19 กุมภาพันธ์ 2554 13:53 น.
ผู้สัญจร
ภาพเลือนเลือนรางรางแล้วจางหาย
บอกความหมายกลายกลับความดับสูญ
จากที่เคยชิดเชื้อและเกื้อกูล
ต้องอาดูรเปล่าเปลี่ยวและเดียวดาย
ภาพตะวันตกดินทุกถิ่นที่
ฟ้าเปลี่ยนสีแสงสว่างเริ่มจางหาย
ความมืดมิดปิดครอบจนรอบกาย
บอกความหมายไม่นานเปลี่ยนกาลไป
ภาพผืนทรายรายรอบด้วยขอบฟ้า
น้ำพัดพาทรายเกล็ดทุกเม็ดไหล
ไม่เคยหยุดคงสภาพตราบวันใด
บอกถึงใจแปรเปลี่ยนหมุนเวียนวน
ภาพเมฆาลอยล่องเที่ยวท่องหล้า
ผ่านภูผาเฉียดใกล้แค่ปลายสน
บอกถึงความห่างไกลที่ใกล้ตน
ไม่หลุดพ้นความคิดอนิจจา
ภาพต้นไม้ผลิใบที่ปลายกิ่ง
บอกทุกสิ่งมีเกิดกำเนิดกล้า
ต่างเติบโตผลิใบสู่สายตา
แล้วโรยราร่วงหล่นที่บนดิน
ภาพเลือนเลือนรางรางแล้วจางหาย
บอกความหมายกลายกลับคนดับสิ้น
ทิ้งสิ่งใดไว้ต่อธรณินทร์
เพื่อให้วิญญาญเราไม่เศร้าตรม...
---------------
14 มกราคม 2554 00:05 น.
ผู้สัญจร
ไม่รู้ซิถ้าถามถึงความแค้น
มันอัดแน่นในอกแทบหมกไหม้
ภาพพี่น้องของข้าประชาไทย
ถูกเขาไล่ยิงยับจนลับลา
เห็นเลือดนองกองพื้นสะอื้นอก
ดุจนรกย้ำเตือนเป็นเพื่อนข้า
ข้าเห็นไทยฆ่าไทยในน้ำตา
ที่หยดมาท่วมในใจทุกคน
ข้าก็รักแผ่นดินถิ่นอาศัย
ไม่น้อยไปกว่าใครในทุกหน
ในเลือดข้าก็ไทยที่ใจทน
เลือดข้าข้นเข้มคลั่กดังปลักควาย
เมื่อพี่น้องของข้าถูกฆ่าทิ้ง
ข้าก็ยิ่งเจ็บปวดดังลวดหวาย
ฟาดกระหน่ำโบยข้าจนน่าตาย
เหลือแต่กายซากซบแทบกลบดิน
สักวันหนึ่งยังรอขออุทิศ
ก่อนชีวืตผุพังพลังสิ้น
จะทดแทนแผ่นฟ้าและธานิน
จนเลือดรินหลั่งหายทั้งกายใจ
ไม่รู้ซิถ้าถามถึงความแค้น
มันอัดแน่นในอกแทบหมกไหม้
ภาพทุกอย่างย้ำติดสนิทใน
ดุจเปลวไฟเผาจิตในนิทรา.....
--------------
17 ธันวาคม 2553 13:38 น.
ผู้สัญจร
เสียงสัญญาณเรียกเข้าเมื่อเขารับ
เสียงดังทับสายซ้อนที่อ้อนสาว
เสียงชราพร่าดังเป็นครั้งคราว
กับเรื่องราวน่าเบื่อเหลือระอา
เป็นถ้อยคำซ้ำซากไม่อยากรู้
ถ้อยคำดูเก่าเก่าไม่เข้าท่า
ความห่วงใยสายตรงที่ส่งมา
ไม่มีค่าที่ควรให้ชวนฟัง
เทียบกับเสียงน้องแก้วที่แว่วหวาน
แสนสะท้านในทรวงสู่ห้วงหวัง
เสียงฉอเลาะเพราะพริ้งดูจริงจัง
ประดุจดั่งธาราน่าภิรมย์
จึงตัดสายเสียงชราที่มาทับ
เพียงรอรับเสียงปลุกความสุขสม
ปล่อยน้ำเสียงสั่นพร่าให้ล้าจม
กับสายลมพรมพร่างจนห่างไกล...
ที่ปลายสายหญิงชราในตาหลับ
โทรศัพท์ในมือยังถือไว้
เบอร์ที่เห็นเด่นชัดเหมือนวัดใจ
เบอร์ที่ได้โทรหาในนาที
ก่อนความตายจะพรากไปจากโลก
ก่อนที่โชคกลั่นแกล้งหมดแรงหนี
ก่อนสิ้นลมโทรมาหาคนดี
กดเบอร์นี้แน่วแน่ก่อนแม่ตาย
-------------------
9 ธันวาคม 2553 22:03 น.
ผู้สัญจร
เมื่อกลับมาที่เก่าใจเศร้าหมอง
ความเรืองรองก่อนนี้อยู่ที่ไหน
ความอบอุ่นคุ้นเคยละเลยไป
เหมือนน้ำใสไหลผ่านกาลเวลา
เคยอยู่กันตรงนี้เคยมีรัก
ได้มาพักร่วมฝันถึงวันหน้า
ด้วยหัวใจที่อาบทราบศรัทธา
ยามสบตาต่างดูจนรู้ดี
เสียงหัวเราะเคยดังเมื่อครั้งก่อน
คำสั่งสอนตักเตือนฉันเพื่อนพี่
กาลเวลาลับเลือนเป็นเดือนปี
กลางราตรีที่เคยได้เผยใจ
ยี่สิบปีที่ผ่านคงนานนัก
ได้มาพักหลับตาเคยอาศัย
มาบัดนี้เงียบเหงาเศร้าฤทัย
คนจากไปใจดับดุจลับลา
คงเหลือซากความฝันในวันเก่า
วันที่เราร่วมกันสุขหรรษา
ที่เคยทุกข์สุขกันทุกวันมา
วันพร้อมหน้าไม่มีต่อนี้ไป
ซากความฝันวันนี้ไม่มีแล้ว
ไร้วี่แววเสาะหาวันฟ้าใส
ณ ที่นี่ทุกอย่างดูห่างไกล
ทิ้งหัวใจโหยหาให้พร่าเลือน.....
***********
29 พฤศจิกายน 2553 22:47 น.
ผู้สัญจร
จดหมายถึงนาธานไอ้หลานรัก
อาณาจักรเนปาลเมื่อวานนี้
มีหิมะตกท่วมปฐพี
ไร่ลิ้นจี่ของเราต้องเฉาตาย
ที่ยอดเขาหิมาลัยมีไอหมอก
ต้นมะกอกถูกถอนจนนอนหงาย
แม่น้ำใหญ่ตื้นเขินเป็นเนินทราย
ทั้งฝูงควายที่เลี้ยงต่างเกี่ยงงอน
ข้าวก็ยากหมากก็แพงแสงก็จ้า
ลุงก็ล้าในอกสะทกสะท้อน
เพราะคิดถึงแต่เจ้าจึงเว้าวอน
แม้ยามนอนลุงกลับไม่หลับลง
อยากมาอยู่เมืองไทยวิไลลักษณ์
ขอมาพักอาศัยอย่าไล่ส่ง
ถ้านาธานเห็นหน้าก็อย่างง
เราเผ่าพงศ์เดียวกันอย่าพรั่นพรึง
บรูซ วิลลิส สั่งมาอย่าหน้ายู่
The Prince Of Red Shoe คนดูทึ่ง
ถ่ายหลายปีหน้าบานเป็นจานกลึง
สองสลึงหนึ่งเฟื้องกับเรื่องราว
จบจดหมายนาธานไอ้หลานรัก
น้ามดบ่นว่าหนักจะชักง้าว
เมื่อลุงไปพบเจ้าจะเล่ายาว
แล้วจะหนาวทั้งตัวยันขั้วใจ....
***********