30 กันยายน 2551 15:47 น.
ผมชื่อโจ้
[1]
๐เคลิ้มความฝัน ลมเช้า กระเซ้ากระซี้
คอยแต่โบยลมตีจะหยอกเย้า
จะพยุง พยายาม จะยกเอา
จะยกร่างอันขี้เซาให้ตื่นนอน
๐ให้ตื่นเช้า แลฟ้าแจ่มกระจ่าง
ซึ่งสาด แสงสว่าง ส่องแดดอ่อน
โดยมีสายลมเช้าส่งข่าววอน
ตามออดตามอ้อน อ้อยสร้อยตาม
[2]
๐คือเจ้าสายลมเหงา ระริกระรี้
ซึ่งหอบเอาไมตรี มาไถ่ถาม
จากฟากโพ้น ฝั่งฝัน ฟ้าสีคราม
จากนาง ผู้งามอรชร
๐จากนางผู้ซึ่ง คอยเร้นหน้า
นางผู้มีมนตราคอยเป่าต้อน
นางผู้เสกคาถา โก่งแขนฟ้อน
ต่อนยอน ตะต่อนยอน นางอ้อนใคร
๐คงฟ้อนอ้อน ให้แด่เจ้าสายลม
ส่งมาพรม มาพรำ ฉ่ำลมใส
ซึ่งพัดโปรย สู่อีกฟ้า ฟากฝั่งไกล
ฝั่งที่เช้า ยังไม่ ตื่นจากเตียง
[3]
๐จึงแค่เคลิ้ม คลับคล้ายคลับคลา
นางผู้ซึ่งเร้นหน้า มาพร้อมเสียง
กระซิบไซ้ใบหู จูบไล้เรียง
สะดุ้ง! เพียง เปียกผ้าปูที่นอน
21 กันยายน 2551 12:22 น.
ผมชื่อโจ้
[๑]
๐แหงนมอง กระต่ายกระโดดเต้น
กระจะแจ่มวันเพ็ญกระจ่างศรี
ใบตองสี่เหลี่ยมเป็นบัตรพลี
จึงเครื่องเซ่นรูจีมณีจันทร์
๐เซ่นสอย สาวเจ้าพระจันทร์เพ็ญ
ผู้ซึ่งเป็น กระต่ายนางสวรรค์
ผู้ซึ่งพร้อยด้วยมวลดาราพรรณ
งามในห้วงมหรรณพ์หอมราตรี
๐หอมไปสู่จักรวาลตระการแก้ว
ภพพิมานงามแล้วโฉมฉวี
ผ่องโสภิตพิมลดลฤดี
เบื้องวิถีบูรพาทัศไนย
๐ตะวันออกซึ่งอวลสว่างจันทร์
วาวแสงนวลยวลสรรค์ส่องไสว
ยิ่งเงยแหงนยิ่งเห็นกระต่ายไคล
กระโดดเต้นยั่วใจให้เต้นตาม
[๒]
๐โอ!อา ข้าแต่อวตาร
พระนารายณ์พิมานแห่งภพสาม
แม้นมาตรมนต์ใดไสยคาม
มนต์นั้นให้อยู่ท่ามพระจันทร
๐ในท่ามกลางกระต่ายกระโดดเต้น
ดลให้เห็นทอดตามาถ่ายถอน
อัญเชิญกระต่ายอรชร
กระโดดฟ้อนต้อนรับกับไมตรี
[๓]
๐สักครู่สักครั้งสักคราเถิด
ขอให้ใจแจ่มเจิดจรัสศรี
สักวาร วาระสักราตรี
เพี้ยงผ่อง เพลานี้นงสะคราญ
๐เจ้านาง กระต่ายผู้เนื้อนวล
ผู้ยวล ยองใย สะอาดสะอ้าน
ขอได้มา พรมพรำมารำบาญ
แห่งศึกรักสะท้าน ทรวงฤดี
[๔]
๐สักครู่สักครั้งสักคราเถิด
บังเกิด ใจแจ่มจรัสศรี
ก่อนรุ่ง ฟ้าสางสะอางราตรี
ก่อนเครื่องเซ่นบัตรพลีจะคลายมนต์
16 กันยายน 2551 15:32 น.
ผมชื่อโจ้
---
[๑]หลับตาเสียข้างหนึ่ง
แล้วเบิกตานึกถึงข้างที่เหลือ
ข้างที่ใจเอื้อหนุนจะจุนเจือ
เอื้อเฟื้อแขกเหรื่อของเรือรบ
[๒]มีบัญชาโดยละไม
ค้อมค่อม หัวให้โดยสงบ
โดยรักในสงครามพื้นพิภพ
เปิดทำนบอิสระแสดงฤทธิ์
[๓]หรี่ตาเสียสักข้าง
เสียบ้าง อย่าเสียสิทธิ์
เสียความเป็นชายในชีวิต
เปิดบาน ทวารทิศทางของเธอ
[๔]ทางที่ตาอีกข้าง
เบิกโพลงรับพร่างทางเสนอ
ทางรัก สวนดอกไม้ที่ใคร่เจอ
วิ่งวนบ่นเพ้อ รำพึงรำพัน
[๕]เป็นอาการออกจริต
ที่เปิด มิปิดกั้น
จึงเมื่อคืน ทวารหวานเข็ดฟัน
งานไม้ป่าเดียวกันในอุทยาน
[๖]ดอกไม้ของเธอจึงซีด
สีต่างเหมือนถูกกรีดรีดสีหวาน
เหลือแต่รอยหมองช้ำช่องสำราญ
ร้าวกับรูสังขารทวาร....หนัก
ฯลฯ
4 กันยายน 2551 23:59 น.
ผมชื่อโจ้
๐ได้โปรดมองตา
แล้วจะเห็นใบหน้าของข้าพเจ้า
อาจบ้าง พอผ่อนทุเลาเพลา
อาการเหน็บหนาวของค่ำคืน
๐ร่ำไห้ เพียงเจ้ามาหนุนตัก
เช็ดน้ำตา ชุ่มรักคลายสะอื้น
คืนนี้ คงเป็นคืน ทั้งคืน
ระหว่างเรา จะเป็นฟืนเป็นไฟกัน
๐หมายถึงการสุมเชื้อ
ให้รักจักเผื่อผสานฝัน
ผ่อนเหน็บคลายหนาวเย้าพระจันทร์
ลืมคืนลืมวัน ใครบางคน
๐กล่อมเจ้า จวบเช้าหยดน้ำค้าง
ชุ่มหมอก รางชางของสายฝน
พรมเบา พรำใบ ให้เจ้ายล
พรำพร่างกมลใบหน้านวล
๐ให้ฟ้าทั้งฟ้าอางขนาง
สรรพางค์เกยหนุนไปทุกส่วน
โอบกอด ตระกอง ประคองยวน
มองตา ก็ล้วนอุ่นนวลตา
๐ลืมทุกข์ ลืมไปในความหลัง
แดดอุ่น เราจะอัง ปรารถนา
กุมมือ จับมือ ยื่นมือมา
ใจเรา เราสัญญา ใจเดียวกัน