21 สิงหาคม 2551 00:12 น.
ผมชื่อโจ้
๑.
๐แน่งนางโสเภณีสิเน่หา
หลังม่านมายาคือความหมอง
รูปหน้า คือดอกไม้ที่ใคร่มอง
ยองใย ลำยองของนงเยาว์
๐อยู่ในซากความสุขสำเร็จรูป
หลากรอยจูบ ร้อยปากอยากจูบเจ้า
ทนต่างคืนแต่ละวันพอบรรเทา
รอปัดเป่า การสังวาสกามารมณ์
๐สนองกามคุณเสพเมรัย
เสพกำซาบความใคร่ได้เสพสม
เสพซับ ความซ่าน เสพชื่นชม
เสพเพียง ความขื่นขม ของดอกไม้
๐แค่โดยผ่านราคาซื้อมาเสพ
มิต้องผ่านกามเทพก็เสพได้
เสพสุข เสพอิ่ม เพียงอึดใจ
ขยี้ทั้งดอกใบให้ร้าวราน
๒.
๐เป็นนางสวรรค์ความกำหนัด
อัตคัดความสุขในสังขาร
แค่แผ่ผ่อน นอนร่างอย่างทรมาน
แลกตัณหาอาหารเป็นเงินทอง
๐เป็นแม่นางแน่งเนื้อโสเภณี
แม่ศรีคณิกา ผู้เก็จก่อง
จวบถึงเช้าผ่านปะ ละอองฟอง
หน้าที่การขายของก็จากลา
๐หรือบ้าง บางนางผู้โสภณ
ค้างคืน จวบจนตะวันจ้า
แต่ทั้งหมดทั้งมวลล้วนมายา
ความจริงมีน้ำตากล่อมหลับนอน ฯ
12 สิงหาคม 2551 21:33 น.
ผมชื่อโจ้
๑.
๐แค่หลับตาก็เห็นแม่นั่งยิ้มให้
ยิ้มอยู่ในดวงตาความเป็นแม่
ดวงตาที่อิ่มหวังไปทั้งแด
ทั้งดวงใจทั้งแท้แม่ภูมิธรรม
๐ความเป็นแม่ก็คือแม่ไปทั้งหมด
ไปทั้งมวลหมดจดทุกฉนำ
ไปทุกที่ ทุกสถาน ทุกการกระทำ
ความเป็นแม่คือผู้นำธรรมาภิบาล
๒.
๐คือผู้นำความสุขครบวงจร
เป็นนางฟ้าองค์อาทรอยู่ที่บ้าน
เป็นองค์กรความรัก มิมีประมาณ
บริหารให้ความสุขลูกทุกคน
๐เพราะรักแท้ของแม่ไม่มีหมด
ไม่มีลดมีแต่เพิ่มจะเติมผล
แผ่ความรักละมุนละไมในกมล
โดยแผ่ซ่านอยู่บนความหวังดี
๓.
๐นี่ก็แค่หลับตาคิดถึงแม่
ถ้าลืมตาก็ยังแต่จะเต็มปรี่
จะยอบราบกราบก้มพนมมาลี
พนมกรอัญชุลีด้วยมาลัย
๐แล้วขอพรขอให้แม่มือลูบหัว
ลูกคงซ่านไปทั้งตัวน้ำตาไหล
คงความสุขที่พรมพรำความอำไพ
คงเป็นบุญอันยิ่งใหญ่ในบัดดล
๔.
๐แล้ววันนี้สวัสดีแม่ที่รัก
แม่ผู้เป็นอาณาจักรบุญกุศล
ผู้ที่เป็นเจ้าแม่ในมณฑล
ของหัวใจลูกทุกคนในจักรวาล
๐สวัสดีวันแม่ แม่ที่รัก
แม่ผู้เฝ้าฟูมฟักป้อนอาหาร
แม่ผู้มีความรักเต็มทะนาน
เต็มอยู่ในอากาศยานความห่วงใย
๕.
๐ขอให้มีความสุขนะครับแม่
ดูแลสุขภาพเอาใจใส่
วันแม่ ลูกก็รู้แม่อิ่มใจ
แค่เห็นพวงมาลัยเพียงหนึ่งพวง ฯ
9 สิงหาคม 2551 09:12 น.
ผมชื่อโจ้
๐หลับเสียเถิดให้หลับนั้นฝันสนิท
หลับเสียเถิดชีวิต ลิขิตสวรรค์
ให้หลับตา หลับสนิทนิจนิรันดร์
ให้หลับนั้น หลับนานกาลเวลา
๐ให้หลับคือ การลับของสังขาร
ลับไปสู่วิมานการลาหล้า
ลาไปสู่ปรโลกโลกลับตา
โลกนิทราแห่งชีวิตอนิจจัง
๐ให้หลับนี้ลืมทุกข์โทมนัส
ทุกข์แห่งโรคสาหัสคือทุกขัง
ความไม่เที่ยงครั้งนี้คือจีรัง
คือแผนผังของสังขารการจากลา
๐หลับเสียเถิดให้หลับนั้นฝันสนิท
หลุบเปลือกตาหลับปิดแสวงหา
ให้หลับนี้หลับสนิทในนิทรา
แม้จะหลับทั้งน้ำตาความอาลัย
๐ขอส่งสู่ สุคติในพิภพ
ในโลกของมาณพนิรัติศัย
ลืมนิวรณ์คือการละมโนมัย
ขอพระรัตนตรัยได้คุ้มครอง
๐เหลือไว้เพียงเสียงเพลงบรรเลงกล่อม
เสียงที่ย่อมวอนเว้าของเจ้าของ
เสียงแห่งเพลงลำนำท่วงทำนอง
เสียงขับร้องกล่อมเกลาให้เราฟัง
๐แหละนี้คือยอดรัก สลักใจ
ผู้ถึงยอดอายุขัยได้ถึงฝั่ง
ผู้มีรักถึงหัวใจในพลัง
ขอได้รับน้ำตาหลั่งไว้อาลัย
๐ขอส่งสู่ สุคติในพิภพ
ในโลกของมาณพนิรัติศัย
ลืมนิวรณ์คือการละมโนมัย
ขอพระรัตนตรัยได้คุ้มครอง ฯ
6 สิงหาคม 2551 13:10 น.
ผมชื่อโจ้
ว่าความ ทำความเข้าใจกันนิดหนึ่งได้นะคับ
เอ่อ!คือว่าผมก็พอจะต่อความยาวสาวความยืดเป็น
จึงเป็นที่มาของการต่อกรกะแม่ญิงงามเจียงใหม่เมื่อคืน
ได้โปรดอ่านในใจ
----------------
(แม่หญิงล้านนา)
๐เคยรักใครบ้างไหมคุณโจ้ขา
พอพบหน้าทำอุราฉันไหวหวั่น
ลิขสิทธิ์ของหัวใจเท่าไหร่กัน
จดทะเบียนเปลี่ยนผันฉันขอจอง
(ผมโจ้)
๐เคยสิ! ผลิดอกไม้ของความรัก
ปรารถนาการรู้จักเป็นเจ้าของ
เป็นดอกไม้ใคร่อยากมอบใจครอบครอง
จดทะเบียนไปทุกห้องของหัวใจ
(แม่ญิงล้านนา)
๐จะจำหน่ายจ่ายแจกหรือแลกแถม
น้องแก้มแดงเอ่ยออกมาพาเฉไฉ
โปรดเรียกมาอย่าหวังเพียงเกี่ยงกำไร
คิดยังไงขอจองไว้ใช้ส่วนตัว
(ผมโจ้)
๐เพียงกำไรความรักความภักดี
แค่ความคิดก็เต็มที่เต็มไปทั่ว
เต็มประมาณจะประเมินก็เกินกลัว
กลัวรองรับเกินจะรั่วเต็มหทัย
(แม่ญิงล้านนา)
๐เอ่ยวาจามาเช่นนี้ดีแล้วคะ
จะไม่ผละจากอกพี่หนีไปไหน
หากรักจริงพี่ไม่คิดทิ้งน้องไป
คงต้องยอมตามฤทัยในวาจา
(ผมโจ้)
๐คำเจ้า ประกาศสัตยาบัน
เป็นคำมั่นคำขลังมิกังขา
เราลงนามในความรักอนรรฆา
อันมีค่าของความรักความภักดี
(แม่ญิงล้านนา)
๐มิรังเกียจดอกไม้ในดงดอย
จะเฝ้าคอยเอาใจใส่มิหน่ายหนี
เหมือนพระรถยอมรักสาวเจ้าเมรี
ชั่วชีวีขอสัญญาว่ารักเดียว
(ผมโจ้)
๐มิรังเกียจดอกไม้กระไรเลย
ดอกไม้ หอมรำเพยใบสีเขียว
เป็นดอกไม้ในดงดอยเพียงดอกเดียว
มือจะโอบกอดเกี่ยว ตระกองประคอง
๐จะทะนุถนอมเจ้าจอมขวัญ
เพราะนี่คือความฝันรอบที่สอง
ที่แม่ญิงเจียงใหม่มารับรอง
มายืนยิ้มมายืนมองเป็นไมตรี
๐ขอบคุณความรักจากแม่ญิง
เราลงนามความจริงกันที่นี่
ณ ประตูปลายฟ้าอุษามณี
ณ นทีฉ่ำชีวิตนิจนิรันดร์ ฯ
3 สิงหาคม 2551 14:26 น.
ผมชื่อโจ้
๐เราคือผู้ ผ่านทางมาเดินเทียว
ต่างแปลกหน้าโดดเดี่ยวเที่ยวหาฝัน
แสวงหาโอสถชิ้นปลามัน
ในมหามหรรณพ์ บรรณกวี
๐ในโลกไพศาล บรรณพิภพ
โลกแห่งฝันมิรู้จบกวีศรี
เรากล่อมโลกละมุนความสุนทรี
ให้ชีวิตให้เสรีจิตวิญญาณ
๐เราต่างทางพเนจรพนาไพร
ต่างลัดไต่ ไล่เลาะเยาะสังขาร
เหย้าหยอกเอิน เพลินท่องทะเยอทะยาน
ลางลิงค่าง บ่างพานพบชะนี
๐ลางลิง โล้กิ่งไม้ ก็ลางลิง
ลางลิง ก็ร้องกลิ้งพลางวิ่งหนี
ลางลิง ก็โหยหวนชวนวจี
ลางลิงก็ป่วนผีจะลับลาง
๐คือระหว่างต่างเราผู้แปลกโลก
ผู้แปลกหน้าโบยโบกโลกแตกต่าง
อยู่ในโลกต่างเราความเบาบาง
เบาบ้าง หนักบ้าง ระหว่างเรา
๐ระหว่างกันและกัน กิริยา
โดยภาษาโดยอรรถมาปัดเป่า
มาผ่อนพักผ่อนผันมาบรรเทา
มายิ้มหัว ยั่วพะเน้าหยอกเหย้ากัน
๐โดยสภาพต่างเราก็แปลกหน้า
แปลกต่าง บ้างโหยหา นรกสวรรค์
เพียงบรรจบพบปะก็ต่างพลัน
เสวนาจำนรรจ์เจรจา
๐เราจึงต่างแปลกหน้าในบ้านนี้
โดยพื้นที่ภูมิศาสตร์ต่างองศา
ต่างเท้า ก็ต่างทาง ต่างมรรคา
ต่างกัน มีต่างตา ต่างมุมมอง
(ปอลอ.)
๐ส่วนตัวผมแค่ผ่านทางมาพักเหนื่อย
แวะวักน้ำแก้เมื่อยล้างหน้าหมอง
ทว่า! เมื่อเงยหน้า ได้เชยมอง
เห็นดอกไม้ ก็เลยย่องเก็บดอกไม้ ฯ