20 กุมภาพันธ์ 2547 21:44 น.
ผู้เฒ่า
....ถึงยามค่ำ ย่ำฆ้อง จะร้องไห้
ร่ำพิไร รัญจวน หวลระห้อย
เมฆาต่ำ ดาวเคลื่อน ดวงเดือนลอย
น้ำค้างย้อย เย็นฉ่ำ พร่ำอาวรณ์
หนาวอารมณ์ ลมเรื่อย เฉื่อยเฉื่อยชื่น
ระรวยรื่น รินริน กลิ่นเกสร
แสนสงสาร ตัวเรา เฝ้าอาวรณ์
สุดอาทร อ้างว้าง อยู่ห่างไกล
วิเวกแว่ว แจ้วเสียง เพียงดนตรี
คล้ายสุมไฟ ใส่พี่ ให้หมองไหม้
เสียงหรีดหริ่ง ร่ำร้อง กล่อมก้องไพร
สุดอาลัย ไกลเธอ เพ้อ.วอนดาว
สายลมหวิว หวิวผ่าน สะท้านจิต
เหมือนชีวิต หมดวิญญาน สะท้านหนาว
แสงเดือนผ่อง เคลื่อนคล้อย ลอยสกาว
ดาวเหมือนเรา ดูเดือนร้าง ริบ.ห่างไป
สุดสวาท ขาดใจ เธอไกลห่าง
สวาทจาง ห่างหาย ใจครวญหา
หวานหวานรัก สุดซึ้ง อย่าพึ่งลา
เสน่หา บั่นใจ เจ็บในทรวง
ดาวจะลับ เดือนลา น้ำตาหล่น
อุรารน ร้าวฤิทธิ์ สกิดสรวง
อย่าห่างหาย ไปลับ กลับเถิดดวง
ทั้งห่วงหวง อ่อนไหว ใจ.คนรอ....
18 กุมภาพันธ์ 2547 23:02 น.
ผู้เฒ่า
ผมที่ขาว กร้านชรา ผิวหน้าย่น
ผ่านแดดฝน ร้อนหนาว ราวจะสิ้น
รุมปะทุกข์ เวทนา เป็นอาจินต์
ชีวิตดิ้น รนสร้าง ประทังกาย
หลังสู้ฟ้า หน้าสู้ดิน ทุกถิ่นที่
ยังร้าง.มี สุขจริง สิ่งที่หมาย
คิดสั่งเสริม เติมสร้าง ซังกะตาย
ฤาใกล้วายต์ มิอาจสบ พบสักครา
แบกถุงผ้า งกเงิ่น เดินมาพบ
เขตบรรจบ แดนกวี ศรีภาษา
แต่งอักษร ร่วมรส พจนา
นัครา เมืองกลอน ที่ผ่อนใจ
เพราะโง่งม งันเงียบ มิเปรียบผู้
ด้อยความรู้ เรียงล้ำ คำไสว
เขียนทุกอย่าง ตามจิต ที่คิดไป
เรื่องจากใจ คำชวน สำนวนกลอน
กลอนตลาด งมงาย อ่านง่ายนัก
แต่ก็รัก แบบอย่าง ทางอักษร
ไร้รูปร่าง สร้างพจน์ ทุกบทตอน
ก็ขอวอน อย่า.เย้า เรา...ชรา