25 เมษายน 2548 00:27 น.
ผู้เฒ่า
รู้ว่าเธอซึมเศร้าไม่เข้าใจ
ฉันทำไมปิดปากมิเปิดเผย
ทั้งที่เธอทุ่มใจยกให้เลย
ยังเมินเฉยเย็นชาสารพัน
ก็เพราะใจยังกลัวตัวยังคิด
ไม่มีสิทธิ์รองรับสำหรับฉัน
คำว่ารัก เอ่ยได้เช่นไรกัน
แต่ใจนั้นก็มีเธอเสมอมา
มีบางอย่างค้างคาอยู่ในใจ
ซึ่งยังไม่ลบเลือนมักเยือนหา
คืออดีตผันผ่านกาลเวลา
หนี้บุปผาเต็มห้วงแห่งดวงใจ
ถ้าฉันเคยเหลวแหลกแต่แรกรุ่น
เธอมิคุ้นแบบฉบับจะรับไหม
ถ้าฉันเคยเกี่ยวข้องเป็นของใคร
เธอรับได้หรือเปล่าที่กล่าวมา
อยากรู้ว่า เธอจะยัง รักฉันไหม
เพราะหัวใจเงียบเหงาเจ้าปัญหา
มีรอยแผลอุจาดดาษดา
ไม่มีค่าสำหรับคู่กับเธอ
ฉันต้องทนทรมานนานเท่าไหร่
เพื่อให้ใจที่รักเธอเสมอ
ซ่อนอาการอ่อนไหวมิให้เจอ
กลัวจะเผลอฝากคำแล้วช้ำใจ
ถ้าฉันเคยเหลวแหลกแต่แรกรุ่น
กลิ่นคาวกรุ่นติดกายจะสายไหม
ถ้าฉันเคยเป็นของใครต่อใคร
จะรับได้ ไหมเธอ..แล้วเจอกัน.@
22 เมษายน 2548 22:41 น.
ผู้เฒ่า
ขอเวลา.-ความฝัน.เพื่อฉันได้ไหม
เสียงหัวใจ..วิงวอน อย่างอ่อนล้า
ขอความฝัน สดชื่น หยิบยื่นมา
ขอเวลา ต่อสาย ลมหายใจ
ขอโอกาส ความสุข ครั้งสุดท้าย
ที่งมงาย เสาะหา ชั่วอายุขัย
ขอความฝัน เลือนลาง อยู่ข้างใน
ดวงหทัย คอยตาม เป็นความจริง
ภาพแห่งฝัน สวยงาม นัยความคิด
สองชีวิต ท่ามกลาง สรรพสิ่ง
ทำทั้งโลก ให้แคบ เฝ้าแอบอิง
สงบนิ่ง มีเพียงเรา เป็นเงากัน
ณ ที่นั้น สิ้นสุข สิ้นทุกข์โศก
เราหยุดโลก ไว้สำหรับ เธอกับฉัน
สิ้นกังวล ผิดถูก เคยผูกพันธ์
โลกสุขสันต์ เสกสนอง เพื่อสองเรา
ล่องลอยสู่ ธารแห่งฝัน วิมานแก้ว
จรัสแวว ห้วงรัก สลักเสลา
สัมผัสรัก ด้วยเสียง เพียงแผ่วเบา
โฉมเฉลา ก้าวล่วง สู่ดวงใจ.@
ความจริงกลอนเรื่องนี้ ตั้งใจจะให้มีบทโรแมนติก สักเล็กน้อย
แต่เนื่องจากรับปาก น้องไว้คนหนึ่งที่นครปฐม..มอบกลอนนี้ให้..
จึงได้แก้ไข และเขียนแค่พอเหมาะพอควร
ความฝัน .เป็นสิ่งที่ทุกคนมีอยู่ ไม่ต้องซื้อหา.เพียงแต่ว่า.จะไปถึงหรือเปล่า..
และเรามีสติพอในการไขว่คว้าไหม.ขอให้ผู้เข้าชมทุกท่านมีความสุขครับ..
20 เมษายน 2548 18:16 น.
ผู้เฒ่า
จะตามง้อหวงหึงไปถึงไหน
เข้าใจไหมสำหรับฉันเธอมันเก่า
ที่ผ่านมาเส้นทางระหว่างเรา
เป็นเพียงเงาคราวครั้งมิตั้งใจ
ที่ผ่านมาเธอเคยหลอกให้ชอกช้ำ
เธอยังจำเหตุการณ์นั้นได้ไหม
เธอก็เคยลวงกันทิ้งฉันไป
ฉันจำไว้คอยย้อนสั่งสอนเธอ
และนี่คือความหลังในครั้งเก่า
ฟังแล้วเศร้าถ้อยคำจำเสมอ
เจ็บพอกันบ้างไหมเมื่อได้เจอ
คำเลิศเลอเธอฟังอย่าวังเวง
เข้าใจไหมสำหรับฉันเธอมันเก่า
เรื่องของเราอุ้มสมใช่ข่มเหง
เธอยินยอมพร้อมใจให้ฉันเอง
อย่ามาเร่งตอบย้ำความสัมพันธ์
โปรดจำไว้ใช่ฉันนั้นข่มเหง
เธอง่ายเองควรรับสำหรับฉัน
คำที่กรีดหัวใจยามไกลกัน
ก็เธอนั่นหยิบยื่น..เอาคืนไป@
เพลงของวงไฮเปอร์..ได้ฟังอยู่สามชุด..อารมณ์เพลงไปในแนวเสียดสีเป็นส่วนมาก
เพลง เธอง่ายเอง..เป็นอีกหนึ่งผลงานเพลงที่เราชื่นชอบ..
แต่ถ่ายทอดออกมาเป็นกลอน..ก็ไม่แน่ใจว่า.จะร่วมอารมณ์กับเพลงได้หรือเปล่า..
เพลงนี้ถ้าสุภาพสตรีฟัง..อาจจะดูขัดหูไปบ้าง..แต่ถ้าพิจารณาให้ดี.ยุคสมัยนี้
ความหมายเพลงฝ่ายชายก็ไม่น่าจะผิดนัก..เป็นเรื่องของการทดแทน..
สำหรับเนื้อหาของบทเพลงนี้..เป็นสิ่งหนึ่งที่เราไม่อยากให้เกิดขึ้น.ในสังคม..
เพราะชีวิตทุกชีวิตมีค่า..ไม่มีใครอยากเจ็บปวด..ขอให้ผู้เข้าชมทุกท่าน มีความสุข..
จากเรา..ผู้เฒ่า โง่งม..
20 เมษายน 2548 00:43 น.
ผู้เฒ่า
ตัดต้นรักนับร้อยทยอยล้ม
สะบัดคมมีดใส่แล้วใจหาย
มองต้นรักหักเกลื่อนแหลกกระจาย
แสนเสียดายพฤกษาค่าหัวใจ
รอสักวันธรรมชาตินั้นอาจช่วย
เอื้ออำนวยสายฝนตกลงใส่
ฟื้นชีวิตต้นรักที่หักไป
เติบโตใหม่กลับคืนให้ชื่นชม
ดาวระยิบวาบเป็นวงอยู่ตรงหน้า
กลางแดดจ้าเหงื่อไหลเปียกไรผม
ร้อนระอุเงียบหายแม้สายลม
ใบหญ้าคมกรีดผิวเป็นริ้วรอย
ฝ่ามือกร้านดำด่างเพราะยางหญ้า
ปาดใบหน้าเหงื่อกระเด็นเป็นฝอยฝอย
มองต้นรักหักล้มถมทยอย
ยางไหลย้อยดั่งว่าน้ำตาคน
ตัดต้นรักนับร้อยทยอยทิ้ง
แต่มีสิ่งซ่อนใน ใจสับสน
มิอาจตัดปล่อยรกให้วกวน
ต้องทุกข์ทนดักดานผลาญไม่ลง
คือต้นรักแรงฤทธิ์พิศวาส
ตัดมิขาดร้อนรุมให้ลุ่มหลง
สารพัดกลเล่ห์เสน่ห์คง
ใฝ่พะวงลงรากยากทำลาย
เหงื่อรินย้อยอาบกายต่างสายน้ำ
ผิวที่คล้ำเจ็บแปลบแสบมิหาย
อ่อนระโหยกำลังทั้งใจกาย
ตะวันฉายซ้ำส่งดั่งลงทัณฑ์
เพราะต้นรักในใจตัดไม่ขาด
สุดอนาถตัวตนให้คนขัน
เหงื่อโทรมกายทำงานสารพัน
คือรางวัลคนโซที่โง่งม
ตัดต้นรักนับร้อยทยอยทิ้ง
แทนทุกสิ่งวันคืนที่ขื่นขม
แทนต้นรักร้างลาในอารมณ์
แม้นโศกตรมยังมีวิถีคลาย
ธรรมดาปุถุชนอยู่บนโลก
สุขและโศกเกิดสลับเสื่อมสลาย
เป็นวังวนชีวิตที่ติดกาย
ตราบวันตายจบจริงทุกสิ่งเอย.@
19 เมษายน 2548 01:02 น.
ผู้เฒ่า
เดินขาถ่างกร่างมิเกรงนักเลงใหญ่
มิว่าใครหลบหน้ามิกล้าหือ
ทั่วพาราความริยำคนร่ำลือ
ว่าเขาคือผู้ยิ่งใหญ่ในธานิน
เหลิงอำนาจวาสนาชอบหาเรื่อง
โอ่คุยเขื่องคณานับมีทรัพย์สิน
ใครก็รู้ทั้งโขยงมันโกงกิน
มิเลือกดินหินขยะตะกละตะกลาม
เพราะสังคมส่วนใหญ่ตัวใครตัวมัน
ต่างอยู่กันตามชอบมิสอบถาม
ถ้าเห็นภัยจวนตัวก็กลัวลาม
พยายามเอาตัวรอดเป็นยอดดี
สังคมเกิดเป็นขั้นชนชั้นขึ้น
เงาทะมึนทาบชัดดูบัดสี
อิทธิพลอำนาจบารมี
เป็นตัวชี้คุณค่าคำว่าคน
ผู้ยิ่งใหญ่เมินข้อครหา
ใครจะว่าข้าก็จะฉ้อฉล
เรื่องเวรกรรมน่าเบื่อมันเหลือทน
บอกกันจนปากฉีกไม่หลีกกัน
คงต้องรอสิ่งที่ใหญ่กว่าใครหมด
มากำหนดรองรับตอนดับขันธ์
แม้นยิ่งใหญ่ใครค้ำไม่สำคัญ
หรือมีวันหลบเลี่ยงแม้เพียงคน
กว้างแค่ศอกยาววาแต่ว่าใหญ่
จะเป็นใครใจกำแหงทุกแห่งหน
ก็ใส่โลงบรรลุประจุตน
มิอาจพ้นโลงซิใหญ่..ในแผ่นดิน