16 ตุลาคม 2546 11:37 น.
ผีขี้เมา
คิดถึงมากอยากเยือนยังเรือนถิ่น
ณ แดนดินส้มโอหวานข้าวสารขาว
มีความรักฝากไว้ในเรื่องราว
ยังยืนยาวเนิ่นนานที่ผ่านมา
สุขได้พบสบตาคืนฟ้าผ่อง
กลางละอองดาวพร่างกลางเวหา
หนุนตักอ่อนนอนฝันชมจันทรา
ไม่เคลื่อนคราเคลียคลอพนอเคียง
ลมรำเพยเชยใบไม้ไหวอ่อน
อิงแอบอ้อนวอนคำลำนำเสียง
กระซิบซาบวาบหวามในสำเนียง
ยังอายเอียงแอบซบไม่สบตา
ด้วยวันนี้ในเมืองมีเรื่องยุ่ง
ไม่อาจมุ่งหมายมาตรปรารถนา
งานสำเร็จเสร็จก่อนจะย้อนมา
ขอสัญญามั่นไว้จะไม่ลืม........๚ะ๛
15 ตุลาคม 2546 09:40 น.
ผีขี้เมา
ขอสวมแหวนแทนใจเอาไว้ก่อน
แล้วจะย้อนกลับมาหาจอมขวัญ
ร่วมเคียงคู่อยู่สองประคองกัน
ตราบนิรันดร์ตะวันสิ้นดินละลาย
ยามห่างไกลใช่ลืมไปปลื้มหลง
ยังดำรงความรักสมัครหมาย
แม้นสาวอื่นหมายมั่นสัมพันธ์กาย
รับรองได้ว่าพี่มีใจเดียว
ถวิลนักจากกันในวันนี้
เกรงคนดีเปลี่ยนไปในยามเปลี่ยว
อย่าเลยนะอย่าทำให้ช้ำเชียว
มันฉุนเฉียวเกินยิ่งกว่าสิ่งใด
แหวนวงน้อยด้อยค่าสง่าศรี
ดูไม่มีราคาค่าไฉน
แต่เปี่ยมล้นจนหลามด้วยน้ำใจ
จงสวมไว้นิ้วนางยามร้างจร
ชายรูปงามตามติดจะคิดเกี้ยว
หมายคล้องเกี่ยวผูกพันจงผันผ่อน
หว่านคารมณ์คมคาย ให้ตัดรอน
อย่าใจอ่อนวอนเจ้าโปรดเข้าใจ
สัญญาใจคล้ายหลักปักคงมั่น
ไม่แปรผันโยกคลอนด้วยอ่อนไหว
ไม่ลวงล่อหลอนหลอกหรือนอกใจ
จดจำไว้สองปีพี่กลับมา...๚ะ๛
14 ตุลาคม 2546 09:45 น.
ผีขี้เมา
เพียงประสบพบพักตร์ก็รักก็หลง
ใฝ่พะวงเคียงข้างมิห่างมิหาย
อุรารุ่มร้อนรนกระวนกระวาย
ด้วยพิษไฟรักเผาให้เร่าให้ร้อน
ทั้งร้อยเอ็ดเจ็ดย่านเที่ยวผ่านเที่ยวพ้น
พบแต่คนเสแสร้งแกล้งหลอกแกล้งหลอน
ไม่ใยดีมีแต่เจ้าแง่เจ้างอน
ไม่อาทรแผ่เผื่อไร้เยื่อไร้ใย
เมตตาด้วยช่วยรับประคับประคอง
อย่าให้ต้องผิดหวังดังฝันดังใฝ่
ขอเศษเสี้ยวเพียงนิดน้ำจิตน้ำใจ
ช่วยโปรยปรายให้บ้างอย่าหมางอย่าเมิน
เป็นชาวดินถิ่นด้อยน้อยศักดิ์น้อยศรี
หวังไมตรีสักครั้งอย่าห่างอย่าเหิน
ใช่มาหลอนมาลวงทำล่วงทำเกิน
หากประเมินรักนี้มีมากมีมาย
ให้หวั่นเกรงรังเกียจจะเหยียดจะหยาม
แค่คนต่ำขี้เมาทั้งเช้าทั้งบ่าย
ใครจะมาใยดีมีจิตมีใจ
คงไม่วายขลักขลุกกับทุกข์กับตรม
ขอร่วมหัวจมท้ายไม่ย้ายไม่โยก
จะครองโลกความชื่นไร้ขื่นไร้ขม
ณ ตรงนี้สองเราเฝ้าชื่นเฝ้าชม
เพียงสองกลมต่อวันไม่ผันไม่แปร......๚ะ๛
10 ตุลาคม 2546 10:31 น.
ผีขี้เมา
สายลมโชยริ้วไล้พริ้วใบหญ้า
เสียงสาดซ่าหญ้าเอนเห็นอ่อนไหว
ลำต้นน้าวลู่ลมแทบล้มไป
เหมือนสายใยพิศวาสจะขาดพลัน
หวนรำลึกถึงครั้งนั่งเคียงคู่
ทุกวันอยู่เคียงใกล้ไม่ห่างขวัญ
ประคองรักฝังใจใฝ่รำพัน
สุขนิรันดร์มั่นรักภักดิ์ปรองดอง
ความคิดถึงปั่นป่วนรันจวญจิต
รักเชยชิดเคียงมั่นกันทั้งสอง
คลองน้ำเอ่อเคยนั่งริมฝั่งคลอง
สกาวผ่องคืนนั้นพระจันทร์ลอย
เมื่อความรักที่เธอเสนอให้
มาเปลี่ยนไปเพราะฉันนั้นต่ำต้อย
แล้วทิ้งไปให้เป็นเช่นผู้คอย
เหลือเพียงรอยขีดฆ่าเปื้อนราคี
ใยจึงทำช้ำเจ็บให้เหน็บหนาว
มาหลอกกล่าวรักชอบแล้วลอบหนี
ใครเล่าเคยเว้าวอนอ้อนวจี
จะภักดีคงมั่นตราบวันตาย
ต่อแต่นี้ตัดใจไม่คิดรัก
จะขอภักดิ์รักชาติไม่ขาดหาย
ยึดถือหลักพระศาสน์ไม่คลาดคลาย
เมื่อรักพ่ายหักเปาะเพราะกรรมบัง....๚ะ๛
3 ตุลาคม 2546 12:45 น.
ผีขี้เมา
โฮ่ง..โฮ่ง....คะนองเห่า.................ตะคุ่มเงาระแวงหวั่น
แฮ่ง..แฮ่ง...ตะแบงบัน..................จะเย้ยหยันกวีไซร้
ฮื่อ..ฮื่อ...ขยับเขี้ยว.......................หาได้เหลียวดูตัวไม่
หงิง..หงิง..จะอิงใคร....................เกากลากเกลื้อนละเลือนลาม
ชิ..ชิ...ชะหมาน้อย.........................แคะคำถ่อยร้อยคำหยาม
จุ๊..จุ๊...จงหยุดพล่าม......................หยุดลามปามทำย่ำยี
ตุ๊บ..ตุ๊บ...ทุบสักพลั้ก....................ให้หลังหักดีไหมนี่
เอ๋ง..เอ๋ง...กระเจิงสิ.......................เมื่ออยากริอันธพาล..
............
...เป็นกวีมีใจไม่ใฝ่ศิลป์
คอยดูหมิ่นกลอนกานท์ผลงานหรู
สำคัญตนถือว่าเหนือกว่าครู
น่าส่องดูเงาสักนิดแล้วคิดทวน
มัวสำรอกสำรากคายกากเก่า
จึงขรึมเขลาเงางึมจนลืมล้วน
แค่ควายน้อยคอยแอกแตกขบวน
ใยปั่นป่วนลืมสิ้นตีนตนเอง..