3 มกราคม 2548 19:23 น.
ผู้เฒ่า
หนึ่งบุคคลเด่นดีในปีใหม่
หนึ่งคนไทยผ่านมาค่ามหันต์
คือคุณหญิงพรทิพย์โรจนสุนันท์
ผู้จัดสรรค์ระบบตรวจศพคน
เป็นแพทย์หญิงบอบบางรูปร่างเล็ก
แต่ใจเหล็กหาญกล้าน่าฉงน
พิสูจน์ศพแก้ปัญหาแบบสากล
หาเหตุผลกลคดีให้คลี่คลาย
ทุกหนแห่งมีเหตุประเทศไทย
เธอจะไปทุกทีถึงที่หมาย
ทำงานเมื่อยเหนื่อยยากลำบากกาย
มิเคยฉายแววรันทดเธออดทน
เป็นตัวอย่างคนดีอันมีค่า
ยากเสาะหาแม้เลือกกระเสือกกระสน
หาตัวแทนใครอื่นสักหมื่นคน
คงอับจนค้นหาสักนารี
ทั้งครอบครัวเสียสละเพื่อประเทศ
ยามเกิดเหตุสมทบมิหลบหนี
แม่พลัดลูกภรรยาห่างสามี
เวลาพลีจุนเจือเพื่อสังคม
คนจะงามที่ใจมิใช่หน้า
คนมีค่าทำเฉพาะให้เหมาะสม
คนจะดีใช่เพียงแต่เสียงชม
คนนิยมจะว่างามเพราะความดี
ผู้หญิงแกร่งเก่งงานชาญฉลาด
ควรประกาศยกย่องให้ผ่องศรี
เป็นบุคคลทัดเทียม ยอดเยี่ยมแห่งปี
หนึ่งสตรีต้นฉบับตำรับไทย..@
24 ธันวาคม 2547 20:27 น.
ผู้เฒ่า
ดาบที่ฟัน บั่นลง ให้ตรงเป้า
มันต้องเข้า จุดตาย เพราะหมายฆ่า
จำเป็นต้อง ทิ้งเหตุ เวทนา
ถึงเวลา ใจดำ ต้องทำไป
เพียงดาบเดียว ดาบสอง มิต้องช่วย
ส่งชีพม้วย เลือดพลั่ง พุ่งหลั่งไหล
แดงดั่งธาร เนืองนอง สยองใจ
สนิทนัยน์ สนองจินต์ อย่างชินชา
เพชฌฆาต ลงดาบ เลือดอาบเห็น
ความจำเป็น หรือจิต ปรารถนา
สิ่งซ่อนเร้น พินิจ พิจารณา
จนปัญญา หน้าที่ บ่งชี้ทำ
เหมือนมนุษย์ บางคน อยู่บนโลก
ต้องโฉลก เพชฌฆาต พลาดถลำ
ชีวิตไร้ สาระ เป็นประจำ
มิอาจนำ ชีพเรียง เข้าเคียงใคร
แม้จะเจ็บ ชอกช้ำ เหมือนทำร้าย
มิมาดหมาย ให้เจ็บ เกินเก็บไหว
ความรู้สึก ลึกซ่อน ที่ซ้อนนัย
มองแสนไกล ไว้เผื่อ เอื้ออาทร
ดาบที่ลง ทำร้าย หมายชีวิต
เจ็บเพียงนิด จบสิ้น ทุกสิ่งหลอน
เพชฌฆาต อาจจม หล่มนิวรณ์
ยากไถ่ถอน บาปเวร มิเว้นวาย
เบื้องหลังบท รสชาติ มิขาดขม
น้ำตาพรม ซ่อนเร้น เป็นสายสาย
มโนธรรม กล้ำกลืน มิคืนคลาย
เพื่อความหมาย ค่าของคน ในตนเอง
มือที่กำ ดาบส่ง ลงประหาร
ก็ดั่งผลาญ อารมณ์ หวนข่มเหง
ทำร้ายใจ สมหวัง ต้องวังเวง
รับบทเก่ง เพชฌฆาต ขาดหัวใจ @
คนทั้งคน ลืมได้ไง.จะมีใครทำอย่างนั้น
คนสองคน เมื่อรักกันไม่มีวันลืมไม่ลง
คนรักกัน ทำได้ไง..จำพรากไปใจมั่นคง
คนทั้งคน ควรพะวง...ไม่ซื่อตรงคงร้างลา.
19 ธันวาคม 2547 22:52 น.
ผู้เฒ่า
ถ้าโกรธเกลียด เกินกล้ำ คิดทำร้าย
ฆ่าให้ตาย รับรอง มิร้องขอ
อาวุธส่ง ยื่นให้ จะไม่รอ
ไม่ตัดพ้อ ออกเสียง แม้เพียงคำ
เชิญอนงค์ ลงมือ ไม่ถือสา
แต่จงอย่า วานใคร ให้เขาขำ
เจ็บหรืออาย ด้วยมือ คือเธอทำ
แม้นชอกช้ำ ยินยอม ถนอมใจ
สะพานดาวร่วมฝันช่างสั้นนัก
เมื่อประจักษ์หักเกลื่อนด้วยเงื่อนไข
ฉันตอบแทน คุณค่า คืออภัย
และเก็บไว้ ในฝัน นิรันดร์กาล
มิติดค้าง คาใจ สิ่งใดอีก
ยอมหลบหลีก เรื่องราว มิห้าวหาญ
ขอสงบ ตามวิสัย ใช่คนพาล
เรื่องที่ผ่าน มีกัน คือฝันไป
ขอให้เธอ โชคดี มีความสุข
และสนุก กระทำ ตามวิสัย
อวยพรเธอ โชคดี และมีชัย
เป็นที่รัก ของใครใคร ตลอดกาล.
ชั่วฟ้าดินสลาย.สัญญาใจที่เคยบอก
รักแล้วไม่ลวงหลอก.สิ่งที่บอกไม่เลือนหาย
ก็ฟ้ายังฟ้าอยู่ .. ดินก็ดูยิ่งกลับกลาย
.แล้วรักก็มลาย พร้อมสลายตามใจคน..@
18 ธันวาคม 2547 21:06 น.
ผู้เฒ่า
ชีวิตคน วนว่าย คล้ายละคร
ทุกบทตอน รอยเรื่อง มีเบื้องหลัง
มีรอยยิ้ม มีน้ำตา เวลาฟัง
มีความหวัง มีสิ้นท่า เวลามอง
ทุกผู้คน ล้วนมี วิถีทาง
ต่างคนวาง ตัวเด่น ไม่เป็นสอง
หนีบทบาท เกลือกกลั้ว เป็นตัวรอง
เพียรสนอง ตัณหา อัตตาตน
บ้างอ่อนแอ แพ้ภัย ใจมนุษย์
ก็ยั้งหยุด ตัดพ้อ ความฉ้อฉล
ไม่ต่อสู้ ทุ่มเท รับเล่ห์กล
กลายเป็นคน บัดสี คอยหนีภัย
ระหว่างคน ต่างใจ หาใครเหมือน
อย่าสร้างเงื่อน วาดภาพ คราบอาศัย
อยู่ไม่ถึง ร้อยปี อย่าดีใจ
ทำสิ่งใด ควรคิด พิจารณา
เมื่อดูหนัง ละคร ย้อนดูตัว
บทบาทชั่ว สร้างสรร มิหรรษา
ชีวิตจริง เลี่ยงผ่าน ม่านมารยา
เพิ่มคุณค่า ตัวตน ให้พ้นกรรม
เป็นมนุษย์ สุดประเสริฐ เกิดบนโลก
มีทั้งโศก สุขเศร้า บางคราวขำ
แล้วแต่คิด ชั่ว-ดี สิ่งที่ทำ
และจดจำ บทแสดง เปลี่ยนแปลงเอย.@
13 ธันวาคม 2547 13:25 น.
ผู้เฒ่า
คนเขียนกลอน อ้อนคำ นั้นลำบาก
คิดก็ยาก วนเวียน ใช่เขียนง่าย
นั่งหลังแข็ง เหน็ดเหนื่อย เมื่อยแทบตาย
หาความหมาย เจาะจง ให้ตรงคำ
ศาสนา การเมือง นั้นเรื่องยุ่ง
เลยมาดมุ่ง เขียนกลอน อ้อนงามขำ
เคยยอกเย้า เคล้าคละ เขียนประจำ
เผลอถลำ ออดอ้อน ตามกลอนไป
โถแม่คุณ ว่ารวม เพศบุรุษ
ขอจงหยุด เวทนา พ่อปลาไหล
ว่าตำรวจ เรือเมล์ ลิเกรถไฟ
ก็ตามใจ อย่าข่มเหง นักเลงกลอน
อยากจะปล้น แถมด่า นินทาบ้าง
เชิญน้องนาง พี่ฟัง คำสั่งสอน
เพียงอย่าเคร่ง เร่งรัด คิดตัดรอน
หอบรักย้อน หลบหนี จากพี่ไกล
กลอนบทรัก จักสอด บทออดอ้อน
เขียนทุกตอน ภาษา ถาไถล
สำนวนหวาน นั้นหนา กลอนพาไป
แต่หัวใจ ไม่กลับกลอก คิดหลอกลวง
เอาหัวใจ ต้มยำ หรือทำแกง
เชิญแสดง ผ่าส่งให้ พี่ไม่หวง
ถ้าน้อยไป ฝ่ายชาย อีกหลายดวง
คงพร้อมล้วง ส่งให้ ถ้าใครเอา.@