21 กันยายน 2546 15:59 น.
ผู้หญิงสีม่วง
เหน็ดเหนื่อย..เหลือแสน
คับแค้น..จนล้นปรี่
หนักหนา..อ่อนล้าเต็มที
แรงกำลังที่มี..แทบหมดไป
ดุจกังหัน..หมุนคว้าง
ขาดลมนำทาง..หยุดเคลื่อนไหว
เหมือนน้ำหยด..รินรดกองไฟ
สิ้นเชื้อมอดไหม้..ใกล้ดับลง
แต่สิ่งใดไหน..ยืนยั่ง
มีวันผุพัง..เป็นผุยผง
เพียงตั้งจิต..คิดปลดปลง
พลาดพลั้งล้มลง..ยังคงลุกยืน
เมื่อลม..ยังพัดหวน
กังหันคงหมุนทวน..ดั่งเกลียวคลื่น
จุดไม้ขีดใหม่..แล้วใส่ฟืน
ถ่านเถ้ากลับฟื้น..คืน..กองไฟ..
หากท้อ..อย่าถอยสั่น
ล้มแล้วช่างมัน..ลุกสู้ใหม่
ขอเพียงมีฝัน..ไม่มีวันหมดไฟ
กำลังใจก่อเกิดได้..ไม่ยากเกิน
...................................
8 กันยายน 2546 09:15 น.
ผู้หญิงสีม่วง
เธอเก็บตัวอยู่ในความฝัน..อันเงียบเชียบ
ดำเนินชีวิตอย่างราบเรียบ..ภายใต้การปกป้อง
โอบล้อมด้วยกำแพง..ดุจเกราะแกร่งคุ้มครอง
บุภายในด้วยใยยอง..ฟูฟ่อง..อ่อนโยน
วันหนึ่ง..เธอก้าวออกจากเกราะ
ผิวเธอบางเปราะ..เกินรับเรื่องราวอันโลดโผน
เธอถูกรังแก..จากคนกล้าแก่..โชกโชน
เรื่องต่ำช้าหยาบโลน..สร้างความเอนโอนขึ้นภายใน
เธอขยาด..ขลาดต่อโลกอันเลวร้าย
บาดแผลบนร่างกาย..มากมายเกินรับไหว
ร่องรอยของความบอบช้ำ..รุกล้ำถึงหัวใจ
เธอ..เจ้าหญิงผู้อ่อนไหว.....
.....จะอยู่ได้อย่างไร..ในโลกแห่งความจริง
แม้โลกภายนอก..ยุ่งเหยิงและกว้างใหญ่
แต่กลับมากมาย..สร้างความสดใสให้เจ้าหญิง
ชีวิตชีวารายรอบ..กว่าการนิ่งอยู่ในกรอบไม่ไหวติง
กรอบที่อยากสลัดทิ้ง..อยากอยู่กับความจริง..ใช่เพียงเงา
หมดเวลา..ถอยหนีการรุกราน..
เธอจึงจบชีวิตในโลกจินตนาการ..ใบเก่า
และสร้างชีวิตใหม่..มีตัวตนอยู่ในโลกสีเทา
สู้ชีวิตด้วยสองมือ..สองเท้า..และกล้าที่จะก้าว..ตลอดไป
เธอเปิดศึกกับความหยาบช้า..
สร้างความเข้มแข็งจากรอยน้ำตา..และความหม่นไหม้
บาดแผลสร้างบางสิ่ง..ที่อยู่ได้ในชีวิตจริงอย่างมีไชย
นับจากนี้เจ้าหญิงจะมีหัวใจ....
.....เข้มแข็ง..ไม่อ่อนไหว..ไปตลอดกาล...
...................................