10 กรกฎาคม 2551 06:55 น.
ผีเสื้อปีกบางฯ
"รถแม่งติดชิ๊บบบหาย" ผมสบถกับตัวเอง
มันเป็นเวลาเกือบบ่ายของวันจันทร์ ที่รถติดบรรลัย
บนถนนสายธุรกิจใจกลางกรุงเทพมหานคร
ผมนั่งมองรถหลากหลายยี่ห้อ ที่จอดต่อกันยาวเหยียด
เหมือนหนอนยักษ์ตัวยาวที่นอนสงบนิ่ง นานๆครั้งจะค่อยๆ
คืบคลาน กระดึ๊บ กระดึ๊บ เป็นระยะทางนิดนึง แล้วนอนนิ่งอีก
ลมเย็นจากช่องแอร์ ที่พุ่งตรงมาปะทะตัวผม และเพลง
"When we make a home" ดังแผ่วๆ ทำให้ความหงุดหงิด
ลดลงได้บ้าง หนอนยักษ์เริ่มขยับตัวได้อีกหน รถของผมเคลื่อน
ผ่านร้านค้าที่ผมต้องมาติดต่อ แต่ผมจะจอดรถที่ไหนหละ
สอดส่ายสายตาหาที่จอดรถ ทันใดนั้นผมก็สะดุดกับร้านก๋วยเตี๋ยว
"รสเชงเชง" ร้านเล็กๆ อยู่ในตึกแถวคูหาเดียว ลูกค้าแน่นร้าน
แล้วยังมียืนรออยู่หน้าร้านอีกด้วย
ผมชอบกินก๋วยเตี๋ยวเป็นชีวิตจิตใจ จำไม่ได้หรอกว่าเริ่มชอบ
กินตั้งแต่เมื่อไหร่ จำได้แต่สาเหตุมาจากการที่ผมไม่ชอบกิน
ข้าวแข็งๆ ทำไมคนเราชอบหุงข้าวแบบแข็งๆ จริงอยู่ข้าวที่หุง
แข็งดูสวย แต่มันกินไม่อร่อยเอาซะเลย เหมือนสวยแต่รูป
จูบไม่หอมนั่นแหละ ก๋วยเตี๋ยวจึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผม
ผมตัดสินใจหักพวงมาลัย เลี้ยวเข้าซอยเล็กๆเลยร้านรสเชงเชง
มาเล็กน้อย เพื่อหาที่จอดรถ แต่ในความเป็นจริงร้านก๋วยเตี๋ยว
นั่นต่างหากที่ดึงดูดผม ซอยนี้เป็นซอยไม่ยาวนัก ตัดทะลุ
ถนนอีกสายหนึ่ง สองข้างทางเป็นบ้านขนาดใหญ่ มีบริเวณกว้าง
รั้วบ้านสูงต่อกันเป็นพืด ผมขับรถมาเรื่อยๆจนเกือบทะลุถนน
อีกด้าน หลังตึกแถวสูง 3 ชั้น 4 คูหา ที่ติดถนนเป็นที่จอดรถกว้าง
ของคลีนิค "เกื้อการุณ" เป็นโชคดีของผมซะจริงจริง
ร้านรสเชงเชงเป็นร้านก๋วยเตี๋ยวหมูน้ำแดง อยู่ในตึกแถวคูหาเดียว
แต่ลึก ผนังสีครีมเย็นตา พื้นปูแกรนิตโต้สีขาว เป็นร้านเล็กๆที่ดู
สะอาดสะอ้าน ภายในร้านมีโต๊ะไม้สักสี่เหลี่ยม สีไม้ธรรมชาติตั้งอยู่
10โต๊ะ แต่ละโต๊ะมีม้านั่งไม้สักสี่เหลี่ยมเข้าชุดกัน วางล้อมประกบ
อยู่ 4 ตัว เปิดขายตั้งแต่เวลา 11.00 - 15.00 น.
ที่หน้าร้านด้านหนึ่ง มีเคาน์เตอร์ตั้งตู้กระจกแบ่งเป็นสองชั้น
ชั้นล่างจัดวางเส้นนานาชนิด เส้นใหญ่ เส้นเล็ก เส้นหมี่ขาว เส้นบะหมี่
ชั้นบนวางลูกชิ้นลูกพอดีคำ และเนื่อหมูฉีกฝอยพูนชามใหญ่
ข้างตู้กระจก....มีควันพุ่งโขมงจากหม้อน้ำก๋วยเตี๋ยวตลอดเวลา
เนื้อหมู ตับ ม้าม หัวใจสดสะอาด วางเรียงอยู่บนน้ำแข็งป่นอัดแน่น
ในกระจาดขนาดย่อมรองด้วยกาละมังเพื่อรับน้ำที่ละลายลงมา
ผมนั่งโต๊ะหน้าตู้กระจก เฝ้ามองดูชายสองคนที่กำลังวุ่นวาย
ช่วยกันทำก๋วยเตี๋ยว และให้บริการลูกค้า ทั้งร้านมีเพียงสองคน
เท่านั้น คนพ่ออายุประมาณ หกสิบกว่าๆ ยืนหน้าหม้อก๋วยเตี๋ยว
มือเป็นระวิง คนลูกอายุประมาณ สามสิบกว่า ช่วยพ่อปรุงก๋วยเตี๋ยว
เสริฟ และบริการอื่นๆ
ลูกค้าเริ่มซาลงแล้ว...ผมกินเส้นเล็กน้ำทุกอย่าง...
ช้อนแรกของน้ำซุปที่ตักเข้าปาก อึ๊มมมมม....น้ำซุปหวาน
กลมกล่อม นุ่มลิ้น รสหวานติดลิ้นค่อยๆลื่นไหลลงไปในลำคอ
ที่สำคัญคือกลิ่นหอม รสเชงเชงจริงๆ ก๋วยเตี๋ยวอร่อย
โดยไม่ต้องปรุงรสเพิ่ม มีรสชาดเสร็จสรรพทั้งเปรี้ยว หวาน
เผ็ด เค็ม พอดี
ก๋วยเตี๋ยวน้ำแดงที่ขึ้นชื่อว่าอร่อยสุดสุด ผมได้วนเวียนไปกิน
มาแล้วทั้งนั้น ไม่่ว่าจะเป็นที่แม่กลอง ที่เพชรบุรี หรือ ที่ตลิ่งชัน
กทม. ทั้งหมดนั้นเทียบไม่ได้กับก๋วยเตี๋ยวน้ำแดงของร้าน
รสเชงเชง
อาเฮียคนลูกยกก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็กน้ำชามที่สอง เพิ่มพิเศษ
หมูฉีกฝอย พร้อมให้ความกระจ่างกับผม
"ก๋วยเตี๋ยวน้ำแดงมันยากตรงน้ำซุป ที่ทำอยู่ทุกวันนี้
เป็นสูตรของตระกูล ตกทอดกันมาหลายรุ่นแล้ว ผมใช้กระดูก
สั่งพิเศษ ล้างให้สะอาด ใส่ลงในหม้อต้มพร้อมเครื่องเทศ
ต้มเคี่ยวไปช้าช้าจนได้น้ำซุปเข้มข้น เนื้อที่ติดกระดูกจะดูด
เครื่องเทศเข้าไปจนหอม สีคล้ำ ผมก็จะเลาะออกมาฉีกฝอย
สำหรับโรยหน้าก๋วยเตี๋ยว ลูกค้าชอบกันมากครับ"
...............
........
....
พระอาทิตย์หลบเร้นเหลี่ยมตึกไปแล้ว อากาศเริ่มเย็นลง
เมื่อผมเดินผ่านหน้าร้านรสเชงเชงอีกครั้ง ร้านปิดเงียบ
ทั้งซอยเงียบสงัด ผมเดินทอดน่องช้าช้าไปที่รถ
ชายรูปร่างสูงใหญ่ หน้าเหี้ยม ในชุดสีขาวคล้ายบุรุษพยาบาล
มือถือถือสแตนเลสวาววับ ปิดฝามิดชิด เดินอย่างรีบร้อน
สวนทางมา ดวงตาของเขาจ้องเข้าไปในดวงตาผม
กระตุกยิ้มน้อยๆที่มุมปาก แล้วเดินผ่านผมไป
ผมรู้สึกเย็นยะเยือกขึ้นมาอย่างประหลาด รับสาวเท้าเดิน
................
..........
.....
ผมขับรถออกจากที่จอดรถของคลีนิค "เกื้อการุณ"
เลี้ยวออกจากซอย ผ่านหน้าคลีนิค ที่ตกแต่งไว้
อย่างหรูหรา น่าเข้าไปใช้บริการ
เวลาผ่านไป........ผมแวะเวียนกลับมากินก๋วยเตี๋ยว
ร้านรสเชงเชง จนสนิทสนมกับสองคน พ่อ-ลูก เป็นอย่างยิ่ง
อาาาาาาา......ก๋วยเตี๋ยวน้ำแดงของโปรด..........
.......................
............
........
....
เวลา 15.00 น.
"อาเฮีย ลื้อมาได้ไงอ่า อั๊วกำลังจาปิดร้าน"
อาแปะ ร้านรสเชงเชงทักทายผม
"จ๋อ..จ๋อ อั๊วจาทำชามพิเศษสุดให้ลื้อ"
วันนี้ผมกินเส้นเล็กแห้งพิเศษ อาแปะใส่เนื้อหมูฉีกฝอย
มาให้ทั้งหมดที่เหลืออยู่ พร้อมน้ำซุปสำหรับซดให้คล่องคอ
อีกชามใหญ่ น้ำซุปก้นหม้อที่เข้มข้น หวานลิ้น
ผมจัดการก๋วยเตี๋ยวหมดชาม น้ำซุปพร่องไปครึ่งชาม
ผมเริ่มคนลงไปที่ก้นชาม ตักกระดูกขึ้นมาพิจารณา
ผม.....ผงะ....มองเห็น....หน้าเหี้ยมๆ ยิ้มอย่างมีเลศนัย
ของบุรุษพยาบาล ผมมวนท้อง ท้องไส้พลุ่งพล่าน ปั่นป่วน
ผมพยายามกล้ำกลืนรสขมที่กำลังทะลักล้นขึ้นมาในลำคอลงไป
ไอ้ที่ผมกินเข้าไป......มันกำลังจะพุ่งออกมา
.........................................................
........................................
.....................
............
......
..
.
มันเป็นกระดูก ที่ยังมีเนื้อเปื่อยยุ่ยติดอยู่บ้าง
คุณพระช่วย!!! .....มันดูคล้ายมือมนุษย์.....
มือมนุษย์ย่อส่วน .........
................................................................................