14 มกราคม 2550 13:00 น.

บันทึกเล่มใหม่

ผู้หญิงช่างฝัน



เช้านี้.. ฉันตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกปลอดโปร่ง
เป็นคืนแรกในช่วงสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่ฉันรู้สึกเต็มอิ่ม.. กับการพักผ่อน
ที่เคยเหนื่อย..
ที่เคยล้า...
ที่เคยว้าวุ่น..
ก็ดูเหมือนจะสิ้นฤทธิ์ หมดพิษสง..
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความรู้สึกฉันได้ตกต่ำจนถึงที่สุดแล้ว หรือเพราะฉันเข้มแข็งขึ้น

หรือที่เค้าว่า.. 

เมื่อเราถูกทำให้เจ็บปวด
หรือทำตัวเองให้เจ็บปวดได้ถึงที่สุดแล้ว
เราจะรู้สึกถึงได้ว่า - - -

ไม่มีอะไรจะเจ็บปวดอีกแล้ว
ไม่มีอะไรน่าเจ็บปวดอีกต่อไป

หรือไม่รู้ว่าจะเจ็บปวดต่อไป - - เพื่ออะไร - -

..จะเป็นจริง ..

ฉันทบทวนเรื่องราวต่าง ๆ  ที่ผ่านมา  กับอีกบางเรื่องราวที่กำลังจะผ่านไป
ฉันมองเห็นความไร้สาระของตัวเองผ่านชีวิตอันเปี่ยมด้วยสาระของคนอื่น

- ความเศร้า - ทำลายฉันจนแทบจะกลายเป็นคนแปลกหน้าของตัวเองไปแล้ว 

ฉันหยิบหนังสือหลายต่อหลายเล่มมากองไว้  
ทั้ง ๆ  ที่รู้ว่ามีหนังสืออื่นที่ควรอ่านมากกว่านั้น  ..เอาน่า.. ครั้งสุดท้ายแล้ว  
ฉันบอกตัวเองเป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้

หนังสือหลายต่อหลายเล่ม..  
หนังสือดีดี ที่ฉันเคยหยิบประโยคนั้น ประโยคนี้ ไว้คอยสอนใจคนอื่น
แต่หลงลืมที่จะเก็บมันมาบอกตัวเอง

 ความทรงจำสุดสวยหวาน  ทำให้คุณหายใจออกมาเป็นคำว่า.. เสียดาย..

หนังสือเล่มหนึ่งบอกฉันอย่างนั้น..

 คุณปล่อยเวลาหมดไปกับการคิดถึงอดีตและเฝ้าหวังให้มันย้อนคืนกลับมา
ฉันอยากรู้นักเชียว ความต้องการเหล่านั้นจะไปอ้อนวอนจากใคร 

คุณรู้บ้างหรือเปล่าว่าชีวิตคุณกำลังจะเดินทาง เดินทางไปในที่สักแห่งหนึ่งที่เป็นจุดหมาย
ยากที่คุณจะมองเห็นวันวานหรือพบเจอกับความทรงจำเก่า ๆ  
จะมีเพียงแค่โลกกว้างให้คุณได้สูดอากาศ  
ผู้คนมากหน้าหลายตาที่อาจหยิบยื่นมิตรภาพอันอบอุ่น 
และการยิ้มรับชีวิตใหม่ของคุณผู้เข้มแข็ง  แล้วไยคุณจึงฉุดรั้งชีวิตของคุณเองเช่นนั้น
ไยคุณกล้าที่จะเจ็บจมกับอดีต มากกว่าที่จะออกไปพบกับสิ่งสวยงาม...  ฉันไม่เข้าใจ 

นั่นสินะ..  ฉันคิดตาม

อะไรกันที่ทำให้ฉันอ่อนแอได้จนถึงขนาด...  ฉันยึดติดและเสียดายอะไรกันนะ
.. ความผูกพันอันเหมือนเส้นใยเบาบาง..  
ที่เพียงแค่กระแอม..ก็ปลิวหายจากฉันไปไหนต่อไหน. อย่างนั้นหรือ..
.. หยดน้ำค้าง..  
ที่นำพาความชุ่มชื่นมาให้ประเดี๋ยวประด๋าวแล้วก็เลือนหาย อย่างที่มีคนเปรียบให้ฉันฟัง..อย่างนั้นหรือ...

คุณคือ ผื น ห ญ้ า อ่ อ น ไว้นอนหนุน
ให้อบอุ่นในคืนวันอันหมองหมาง
ซับน้ำตาประโลมปลอบใจบอบบาง
ดับอ้างว้างด้วยดวงใจมิตรไมตรี..
 
บทหนึ่งของงานที่ฉันตั้งใจเขียน เมื่อครั้งรู้สึกขอบคุณใครที่ให้รู้สึกดีดีมากมายแก่ฉัน

 ผืนหญ้าอ่อน.. อย่านอนนาน   

หนังสือเล่มนี้กลับบอกฉันอย่างนั้น

 ผืนหญ้านุ่มที่แผ่กว้าง..  
ให้คุณทิ้งตัวลงนอนพักผ่อนเอนกายได้เสมอ
แต่แท้จริงแล้วหญ้านั้นช่างอ่อนไหวนัก
หากต้องแบกรับคุณนานเกินไป
อย่างไรมันก็มีวันแห้งเหี่ยวเฉา 

นั่นสินะ..  ฉันคิด..

				
11 มกราคม 2550 21:12 น.

อุ่นไอ..ในลมหนาว..

ผู้หญิงช่างฝัน


พัดผ่านมาอีกระลอกแล้ว... ลมหนาว
แต่ครั้งนี้.. ฉันกลับสัมผัสไม่ได้ถึงความอบอุ่นแห่งหนาวนั้น
อุ่นเดียวที่ฉันปรารถนา..  และเฝ้ารอคอย.. 
อุ่นเดียวที่แม้มิอาจจับต้อง แต่ฉันก็เคยได้สัมผัส.. ได้รู้สึก...

แล้ววันนี้
วันที่ลมหนาวเยือน..  ใยฉันจึงรู้สึก ห น า ว เ ห น็ บ บาดลึกลงไปถึงเนื้อในเช่นนี้เล่า  
เพราะเหตุใด.. ลมหนาวเจ้าเอย

ฉันเศร้านัก..


น้ำตาเธอไหลในคืนเหงา
เงียบงันอยู่กับเงาอันเปล่าว่าง
ร่องแก้มมีน้ำใสไหลเป็นทาง
ค่อยค่อยแห้งแล้งร้างไปจากตา

ดวงใจเธอโศกเกลื่อนรอยโศก
ฉีกขาดวิปโยค  ปรารถนา
ฝันบิน  ดั่งนกที่ผกฟ้า
แรงก็กล้า  ปีกก็หลุบลงเกลือกดิน

ชีวิตเธอช้ำและอับเฉา
ผลิดอกไม้สีเทาที่ไร้กลิ่น
ซุกอยู่ในมุมแคบแห่งราคิน
อึดอัดทัดถวิลถึงชีวี

ความฝันเธอแห้งเหมือนแล้งฝัน
แสวงหานิรันดร์อันริบหรี่
แต่งดาวประดับฟ้าในราตรี
ดาวก็ดับทับทวีทรมาน

ความหวังเธอปลิวลิ่วถลา
สลายหวังวุ่นว้าทุรนร่าน
สลายแล้วสลายเล่าช่างร้าวราน
หวังแล้วขาดพลาดผ่านเพียงสายลม

เธอเปิดประตู ออกจากห้อง
เหม่อมองด้วยตาอันขื่นขม
มองดิน  มองฟ้า  มองสังคม
รับน้ำค้างพร่างพรมในราตรี

เธอเห็นดาวตกที่ปลายฟ้า
เห็นดาวอื่นยังคงค่าฉายแสงสี
ทำให้เธอเข้าใจในชีวี
รอให้มีความหวังพลังใจ

เธอเดินเหงาหงอยอยู่ริมถนน
มองผู้คนคึกคักขวักไขว่
คนอื่นก็มองเธอสลับไป
ไม่รู้ใครเป็นใครที่ผ่านทาง

เธอเห็นราตรีที่มืดมิด
ใจเธอคิดถึงอรุณจะรุ่งสาง
ดวงตา  เงียบเหงา  อ้างว้าง
ฝ่ามอง  ฟ้ากว้างและทางไกล

เธอกลับเข้าไปอยู่ในห้อง
นั่งมองฝาผนังเห็นหยากไย่
พอหลับตาก็เห็นภาพใครต่อใคร
กวักมือเรียกเธอออกไปร่วมเดินทาง  / ไพวรินทร์  ขาวงาม


ฉันซ้ำโศก.. ด้วยกวีบทเศร้า (สำหรับฉัน)  
เพิ่มดีกรีความรานร้าวที่ท่วมท้นจากฤดูกาลที่แสนรัก
ลมหนาวเจ้าเอย ..   
ใยเจ้ามาแปรเปลี่ยนไปในช่วงที่คืนวันเว้าแหว่ง แล้งไร้..   วันที่เศร้าสุมรุมหัวใจเช่นนี้นะ

ฉันเฝ้าแต่คร่ำครวญ..


หนาวราวคมแห่งมีดมากรีดเนื้อ
เนื้อยังเหลือรอลมกรีดคมให้
และทุกครั้งดั่งมีดมากรีดใจ
จะทนไว้ให้กรีดสักกี่คม

เรณูฤดูหนาวปวดร้าวนัก
ปลิวไปในความรักที่ขื่นขม
ผิวจักขาดบาดผิวด้วยริ้วลม
เกินจักห่มบาดแผลด้วยแพรพรรณ

ดวงเนตรฤดูหนาวราวฉ่ำน้ำ
ค้างผลึกลึกล้ำสะท้านสั่น
เพียงพร่ำพลอดยอดหญ้าท้าตะวัน
หนาวสิ่งนั้นสิ่งนี้นี่หนาวนัก   / ไพวรินทร์  ขาวงาม


อุ่ น เ ดี ย ว ที่ ฉั น ป ร า ร ถ น า..  แ ล ะ  เ ฝ้ า ร อ ค อ ย.. 
อุ่ น เ ดี ย ว ที่ แ ม้ มิ อ า จ จั บ ต้ อ ง   แ ต่ ฉั น ก็ เ ค ย ไ ด้ สั ม ผั ส..  ไ ด้ รู้ สึ ก...

พัดผ่านไปโดยเร็วเถิด... ลมหนาว     

ฉันภาวนา...

				
6 มกราคม 2550 15:46 น.

.. ในรู้สึก ..

ผู้หญิงช่างฝัน



ลมหนาว...  อ่อนแรงลงทุกที ทุกที..  คำภาวนาของฉันดูเหมือนจะไร้ผล...   
ฉันปลอบใจตัวเองว่า ... แม้จะเป็นเพียงชั่วระยะเวลาสั้น ๆ  
แต่ฉันก็ยังได้มีโอกาสสัมผัสถึงความอบอุ่นแห่งสายลมหนาวนี้นี่นา
แม้ว่าจากนี้.. จะได้แต่รอเวลา และหวังว่า.. ลมหนาว.. จะมาเยือนฉันอีกครั้ง..ในเร็ววัน..

วันนี้...  ฉันปล่อยให้ความคิดล่องลอยไปถึงใครต่อใครอีกแล้ว
  
 คุณเป็นอะไร.. / ..ไม่สบายใจเรื่องอะไร    มีคนถามฉันเมื่อคืนนี้

 เปล่า..  ไม่ได้เป็นอะไร     

แค่รู้สึก.. เหมือนตรงนี้ไม่มีใคร..  แค่รู้สึก.. ว่ า ง เ ป ล่ า  และ ห ด หู่ 
  (ประโยคนี้.. ฉันได้แต่นึกอยู่ในใจน่ะ )

จริง ๆ  แล้ว มีความรู้สึกมากมายที่ฉันอยากบอกเล่าให้ใครนั้นได้รับรู้..  
แต่เมื่อฉันตอบตัวเองไม่ได้ว่า เพื่ออะไร..  ฉันจึงได้แต่เก็บมันไว้ ..ข้างใน..
เพราะบางอย่างถึงพูดไป.. เขาก็คง  .. ไม่ได้ยิน .. 

.. ผู้หญิงช่างรู้สึก...
ฉันชอบเรียกตัวเองอย่างนี้... 
เพราะดูเหมือนความละเอียดอ่อนของความรู้สึก
มันระริกไหวอยู่ในสายเลือดฉันอยู่ตลอดเวลา จนอดนึกระอาตัวเองไม่ได้..

 .. ผู้หญิงช่างคิดเล็กคิดน้อย .. 
แต่กลับมีบางคนชอบเรียกฉันอย่างนั้น...  และฉันก็ ช่ า ง เ ป็ น  
อย่างที่เค้าเรียกจริง ๆ เสียด้วยสิ..  
ถึงแม้จะไม่ค่อยชอบนัก แต่ฉันว่า.. มันฟังดูดีกว่าคำว่า ฟุ้งซ่าน  มากเลยนะ
..

ฉันนึกไปถึงคำสนทนาของค่ำหนึ่ง...  
เมื่อครั้งนึกอยากให้ใครบางคนที่ทำให้ฉันรู้สึกวุ่นวายใจ.. หายไปจากชีวิต..

 คุณต้องการให้เขาหายไปจากชีวิตคุณแบบไหน?   

ไม่รู้.. หายไป.. เหมือนไม่เคยรู้จัก  ไม่เคยใกล้ชิด...  เหมือนคนแปลกหน้า 

ฉันไม่รู้หรอกว่า...  ถ้าใครคนนั้น หรือคนอื่น.. หายไปจากชีวิตของฉันจริง ๆ    
ฉันจะมีความสุขและสบายใจกว่าที่เป็นอยู่ในขณะนี้หรือไม่
หรือฉันอาจจะต้องเสียใจ.. ทุกข์ทรมานใจยิ่งไปกว่าเดิม 
ที่สำคัญกว่านั้น.. 
คือฉันไม่รู้ว่า อย่างใดกันแน่.. ที่ฉันต้องการ
และเพราะเจ้าความไม่รู้ทั้งหลายนี่เอง ที่ทำให้ฉันยังคงว้าวุ่น.. สามวันดีสี่วันป่วยอยู่อย่างนี้

หรือว่า..  ฉันต่างหากที่ควรเป็นฝ่ายเดินออกไปจากชีวิตใคร ๆ 

อย่าเป็นแบบนี้บ่อยนะ     คำที่ฉันฟังจนชินหู..   
และอดยิ้มไม่ได้เมื่อนึกถึงว่าคนที่พูดกับฉันแบบนี้ก็คงจะชินปากไปแล้วเหมือนกัน

*  ...จนเวลานี้ยังไม่เข้าใจตัวเองว่าจริง ๆ  แล้วรู้สึกอย่างไร
บางครั้งเหมือนความสุขวิ่งเข้ามาเต็มหัวใจยามที่อยู่ใกล้ ๆ  
บางครั้งก็เหมือนเหนื่อยหน่ายที่จะรู้สึกอะไร...   

.. บางวันเหมือนไม่รู้สึกอะไรสักนิด แต่ยามจากมา กลับรู้สึกเหมือนมีอะไรมาทับถม
เต็มล้น หนักอื้งอยู่ข้างใน อยากหวนคืนกลับไปพูดคุยด้วย อยากไปซุกตัวใกล้ ๆ ...  

.. แต่ทุกครั้งที่รู้สึกอย่างนี้  สิ่งที่ตามติดมาด้วยเสมอ ๆ  คือ.. ก า ร เ จ็ บ ลึ ก ... * 

ฉันหยิบเอาอารมณ์  ..คนชื่อขลุ่ยเขียน..  มาวางแทนความรู้สึกตัวเอง

เอาน่า..
ฉันยังหวัง... ความอบอุ่นแห่งสายลมหนาว คงจะมาเยือนฉันอีกครั้ง  ในเร็ววัน..


				
Lovers  1 คน เลิฟผู้หญิงช่างฝัน
Lovings  ผู้หญิงช่างฝัน เลิฟ 1 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟผู้หญิงช่างฝัน
Lovings  ผู้หญิงช่างฝัน เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงผู้หญิงช่างฝัน