13 พฤศจิกายน 2551 11:55 น.
ผมชื่อโจ้
๑.ส่งเสด็จด้วยน้ำตาก็หาไม่
แต่น้ำตาก็ไหล จะส่งเสด็จ
มิใช่เอา ความโศกเศร้าเข้าทูลเท็จ
เพราะน้ำตาก็เล็ดเต็มสองตา
๒.ตื้นอยู่เต็มหัวอกพสกนิกร
แผ่แต่ความอาทรเต็มใบหน้า
พอหลับตา ก็แต่พบพระพลับพลา
ประทับ ณ ชั้นฟ้าอมราวดี
๓.เมื่อลืมตา ก็แต่เพียงพบพระเมรุ
งามสวยเด่นสนามหลวงเฉลิมศรี
เฉลิมพระเกียรติขัตติยะนารี
ก่อนพระเพลิงจะพลี สรีรังคาร
๔.เข้าใจถึงวาระอนุสติ
อนุสนธิอนิจจังของสังขาร
เข้าใจถึงไตรลักษณ์ของจักรวาล
แต่ทะนานน้ำตาน้อมอาลัย
๕.น้อมบังคมสมควร ควรมิควร
ข้าพระพุทธเจ้ามาด่วนน้ำตาไหล
ถือประคองดอกไม้จันทน์น้อมหัวใจ
ส่งเสด็จครรไลคัคนานต์
๖.เป็นบุญญาธิการประเทศแล้ว
เป็นดวงแก้วกัลยา กัลปาวสาน
เป็นพระกัลยาณมิตราจารย์
ทรงสถิตทิพยสถานนิรันดร์เทอญ
--------
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ
9 พฤศจิกายน 2551 11:45 น.
ผมชื่อโจ้
[๑]พอจะมีหัวใจในความรัก
(อยู่บ้าง) บางขยักของสมอง
บางขณะความคิดละอองฟอง
ฟูฟ่อง ท่องเพริดเตลิดไป
[๒]ตะละตะลอนร่อนเร่พเนจร
สายตาก็ส่อน เบิกตาใส
ตื่นตา กับดวงตาใครต่อใคร
ที่ทั้งซื่อทั้งใคร่ระคนกัน
๓]พอจะมีหัวใจในความรัก
อยู่บ้าง บางตักให้นอนฝัน
อยู่บ้าง บางแขนเกี่ยวแบ่งปัน
อยู่บ้าง บางวันบางเวลา
[๔]พอจะมีหัวใจให้บางคน
หัวใจที่จำนน จำเป็นว่า
ยอมหัวใจให้เป็นเซ่นน้ำตา
อันอาบแก้มไหลท้าความปราณี
[๕]พอจะมีหัวใจในปรารถนา
อยู่บ้าง บางเวลา บางหน้าที่
เป็นบางครั้ง บางรัก เป็นบางที
เอนโอน อ่อนฤดีเป็นบางคราว
[๖]พอจะหยุดหัวใจในความรัก
ความตื่นเต้นก็มักจะส่งข่าว
โน่นดอกไม้ นั่นเพ็ญพวง เจ้าดวงดาว
งามกว่างาม กว่าด้าวแผ่นดินเดิม
๐ได้โปรดบริจาคความรัก
ข้าพเจ้าก็จักมีรักเพิ่ม
(แหะๆ)