14 กุมภาพันธ์ 2550 14:11 น.
ผู้หญิงช่างฝัน
ไม่เคยมีความหมายในวันนี้
และไม่มีความสำคัญในวันไหน
เป็นเพียงแค่ดอกหญ้าค่าต่ำไป
มิเทียมได้กับค่าคำว่า รัก
อาจมีคนหลงใหลในบางครั้ง
แต่ก็ยังไม่มีที่แน่นหนัก
เคลิ้มคล้อยปล่อยใจเคียงเพียงชั่วพัก
เมื่อตระหนักความจริงก็ทิ้งไป
เป็นเจ้าของกุหลาบงามที่ล้ำค่า
มีศักดิ์กว่าดอกหญ้าดินเป็นไหนไหน
แค่ดอกหญ้าไร้กลิ่นถิ่นพงไพร
เหยียบย่ำช้ำเพียงไหนใครอาทร..
หมดสิ้นความสำคัญ วันแห่งรัก
ได้ประจักษ์ถึงค่าดอกหญ้าอ่อน
ถูกละเลยทิ้งร้างบนทางจร
ให้ร้าวรอนสะท้อนทกกับอกดิน
ดอกหญ้าวาเลนไทน์ :: 13 ก.พ. 49 - 17:14
..
วันนี้ของปีก่อน.. ฉันเขียนบทกลอนตัดพ้ออะไรบางอย่าง
วันแห่งความรัก.. วันที่ไม่เคยมีความหมายกับฉันมานานนักแล้ว
ของขวัญวันวาเลนไทน์..
ดอกไม้... สำหรับวันแห่งความรัก
ดอกไม้หรือ...
มีเพียงคนใกล้ชิดไม่กี่คนกระมัง.. ที่รู้ว่าฉันโปรดปรานช่อดอกไม้สดเป็นที่สุด
ไม่กี่คน.. ที่รู้ว่าของขวัญที่ทำให้ฉันสุขใจและยิ้มได้ในทุก ๆ เทศกาล
คือดอกไม้เล็ก ๆ ช่อเดียวเท่านั้น
แต่.. ดอกไม้เล็ก ๆ และคนใกล้ชิดในไม่กี่คนนั้น ได้ห่างหายจากชีวิตฉันไปนานแล้ว..
ยังคงมีบ้างในบางโอกาส ที่ฉันสั่งช่อดอกไม้สดเป็นของขวัญให้ตัวเอง..
และก็น่าขัน.. ครั้นเมื่อบอกกับคนช่างสงสัยรอบข้างว่าฉันซื้อเอง
พวกเขามักไม่อยากจะเชื่อ..
ไม่เห็นจะแปลกนี่นะ.. ก็ในเมื่อฉันรอที่จะมีคนมอบให้ไม่ไหวนี่นา..
แต่คุณว่ามั้ย..
ชีวิตคนเรา.. บางทีก็ตลกกว่าที่คิด..
สิ่งที่เคยอยากได้ กลับไม่ได้
สิ่งที่ไม่คิดว่าจะได้ กลับมีเข้ามา...
.. ปีนี้...
กุหลาบแดงช่อเล็ก ๆ ยิ้มรับฉันในอรุณรุ่งของวันแห่งความรัก
การ์ดเล็ก ๆ กับข้อความสั้น ๆ แด่.. นางฟ้าของผม
ที่แม้จะไม่ได้ลงชื่อ.. แต่ฉันก็รู้..
คิดให้ขำขำ ป่านนี้แล้วยังมีคนหูตาฝ้าฟางหลวมตัวมาซื้อดอกไม้ให้อีกแฮะ..
แต่ยามนี้ฉันกลับขำไม่ออก...
ฉันนึกไปถึงเรื่องราวที่คนช่างเล่าคนหนึ่งเล่าให้ฟัง
เรื่องราวของชายหนุ่มผู้ซึ่งไม่ต้องการรับดอกไม้จากบรรดาหญิงสาว
ด้วยมีความคิดว่าหากตนรับ นั่นหมายถึงตนได้เปิดรับความรู้สึก
ของหญิงสาวเหล่านั้นเข้ามา ซึ่งเขาไม่ต้องการ..
แต่กลับมีบางเสียง ที่แย้งความคิดของเขา
การรับดอกไม้นั่น..
..หมายถึงการเปิดโอกาสให้คนอื่นได้แสดงความรู้สึกที่เขามีต่อเราต่างหาก
มันทำให้ฉันสงสัยต่อไปว่า
การเปิดโอกาสให้คนอื่นได้แสดงความรู้สึกที่มีต่อเรา...
คือการให้ความหวัง เพื่อที่จะต้องพบกับความผิดหวังในวันข้างหน้าหรือเปล่านะ
แล้วฉันควรจะรับกุหลาบช่อนี้ไว้ดีหรือเปล่า (วะ) นี่..!..
ทำไมเราถึงคบกันไม่ได้.. ช่วยบอกผมหน่อย
ฉันนึกเลยเถิดไปถึงคำที่เจ้าของกุหลาบช่อนี้เคยคาดคั้นถาม..
เฮ้อ...อ...อ....! ฉันถอนหายใจยาว ๆ แล้วบอกไปว่า.. ก็รู้ ๆ อยู่.. จะต้องถามทำไม
มันไม่สำคัญหรอกนะ ทุกอย่างมันอยู่ที่ใจ เขายังไม่ยอมแพ้
ฉันลอบถอนใจเบา ๆ เพื่อระบายความอึดอัด.. แต่ก็เลือกที่จะไม่พูดอะไร
มันสำคัญมากนักหรือ สำคัญมากกว่าความจริงใจที่ผมมีใช่มั้ย.. เขาถามอีก..
มันก็แค่ความรู้สึกฉาบฉวยน่ะ.. อีกไม่นานก็จะหายไปเอง
ฉันพูดอย่าง (กับ) คนเข้าใจชีวิต
แต่มันเกือบปีแล้วนะ.. ที่ผมรู้สึกแบบนี้..
.......... ฉันเงียบ..
.......... เขาก็เงียบ
เอางี้.... ..อีกสองปี ถ้ายังรู้สึกเหมือนเดิมอยู่ค่อยมาคุยกันใหม่ ดีมั้ย
.. ฉันพยายามหาทางออก เขาเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วบอกว่า..
... แล้วถ้าวันนั้นผมยังรู้สึกเหมือนเดิมล่ะ...
..ก็ค่อยมาว่ากันงัย.. ฉันรีบสรุป
............
....
ฉันดึงความคิดตัวเองกลับมาที่กุหลาบช่อน้อยบนโต๊ะทำงาน...
ของขวัญวันวาเลนไทน์.. ที่ฉันเคยหวัง.. และเฝ้ารอคอย
ความจริง...ฉันอยากจะมีความสุข ปลาบปลื้ม และยิ้มบาน ๆ ให้กับกุหลาบช่อนี้นะ
เพียงแต่..
ฉันไม่เข้าใจ..
ว่าทำไมชีวิตต้องเล่นตลกกับฉันอย่างนี้ด้วย...
ทำไมชายหนุ่มที่ทำให้ฉันสมหวัง...และ (แอบ) ชื่นใจเล็ก ๆ แบบนี้ได้...
...
......
........
ถึงต้องเกิดทีหลังฉันตั้งเป็นสิบปีอย่างนี้ด้วยเนี้ย.ย..ย.. แง๊... ง... ง