ด้วยคิดว่ามิบังควร.
9 พฤศจิกายน 2547 23:50 น.
ผู้เฒ่า
เจ้านกยางย่างเขย่งกระย่องกระแย่ง
รอยระแหงริมหนองเพียงมองหา
หวังได้งมกุ้งหอยแลปูปลา
เป็นภักษาหากินไปวันวัน
ขยอกเหยื่อเหลือปากไปฝากลูก
แยกกระดูกเนื้อสัตว์เจ้าจัดสรร
ลูกยังเล็กอ่อนเยาว์มิเท่าทัน
กระดูกนั้นติดคอทรมาน
ตะวันส่องแผดเผากลับเข้ารัง
เสียงลูกดังร่ำหาหิวอาหาร
แม้แสนเหนื่อยห่างคำคิดรำคาญ
รีบลนลานคลอเคล้าพะเน้าพะนอ
ขย้อนเนื้อเสาะหาเอามาฝาก
ลูกอ้าปากร้องแข่งแย่งกันขอ
จะงอยปากส่งอาหารลงผ่านคอ
ให้ลูกรอขอโทษอย่าโกรธเลย
อิ่มอาหารลูกหลับตัวพับอ่อน
ยามลูกนอนคุดคู้มิอยู่เฉย
ออกสำรวจรอบรังเหมือนดังเคย
กลัวอาจเผยศัตรูเห็นจะเป็นภัย
คาบใบหญ้าปิดปังซ่อนรังหลบ
มิให้พบเห็นหาที่อาศัย
ศัตรูผ่านลูกน้อยเจ้ากลอยใจ
คงเติบใหญ่ ภัยพาลนั้นผ่านลา
เป็นรักแบบกระชับฉบับเด็ก
รักเล็กเล็กตรึกตรองควรมองหา
ทุกซอกมุมรักซ่อนในโลกา
แม้ปักษารู้จักความรักเอย..@
8 พฤศจิกายน 2547 00:13 น.
ผู้เฒ่า
เสียงเจี๊ยกเจี๊ยก อลวนปีนต้นไม้
มือกวักไขว่ห้อยโหนทะโมนเอ๋ย
อยู่ไม่สุขชุลมุนเพราะคุ้นเคย
ชาติเฉลยซุกซนคนเรียกลิง
ชอบแลบลิ้นปลิ้นตาทำหน้าหลอก
แยกเขี้ยวงอกเกาสีข้างครางหงิงหงิง
จับหมัดร้องฮือฮือมือระวิง
นั่งนิ่งนิ่งปากจู๋อยู่มินาน
ณ.คบใหญ่ไม้ยางระหว่างพฤกษ์
ในป่าลึกปลอดภัยผู้ใดผลาญ
แม่ลิงอุ้มลูกน้อยบริบาล
เป็นดั่งบ้านคุ้มภัยอาศัยนอน
เฝ้าถนอมฟูมฟักห่วงรักษา
เพศมารดาธรรมชาติเป็นศาสตร์สอน
เลือดในอกรินบ่ามิอาทร
ตามขั้นตอนของแม่มิแพ้คน
ลุวันหนึ่งเพียงสิ้นเสียงปืนแตก
กายแม่แยกเลือดบ่าดั่งห่าฝน
ลูกกอดแม่แนบร่างจากข้างบน
แม่ลูกหล่นสู่พื้นปฐพี
เขากระชากลากลูกออกจากอก
น้ำตาตกสิ้นแรงจะแย่งหนี
เลือดอาบนองทั่วท้องธรณี
เหลือเพียงมีสายตาท้อทรมา
เสียงลูกร้องดิ้นรนจากคนเถื่อน
ค่อยค่อยเคลื่อนมือขยับจะจับหา
สัมผัสลูกดั่งหมายแค่สายตา
หมดปัญญาช่วยเหลือเอื้ออาทร
สำนึกหายท้ายสุดมนุษย์เอ๋ย
มิอาจเอ่ยเพ้อพร่ำถ้อยคำสอน
เราเพียงสัตว์ยากไร้จะใคร่วอน
โปรดคิดก่อนผลกรรมกระทำไป..@