29 เมษายน 2546 07:31 น.
ผีขี้เมา
.......ผู้แพ้.......
..หนาวน้ำค้างกลางไอความไหวหวั่น
คนชอบกันไปมีที่หวังใหม่
พบชายงามทรามเชยเลยเปลี่ยนใจ
หมดเยื่อใยไมตรีมีต่อเรา
ทิ้งความช้ำชอกไว้โดยไม่คิด
ไปยึดติดหลงต่อความหล่อเหลา
หรือเห็นฉันมันจนแค่คนเมา
เป็นซำเหมาเสมอเธอจึงเมิน
จดจำไว้ให้มั่นในวันแพ้
คงเหลือแต่ความหลังที่ห่างเหิน
เมื่อความรักหักร้างสิ้นทางเดิน
คงเจ็บเกินจะแก้กับแผลใจ
อาจจะน้อยใจบ้างเป็นอย่างนี้
อาจจะมีบางครั้งยังอ่อนไหว
อาจจะมีบางคราวเหงาเกินไป
ไม่เป็นไร...ไช่นานใจด้านเอง..
23 เมษายน 2546 21:55 น.
ผีขี้เมา
..ไม่หวังแย่งแข่งขันหรือฝันใฝ่
เอาหัวใจใครมาครองคอยคล้องเกี่ยว
ความหึงหวงอย่าล่วงล้ำถลำเกลียว
ใจดวงเดียวต้องรักษาอย่าเกรงใด
เกียรติคนรักหนักแน่นอย่าแม้นหยาม
อย่าทำตามใจตนจะหม่นไหม้
เมื่อรักกันหมั่นอุ้มชูเฝ้าดูใจ
อย่าหวั่นไหวบางสิ่งนิ่งแหละดี
ทางชีวิตผิดถูกมีลุกล้ม
ไม่ทับถมทำลายหรือป้ายสี
วันนี้พลาดอาจว่าวันหน้ามี
พบโชคดีดังหวังสมตั้งใจ
ประคองคู่รู้อภัยอย่าใจร้อน
อย่าตัดรอนงอนเขินเกินแก้ไข
เมื่อรักแล้วร่วมประคองสองดวงใจ
ขอฝากความห่วงใยด้วยไมตรี
18 เมษายน 2546 07:20 น.
ผีขี้เมา
เลือดนองดินผินทางไหนก็ไร้สุข
ต้องท้นทุกข์คลุกเคล้าความเศร้าหมอง
เหลียวทางไหนไม่มีแสงสีทอง
น้ำตานองหมองไหม้ไปอีกวัน
เสียงสะท้านควันระเบิดเกิดเป็นกลุ่ม
เข้าครอบคลุมสุมทับดับความฝัน
เสียงเข่นฆ่าน่ากลัวขนหัวชัน
การรบราฆ่าฟันมันน่ากลัว
ใจมนุษย์สุดโหดยิ่งโฉดเขลา
หลงมัวเมาเอาแต่ได้ตามใจชั่ว
ไม่คำนึงถึงบาปจะฉาบตัว
เข้าพันพัวสงครามอย่างย่ามใจ
ความเสียหายไม่คิดสักนิดหรือ
หลงตัวเองว่าคือผู้ยิ่งใหญ่
สิ้นอำนาจวาสนาลงคราใด
ดินฝังกายอย่าหวังว่ายังมี
8 เมษายน 2546 21:09 น.
ผีขี้เมา
..อ่อนล้า..
ฟังสิ...เสียงใบไม้ปลิดใบพลิ้ว
ลอยลงผิวพื้นภพกลบระแหง
ระยิบแดดแผดไอดังไฟแรง
โลกร้อนรนฝนแห้งแล้งศรัทธา
มองสิ...มองกอหญ้าเริ่มล้าอ่อน
คนทุกข์เข็ญเอนนอนลงอ่อนล้า
ฝุ่นผงห่มดงดอยเพียงกลอยตา
ท่ามกลางฟ้าวับแสงตะวันวาม
แสวงใดก็มืดประเด็นดับ
จะกระหยับเสือกสนเกรงคนหยาม
หลังมือป้ายปาดสะอื้นทุกคืนยาม
ซ่อนข่มความเงียบงำด้วยจำใจ
ณ เงื้อมเงายังอยู่รู้ว่าตื่น
ยังแข็งขืนสู้ต่อรอวันใหม่
กระทืบเท้าตะโกนท้าชกฟ้าไป
เก็บกักความหม่นไหม้ไว้อีกวัน ฯ
8 เมษายน 2546 21:06 น.
ผีขี้เมา
..อ่อนล้า..
ฟังสิ...เสียงใบไม้ปลิดใบพลิ้ว
ลอยลงผิวพื้นภพกลบระแหง
ระยิบแดดแผดไอดังไฟแรง
โลกร้อนรนฝนแห้งแล้งศรัทธา
มองสิ...มองกอหญ้าเริ่มล้าอ่อน
คนทุกข์เข็ญเอนนอนลงอ่อนล้า
ฝุ่นผงห่มดงดอยเพียงกลอยตา
ท่ามกลางฟ้าวับแสงตะวันวาม
แสวงใดก็มืดประเด็นดับ
จะกระหยับเสือกสนเกรงคนหยาม
หลังมือป้ายปาดสะอื้นทุกคืนยาม
ซ่อนข่มความเงียบงำด้วยจำใจ
ณ เงื้อมเงายังอยู่รู้ว่าตื่น
ยังแข็งขืนสู้ต่อรอวันใหม่
กระทืบเท้าตะโกนท้าชกฟ้าไป
เก็บกักความหม่นไหม้ไว้อีกวัน ฯ